ปชน. ชี้ตัด ‘งบกลาโหม’ ยากลำบาก รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าไม่ตรวจสอบ ทำกองทัพอ่อนแอ
'ชยพล‘ ขออย่าใช้ความขัดแย้งชายแดนไทย - กัมพูชา เป็นข้ออ้างในการปกป้องงบประมาณ แฉกองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมบ้านผู้ช่วยทูตทหารไทย ในกรุงพนมเปญ ชี้แม้อยู่ในสถานการณ์ความขัดแย้ง แต่การตรวจสอบกองทัพก็ยังต้องทำ
13 สิงหาคม 2568 - เวลา 17.48 น. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายชยพล สท้อนดี สส.กทม พรรคประชาชน อภิปรายมาตรา 8 งบกระทรวงกลาโหม ว่า ปีนี้เป็นปีที่เราตัดงบของกระทรวงกลาโหมได้ยากลำบากมาก เพราะทุกครั้งที่มีการถามการขอรายละเอียดจะต้องมีคนพูดขึ้นมาตลอด ไม่ว่าจะจากผู้ชี้แจงหรือจากกรรมาธิการสัดส่วนรัฐบาลว่า ให้ปล่อยเขาไปเถอะ เพราะตอนนี้กำลังมีสถานการณ์ความขัดแย้งที่ชายแดนไทยกัมพูชา
นายชยพล กล่าวต่อว่า ตนเข้าใจว่ามีความจำเป็นต้องใช้ของใช้งบในช่วงที่เกิดเหตุความขัดแย้ง ซึ่งตนก็เป็นห่วงทหารที่อยู่หน้างานตรงชายแดนว่าเขาจะมีอุปกรณ์ใช้พอหรือไม่จึงต้องดูงบประมาณของกองทัพว่าใช้ถูกจุดถูกที่หรือไม่หรือใช้เรื่องกัมพูชาเป็นข้ออ้างในการปกป้องงบประมาณกันแน่ พร้อมยกตัวอย่างว่า หอดนตรี กองทัพอากาศ ซึ่งเป็นโครงการก่อสร้างอาคารใหม่ ของหน่วยดุริยางค์ทหารอากาศ งบประมาณเกือบ 140 ล้านบาท ตัดลดลงไปได้แค่ 6 แสนบาทเท่านั้น ซึ่งมีทั้งที่พักกำลังพลข้างบน มีห้องซ้อม ห้องอาหาร แล้ว ก็มี concert hall สูง 2 ชั้นไว้ใช้ซ้อม และใช้แสดงดนตรีด้วย
โดยกองทัพอากาศ ให้เหตุผลไว้ว่า หน่วยดุริยางค์เพิ่งย้ายมา แล้วต้องใช้พื้นที่ร่วมกันกับหน่วยอากาศโยธิน เลยจำเป็นต้องสร้างหอพักเพิ่ม แต่ถึงก็ยังไม่ตอบคำถามว่าทำไมต้องมี concert hall ด้วย ทำไมไม่ทำแค่ห้องซ้อม และห้องพักเท่านั้น รวมทั้งหอประชุมเดิมของ ทอ.ก็อยู่ใกล้ แค่ทะลุถนนธูปะเตมีย์ได้ก็ถึงหอประชุมแล้ว และนำงบไผใช้เพื่อปรับปรุงระบบเสียงของหอประชุมเดิมก็ยังได้ ไม่ต้องสร้างใหม่ของตัวเอง ซึ่งสามารถประหยัดงบได้เยอะ
นายชยพล ยังตั้งคำถามอีกว่า ทำไมต้องมีหน่วยดุริยางค์ต้องมีแยกทุกเหล่าทัพ และเหตุใดถึงไม่ยุบรววมกันอยู่ที่ส่วนกลางของกระทรวง แล้วใครจะใช้ก็ประสานงานขอใช้ก็ทำเรื่องขอล็อคคิวกันไป ซึ่งไม่จำเป็นต้องแบ่งทำเบี้ยหัวแตก แยกกันทำหอประชุม หอดนตรี หอพัก ให้ต้องเปลืองงบกันมากมายขนาดนี้
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องซื้ออุปกรณ์การแพทย์ของกองทัพบก ซึ่งเป็นอุปกรณ์ปฐมพยาบาลภาคสนาม โดยตนเห็นว่าในรายการหนึ่งที่น่าสนใจมาก คือรายการจัดซื้ออุปกรณ์ผ่าตัดรถเข็ม เครื่องตัดกระดูก แต่เมื่อพอดูไปดูมา มันกลับกลายเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ซึ่งตอนวาระ 1 ตนก็อภิปรายไว้แล้ว ที่กองทัพบกเอาน้ำเชื้อม้ามาใส่ในเอกสารลับ และตอนนี้ตนจะหาอุปกรณ์การแพทย์เพื่อดูว่ากองทัพบกใส่ใจชีวิตความเป็นอยู่ของกำลังพลที่ต้องออกไปเสี่ยงชีวิตมากแค่ไหนแต่ก็เจออยู่แค่ม้า
นายชยพล ยังเปิดเอกสารที่เกี่ยวกับอุปกรณ์ฟิตเนส ประจำกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ว่า ตนข้องใจ เพราะตอนนี้ไทยได้ลดความสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาเรียบร้อยแล้ว และมีการเรียกฑูตไทยประจำพนมเปญกลับ และส่งทูตกัมพูชาประจำไทยกลับประเทศ แต่ปรากฏว่า กองทัพบกยังสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารไทยที่อยู่กรุงพนมเปญ จึงตั้งข้อสงสัยว่า จะยังมีใครได้ใช้อยู่หรือไม่ จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ถึงแม้ว่าเราจะอยู่ในสถานการณ์ที่มีความขัดแย้ง แต่การตรวจสอบกองทัพก็ยังต้องทำกันต่อไป อย่างเข้มข้นอยู่ดี เพราะการที่รัฐบาลทำนิสัยแบบเดิมๆ คือการเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพ โดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพต้องอ่อนแอ ไม่มีการวางยุทธศาสตร์ที่เป็นอันหนึ่งเดียวกัน ต่างคนต่างแยกกันทำ แล้วสุดท้ายมันก็จะส่งผลต่อสมรรถนะของกองทัพเอง
“กำลังพล แม้แต่ในสถานการณ์แบบนี้ ยังไม่มีแม้แต่อุปกรณ์ห้ามเลือดดีๆ ใช้ แต่ก็เอาเงินไปขอซื้ออุปกรณ์ผ่าตัดม้าแทน ผมต้องสื่อสารกับคนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหาร ผมก็อยากให้คิดไว้ด้วยว่า ถ้าคุณรักในชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังเสียงที่สำคัญมากๆ แต่เป็นเสียงที่เบาที่สุดในความขัดแย้งครั้งนี้ คือเสียงของทหารที่อยู่ชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร เขารู้สึกอย่างไร แล้วการบริหารงานขอรัฐบาล การจัดสรรงบประมาณ และการทำงานของพวกนายพลดาวเต็มบ่า มันสะท้อนความต้องการของคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” นายชยพล กล่าวทิ้งท้าย