ตำนานบทใหม่ รมต. วัฒนธรรมเขมร ล้างสมองเด็ก เสี้ยมให้เเค้นไทย
เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า เนตร ภูมารี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและศิลปกรรม เป็นตัวแทน พวง สโกนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและศิลปกรรม เรียกร้องให้เด็ก ๆ ชาวกัมพูชาระลึกถึงการกระทำของประเทศไทยในปี พ.ศ.2568 และเปลี่ยนความโกรธแค้นนี้ให้เป็นความพยายามที่จะเรียนรู้ ซึมซับความรู้ และทำความเข้าใจประวัติศาสตร์ของประเทศ วัฒนธรรม ประเพณี และขนบธรรมเนียมอันดีงามของบรรพบุรุษชาวกัมพูชาของเราอย่างชัดเจน เราต้องร่วมมือกันอนุรักษ์และปกป้องมรดกทางวัฒนธรรมเหล่านี้ เพื่อให้คงอยู่และดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์
เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากกระทรวงวัฒนธรรมกล่าวถ้อยแถลงนี้ในระหว่างการเปิดสัมมนาเรื่อง บทบาทของเยาวชนในการมีส่วนสนับสนุนในการปกป้องและอนุรักษ์วัฒนธรรมบรรพบุรุษดั้งเดิม เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ.2568 ณ โรงเรียนมัธยมศึกษาศิลปกรรม โดยความขัดแย้งระหว่างกัมพูชาและไทยปะทุขึ้นในเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 ณ ปราสาทตาเมือนธม จังหวัดอุดรมีชัย และลุกลามไปยังจุดอื่น ๆ ตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย การสู้รบเกิดขึ้นหลังจากที่ฝ่ายไทยได้บุกโจมตีปราสาทตาเมือนก่อนหน้านี้
เนตร ภูมารี ได้หยิบยกเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นกว่า 500 ปีหลังจากการล่มสลายของนครวัด โดยประเทศเพื่อนบ้านของเราได้หล่อเลี้ยงหัวใจ บิดเบือน บิดเบือน และบิดเบือนประวัติศาสตร์ ด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะยึดครองดินแดนกัมพูชาเป็นของตน โดยการยั่วยุ หาข้ออ้างเพื่อสร้างความขัดแย้ง และจุดชนวนสงครามรุกรานกัมพูชา ศัตรูเหล่านี้มักสร้างกลอุบายและยาพิษเพื่อหลอกลวงชาวกัมพูชาให้ทำลายมรดกทางวัฒนธรรมของตนเองโดยไม่รู้ตัว ประสบการณ์ที่เราทุกคนได้สัมผัสและคุ้นเคย ได้แก่ การต่อสู้ระหว่างวัวกับหุ่นยนต์ในเรื่องราวของปราสาทพระโกพระแก้ว การทำลายเมืองหลวงด้วยการโยนเงินและทำลายรูปปั้นในปราสาทเขมรโบราณ รวมถึงการทำลายและขโมยสมบัติล้ำค่าและวัตถุโบราณจากดินแดนกัมพูชา เป็นต้น
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา กองทัพไทยได้อ้างเหตุผลต่างๆ โดยกล่าวหาประเทศในเรื่องบูรณภาพแห่งดินแดน ตั้งแต่เกาะกูดในจังหวัดเกาะกง วัดตาเมือนธม วัดตาเมือนโต๊ด วัดท่ากระบี่ ไปจนถึงพื้นที่มอม 3 ในจังหวัดสตึงแตรง การยั่วยุต่างๆ มีตั้งแต่การประท้วง การยิงสังหารทหารกัมพูชา ซึ่งนำไปสู่การระเบิด ในช่วงสงคราม ทหารไทยไม่ลังเลและละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศด้วยการยิงและทิ้งระเบิดปราสาทโบราณของกัมพูชา ซึ่งเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม
เนตร ภูมารี กล่าวว่า การกระทำของเพื่อนบ้านของเราได้มอบประสบการณ์อันเจ็บปวดและบทเรียนให้แก่ชาวเขมร โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ให้รำลึกและเปลี่ยนความโกรธแค้นนี้ให้เป็นความพยายามที่จะเรียนรู้ ซึมซับความรู้ และทำความเข้าใจประวัติศาสตร์ของประเทศ วัฒนธรรม ประเพณี และขนบธรรมเนียมอันดีงามของบรรพบุรุษชาวเขมรของเราอย่างชัดเจน เราต้องร่วมมือกันอนุรักษ์และปกป้องมรดกทางวัฒนธรรมเหล่านี้ เพื่อให้คงอยู่และคงอยู่ตลอดไป
ในสถานการณ์เช่นนี้ เยาวชนกัมพูชาคือเสาหลักของชาติ เป็นผู้สืบทอดที่เข้มแข็ง มีบทบาทสำคัญในการอนุรักษ์ คุ้มครอง และพัฒนาประเทศชาติให้สงบสุข มั่งคั่ง รุ่งเรือง ในขณะเดียวกัน การอนุรักษ์ คุ้มครอง และอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมของชาติก็เป็นส่วนหนึ่งที่ต้องอาศัยความใส่ใจและการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันจากเยาวชนกัมพูชาทุกคน
ดังนั้น การจัดสัมมนาเรื่อง บทบาทของเยาวชนในการมีส่วนร่วมปกป้องและอนุรักษ์วัฒนธรรมและประเพณีของบรรพบุรุษ จึงตอบสนองความต้องการของเยาวชนซึ่งเป็นลูกหลานที่มีศักยภาพของชาติเขมร และเป็นหน่อไม้ที่เข้มแข็ง ที่ต้องมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ คุ้มครอง และอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี และกิจกรรมอื่น ๆ ของบรรพบุรุษเขมร อันเป็นเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมประจำชาติ และมีส่วนร่วมในการส่งเสริมวัฒนธรรมประจำชาติอย่างภาคภูมิใจบนเวทีนานาชาติ
ขณะเดียวกัน เนตร ภูมารี กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรมและศิลปกรรม ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักหรือหน่วยงานหลักของรัฐ มีบทบาทในการดำเนินนโยบายของรัฐบาล คือ ยุทธศาสตร์กระทรวงกลาโหม ระยะที่ 1 ซึ่งมุ่งเน้นด้านประชาชน ถนนหนทาง น้ำ ไฟฟ้า และเทคโนโลยี รวมถึงการดำเนินนโยบายทางวัฒนธรรม โดยมุ่งเน้นการอนุรักษ์ คุ้มครอง และอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมของชาติ
ในส่วนนี้โรงเรียนมัธยมศึกษาศิลปกรรมก็เป็นหน่วยงานสำคัญของกระทรวงเช่นกัน โดยมีพันธกิจในการฝึกอบรม สอน และให้ความรู้และทักษะในหลายด้าน ทั้งการเต้นรำ ดนตรี ละครสัตว์ ทัศนศิลป์ และการละคร แก่ลูกหลานทุกคน เพื่อให้พวกเขาเข้าใจ อนุรักษ์ และสืบทอดสู่รุ่นต่อไป ดิฉันขอเรียนให้ทราบว่ามรดกทางวัฒนธรรมของชาติจะคงอยู่ได้ก็ต่อเมื่อเราทุกคนพึ่งพาอาศัยเด็ก ๆ เหล่านี้