เป้ วงมายด์ เผยตั้งแต่มีลูกแฝด ขับรถช้าลง ใจเย็นมากขึ้น - ท้าทาย คุมโปรเจ็กต์ใหญ่
เป้ วงมายด์ เผยตั้งแต่มีลูกแฝด ขับรถช้าลง ใจเย็นมากขึ้น - ท้าทาย คุมโปรเจ็กต์ใหญ่ครั้งแรก คอนเสิร์ตลิเก ออนแอร์ ซี้ดแน่ แม่จ๋า
นักร้องหนุ่มเป้ MVL หรือ เป้ วง Mild มารับหน้าที่ผู้ควบคุมการแสดง Show Director และ Music Director ครั้งแรก ในคอนเสิร์ต “ลิเก ออนแอร์ ตอน ซี้ดแน่ แม่จ๋า” จัดโดยค่ายเพลง สไปร์ซซี่ ดิสก์ โดยเป็นการคอลแลปกันระหว่าง “คณะลิเก ศรราม น้ำเพชร” และ “วง เดอะ รู๊บ (The Rube)“
โดยในเย็นของวันที่ 15 ส.ค.68 หนุ่มเป้ ในฐานะผู้ควบคุมการแสดงคอนเสิร์ตครั้งนี้ เปิดห้องซ้อมให้สื่อมวลชนเก็บภาพบรรยากาศซ้อมใหญ่ ก่อนแสดงจริง ในวันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม 2568 ณ เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ
ได้เปิดใจรู้สึกตื่นเต้นท้าทาย ได้ชาเลนจ์ตัวเองในการทำงานใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน ซึ่งเป็นโปรเจ็กต์ใหญ่ครั้งแรกของตน หลังเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในวงการมานานเกือบ 20 ปี พร้อมยกเครดิตให้กับทีมงานทุกคน
พร้อมกันนี้ ได้เผยถึงบทบาทคุณพ่อลูกแฝด ที่ตอนนี้ลูกชายทั้งสอง น้องมิวสิค และ น้องลีริคส์ เพิ่งครบ 4 ขวบ
บทบาทใหม่ Music Director และ Show Director ? “ตื่นเต้นครับ เพราะว่าเคยแต่ทำงานอยู่เบื้องหน้า ถ้าทำเบื้องหลังส่วนใหญ่ในสตูดิโอ เป็นโปรดิวเซอร์ นักแต่งเพลง แต่ว่าคราวนี้เราได้ใช้ประสบการณ์ความสามารถในอีกเชิงหนึ่งที่เราไม่เคยมีโอกาสได้ทำมาก่อน ขอบคุณผู้ใหญ่ค่ายสไปร์ซซี่ ดิสก์ เพื่อนๆ ศิลปินหลายๆ ท่านที่มองเห็นศักยภาพให้โอกาส จะพยายามทำให้ดีที่สุด ไม่ให้เสียกับโอกาสที่ได้รับมา”
จากคนเบื้องหน้า มาคุมงานเบื้องหลัง ยากแค่ไหน ? “ผมมองว่ามันเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เราอยู่ในวงการนี้มาเกือบ 20 ปี ถ้าเราจะนำเอาประสบการณ์ต่างๆ เหล่านี้มาช่วยหรือผลักดันทำให้มันเกิดสิ่งใหม่ๆ ให้กับวงการบ้านเราได้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี สำหรับผมมองว่าเป็นเรื่องที่ชาเลนจ์น่าทำ น่าตื่นเต้น
สุดท้ายพอเริ่มทำจริงๆ ก็รู้สึกว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ มันกลายเป็นว่าการที่เราเป็น Music Director และ Show Director มันไม่ได้แปลว่าเราคือคนที่ต้องทำทุกอย่าง แต่กลับกลายเป็นว่าเราเป็นคนที่ต้องกระจายให้กับทุกๆ คน
เพราะเรารู้ดีว่าลำพังเราคนเดียวไม่สามารถจะทำให้สิ่งยิ่งใหญ่แบบนี้มันสำเร็จได้ด้วยตัวของเราเอง มันก็เลยต้องมีการแบ่งแยกหน้าที่ การจัดเรียงคนให้เหมาะกับงาน สิ่งนี้ทำให้เรารู้ว่าอะไรที่เราไม่เคยทำ หรือเรื่องที่มันใหญ่มากๆ จนล้นมือ เราทำคนเดียวไม่ได้ ต้องมีทีมที่ดีด้วย”
เป็นโปรเจ็กต์ใหญ่ที่สุดสำหรับเราเลยใช่มั้ย? “ใช่ครับ เป็นโปรเจ็กต์ที่ใหญ่สุด เพราะว่านี่เป็นครั้งแรก เราไม่มีข้อเปรียบเทียบใดใดเลย นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ทำ ปรากฏว่าเป็นโปรเจ็กต์ที่พิเศษแบบนี้มีทั้งคณะศรราม น้ำเพชร ถ้ามองกันปอนด์ต่อปอนด์ก็คือคณะลิเกอันดับ 1 ของประเทศไทยในตอนนี้
รวมไปถึงThe Rube เองถือว่าเป็นวงดนตรีที่ประสบความสำเร็จในเชิงยอดวิวในยูทูบถล่มทลายมากมาย ถ้ารวมทุกเพลงเกือบพันล้านวิว ก็ถือว่ามันเป็นงานที่ท้าทาย รู้สึกว่านี่เป็นงานที่ใหญ่ที่สุดและเป็นงานแรกด้วย”
กดดันมั้ย กับความคาดหวังของแฟนๆ ลิเก รวมทั้งทวง The Rube ? “ตอนแรกรู้สึกกดดันพอสมควร เพราะเป็นงานที่เราไม่เคยทำ เราไม่เคยมีประสบการณ์ในตำแหน่งนี้มาก่อน ก็ต้องพัฒนาในทุกๆ เรื่องอย่างเฉียบพลันรวดเร็ว แล้วก็รู้สึกว่าในทุกๆ วันมีอะไรที่เราต้องแก้อยู่ตลอด แต่อย่างที่บอกเครดิตทั้งหมดเราขออนุญาตยกให้กับทีมเพราะว่าทีมเป็นคนที่ทำให้คอนเสิร์ตครั้งนี้มันออกมาได้ดีมากๆ ขนาดนี้ ไม่ใช่ผมเลย จริงๆ แล้วคือทีมมากกว่าที่เก่ง”
ทุ่มเทกับงานขนาดนี้ แล้วบทบาทคุณพ่อเป็นอย่างไร ? “น้องแฝด เพิ่งครบ 4 ขวบ รู้สึกว่ายิ่งเด็กๆ โตมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เรารู้สึกเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นเท่านั้น เด็กๆ เขาเป็นเหมือนกระจกเงาส่องสะท้อนตัวเรา ไม่ว่าเราจะเป็นแบบไหน เขาก็จะเป็นแบบนั้น เราอยากให้ลูกเป็นเด็กที่ใจเย็น เราก็ต้องใจเย็นกับลูก
เราอยากให้ลูกเป็นคนมีเหตุผล เราก็ต้องมีเหตุผลกับลูก สิ่งต่างๆ เหล่านี้มันหล่อหลอมทำให้ผมรู้สึกว่าเรากลายเป็นคนที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เป็นคนเต็มคนมากขึ้น มองทุกอย่างเป็นลอจิกมากขึ้น ดูเข้าใจในธรรมชาติมากขึ้น”
พอมีลูกแล้ว เห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวเองอย่างไรบ้าง ? “ผมเสาะแสวงหาความมั่นคง ความปลอดภัยให้กับชีวิตมากขึ้น เมื่อก่อนเราใช้ชีวิตสนุกสนาน เช้ายันเช้า สนุกไปเรื่อยๆ อยู่กับเพื่อน ใช้ชีวิตแบบไม่ได้กังวลว่าพรุ่งนี้จะมีหรือเปล่า แต่วันนี้เรารู้สึกว่าเราขับรถช้าลง อยากให้ใครสักคนมาดูแลเรา เราอยากจะปลอดภัยกลับบ้าน
ในทุกๆ วันที่ทำงานเสร็จไม่ได้รู้สึกอยากจะไปไหนต่อ อยากรีบกลับบ้านไปชาร์จแบตให้ชีวิตตัวเอง ไปกอดลูก ไลฟ์สไตล์ผมเปลี่ยนไปในทางที่ปลอดภัยมากขึ้น ทำให้เรามีเวลากับครอบครัวมากขึ้น มีเวลาได้ทำงานที่เราไม่เคยทำมากขึ้น อย่างวันนี้ที่เราได้มีโอกาสเป็น Music Director และ Show Director ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่เรามีครอบครัว มันทำให้เรามีเวลาได้รับในสิ่งอื่นๆ มากขึ้น”
อยากสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัว ? “ใช่ครับ เราไม่ได้ตัวคนเดียวที่จะต้องรับผิดชอบแค่ตัวเราคนเดียว ถ้าตัวเราคนเดียวยังไงก็ได้ไม่มีปัญหา แต่ว่าพอเรามีลูกแล้ว เรามีภรรยาแล้ว เราพลาดไม่ได้ ก็ต้องปลอดภัยมากยิ่งขึ้น”
การเลี้ยงลูกในวัยนี้ยุคนี้ มันยากมั้ย? “ผมว่ายากขึ้นเยอะนะครับ อันดับแรกเลยโรคภัยไข้เจ็บมันเยอะ ถ้าใครมีลูกเล็กจะทราบดี อย่างลูกผมวัยอนุบาลเรียนสองวัน ป่วยอาทิตย์หนึ่ง เป็นอย่างนี้ออด ๆ แอดๆ ตลอดเวลา
ซึ่งถ้ามองย้อนกลับไปในสมัยผมเองจะทราบดีว่าเราไม่เคยมีเลย การป่วยแบบอาทิตย์หรือว่าเข้าโรงพยาบาลป่วย RSV ไวรัสนู่นนี่นั่น เราไม่รู้จักมันเลย เพิ่งมารู้ตอนมีลูกนี่แหละ มันเป็นเรื่องที่แปลกมาก แต่เราก็ต้องปรับตัวไปตามนั้น ก็เลยทำให้เราเข้าใจในโลกมากขึ้น มีความละเอียดอ่อนในจิตใจมากขึ้น เพราะเราอยู่กับเด็กมันจะทำให้เราเข้าใจเราก็ต้องละเอียดอ่อนมากขึ้น”
สอนลูกอย่างไร ให้อยู่กับโลกภายนอกได้อย่างปลอดภัย ? “ผมไม่สามารถที่จะเอาความรู้ความสามารถผมไปสอนลูกได้ เพราะผมมองว่า ณ วันนี้ประสบการณ์ของลูกเป็นสิ่งที่ลูกต้องสร้างเอง อนาคตของเขาเป็นสิ่งที่เขาเลือกเอง เรามีหน้าที่แค่สองอย่าง อย่างแรกมีบ้านเป็นเซฟโซนให้เขา
กลับบ้านมาเมื่อไหร่เราจะไม่มีการตอกย้ำถามหาความจริงใดใดก็ตาม กลับมาบ้านมีบ้านเพื่อพักผ่อน เติมความรักให้กันและกัน และอีกอย่างคือเรามีหน้าที่ซัพพอร์ตเขาไม่ว่าจะเป็นทางใดก็ตามถ้ามันเป็นเรื่องที่ดี เป็นเรื่องที่ถูกต้อง หน้าที่ของเราคือซัพพอร์ตเขาให้ไปในทางที่ดีและถูกต้องแค่นั้นเอง”
น้องฉายแววเหมือนคุณพ่อไหม? “เขาก็ซนตามวัยแหละ เขามีเพื่อนมีมิวสิคมีลีริคส์ มันก็ทำให้ทุกอย่างคูณสองไปหมด คนนึงอยากจะเอาหัวตัวเองไปวัดกับพื้น อีกคนก็อยากจะรู้ว่าเหมือนกันว่าถ้าคนนี้หัวไม่แตก แล้วหัวเขาจะแตกมั้ยนะ หรือบางคนอยากจะกระโดดจากโซฟาอีกคนก็อยากจะกระโดดให้มันไกลกว่านั้น หรือบางทีเรามีถุงวางอยู่ที่พื้นเราบอกว่ามันลื่นนะ
เขาก็อยากรู้ว่ามันลื่นจริงหรือเปล่าเขาก็จะวิ่งผ่านถุงไปอยากรู้ว่ามันเป็นยังไง เราก็ทำได้แค่อย่างเดียวทำบ้านให้มันปลอดภัย เปลี่ยนพื้นให้มันนิ่มขึ้น ลบเหลี่ยมลบมุม เปลี่ยนลูกไม่ไหวครับ ถ้าคุณพ่อคุณแม่ที่เลี้ยงลูกในวัยเดียวกันจะทราบดีถ้ามีลูกสองคนในวัยเดียวกัน การเปลี่ยนลูกเป็นสิ่งที่ยากที่สุดเปลี่ยนโลกง่ายกว่า(หัวเราะ)”
ระหว่างเป้กับภรรยาใครดุกว่ากันในการเข้มงวดกับลูก ? “จริงๆ แล้วสลับกันครับ อยู่ที่ว่าช่วงนั้นใครเจอลูกก่อน ถ้าวันนั้นทั้งวันใครดีลกับลูกทั้งวัน คนนั้นจะเป็นคนที่โมโหก่อน บางทีเราตื่นสายลงมาช้า เราจะใจเย็นกว่าหน่อย ก็จะให้ภรรยาขึ้นไปพักก่อนคูลดาวน์ก่อน”
แล้วลูกกลัวใครมากกว่า คุณพ่อหรือคุณแม่ ? “จริงๆไม่กล้าพูดเลย สลับกัน กรจะเป็นคนที่คอยจ้ำจี้จ้ำไชมากกว่า ตามสไตล์ผู้หญิงหม่าม้า แต่ของเราจะเป็นไม้สุดท้าย ไม่ขยับใช่มั้ย จะเข้าไปนับถึงสามนะ ถามว่าเขากลัวไหม บางทีเขาก็ไม่กลัวหรอกครับ อย่างล่าสุดบอกมิวสิคไปอาบน้ำลูก แล้วจะนับแค่สามนะ 1 2 แล้วเขาหันหน้ามา 3 4 5 6 7 8 รู้เลยว่าได้ใคร(หัวเราะ) เขาเป็นกระจกเงาจริงๆครับ แต่ก็สนุกดีมันทำให้เราใจเย็นมากขึ้น ใจเย็นมากเลย(ทำเสียงกัดฟันพูด)”
จะมีลูกผู้หญิงต่อเลยไหม ? “โห ไม่ได้มีแพลนเลยครับ ณ ตอนนี้รู้สึกว่าอยากจะเลี้ยงดูเขาให้ดีทั้งคู่ก่อน อยากจะทำทุกอย่างให้มันดีที่สุดก่อน เรายังไม่แน่ใจว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง โรคภัยไข้เจ็บเยอะขึ้น ภัยพิบัติต่างๆ มันเยอะขึ้น สงครามมันมีเยอะขึ้น สังคมที่มันดูเสี่ยงมากขึ้น เราไม่แน่ใจว่า ณ ตอนนี้มันเหมาะหรือเปล่ากับการมีชีวิตใหม่ขึ้นมา ณ ตอนนี้มีสองคนเอาให้ดีก่อน ส่วนที่เหลือถ้าเขาจะมาก็ต้องเป็นไปตามนั้น แต่ถามว่าพยายามจะมีไหมก็ยังไม่มีแพลนคลับ”
คอนเสิร์ตใหญ่? “ไม่น่าเชื่อว่าจะทำคอนเสิร์ตเดี่ยวไปด้วยในขณะเดียวกันในวันนี้เรามาทำมิวสิกไดเรคเตอร์ โชว์ไดเรคเตอร์ ของลิเกออนแอร์ ตอนซี้ดแน่แม่จ๋า วันที่ 30 สิงหาคมที่เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ
อีกอาทิตย์นึงต่อไปจะมีคอนเสิร์ตเดี่ยวของตัวผมเองชื่อว่า MVL ALL IN เป็นคอนเสิร์ตเดี่ยวในฐานะศิลปินเดี่ยวครั้งแรก จัดที่ลิโด้ สยาม มันจะเป็นเหมือน Exclusive คอนเสิร์ต มากกว่า จัดขึ้นที่เล็กๆ รับประมาณ 500 คน เท่านั้นเอง แขกรับเชิญเยอะมาก มีพี่ แน็ป The Nap พี่เอ๊ะ จิรากร พี่บลู Indigo พี่เอก เดอะวอยซ์ 4 คนเลย
นี่ก็คือเป็นคอนเสิร์ตรูปแบบเต็มครั้งแรกในฐานะศิลปินเดี่ยว ก็เลยรู้สึกว่าทำคอนเสิร์ตสเกลแบบโซโล่ในช่วงเวลาไทม์ไลน์เดียวกัน ก็รู้สึกว่าตัวเองแกร่งดีเหมือนกัน เวลานอนน้อยหน่อย แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีเป็นโอกาสที่ดี ก็ฝากสองคอนเสิร์ตนี้ด้วยทั้งวันที่ 30 สิงหาคมที่เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ คอนเสิร์ตชื่อว่าลิเกออนแอร์ ซี้ดแน่แม่จ๋า แล้วก็วันที่ 6 กันยายน ที่ลิโด้ สยาม รับแค่ 500 เทาคนเท่านั้น ว่า MVL ALL IN Concert ซื้อบัตรได้เลยที่ zipevent”.
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เป้ วงมายด์ เผยตั้งแต่มีลูกแฝด ขับรถช้าลง ใจเย็นมากขึ้น - ท้าทาย คุมโปรเจ็กต์ใหญ่
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th