สส. ประชาชน เผยมือดีลปริศนาโทรเสนอ 10 ล้าน แลกโหวตผ่านกฎหมายสำคัญของรัฐบาล ยังไม่ทราบตัวตน
วันนี้ (14 สิงหาคม) ชัชวาล อภิรักษ์มั่นคง สส. ขอนแก่น พรรคประชาชน และ วีรนันท์ ฮวดศรี สส. ขอนแก่น พรรคประชาชน เปิดเผยถึงกรณีมีคลิปเสียงสนทนาเพื่อขอเสนอเงิน 10 ล้านบาท แลกเสียงโหวตร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 และร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งขณะนั้นรัฐบาลยังไม่ถอนร่างออกไป โดยไม่จำเป็นต้องย้ายพรรค
ชัชวาลเล่าเหตุการณ์ว่า เมื่อประมาณวันที่ 23 มิถุนายน ได้รับการประสานจากบุคคลท่านหนึ่ง ซึ่งไม่ได้รู้จักว่าเขาคนนั้นเป็นใคร แต่มีการส่งข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว จากเพื่อนในเฟซบุ๊กของตนมาอีกทีหนึ่ง พร้อมแจ้งว่ามีคนมาส่งของให้ แต่ปฏิเสธไปว่าไม่ได้สั่งของออนไลน์ และเข้าใจว่าเป็นการประสานงานที่เข้าใจผิดกัน
หลังจากนั้นก็มีการขอเบอร์โทรส่วนตัวแลกกัน และมีการโทรกลับเข้ามาอีก โดยบริบทคือชวนไปดื่มกาแฟ ซึ่งได้ตอบกลับไปว่า ตั้งแต่เป็น สส. มา ยังไม่เคยมีสุภาพสตรีท่านไหนโทรมาชวนเป็นการส่วนตัวเลย จึงมีข้อสงสัยอยู่อย่างหนึ่งว่าน่าจะเป็นอะไรที่ไม่ชอบมาพากล
เมื่อมีการพูดคุยสักพัก เขาจึงพูดถึงวัตถุประสงค์ที่ประสานเข้ามา คือขอซื้อเสียงโหวตร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่ขณะนั้นรัฐบาลยังไม่ได้มีการถอนร่างออกไป และระบุว่าหากเรายอมในเงื่อนไขที่หัวหน้าเขาได้เสนอมา เขาจะมอบค่าใช้จ่ายจำนวนทั้งหมด 10 กิโล จึงสอบถามเรื่องถึงขั้นตอนการจ่ายเงินส่วนนี้ โดยจะแบ่งเป็น 3-4-3 คือหากตกลงก็ไปคุยกับหัวหน้า และถ้ายอมรับเงื่อนไขจะจ่ายก่อน 3 กิโล ในรอบแรกจ่าย 4 กิโล หลังโหวตร่างเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์แรก และโหวตร่างงบ 2569 สุดท้ายอีก 3 กิโล ซึ่งที่เขาพูดไม่ได้พูดเฉพาะแค่วาระหนึ่ง แต่หมายถึงทั้งฉบับ
สุดท้ายจึงไม่ได้มีการตกลงในเรื่องเงื่อนไข หรือการยอมรับ ซึ่งได้ส่งข้อความหาบุคคลดังกล่าวด้วย เช่น หากมีการโหวตพรุ่งนี้ วันนี้ก็จะโทรมาเพื่อเร่งเอาคำตอบ ทั้งบอกอีกว่า หากไม่สะดวกเข้ามากรุงเทพฯ จะให้หัวหน้าไปจังหวัดเอง ดังนั้นจึงส่งข้อความยืนยันว่าปฏิเสธไป
และแม้ได้พยายามสอบถามว่าเขาเป็นคนจากพรรคการเมืองใดหรือไม่ หรือใครส่งมา เป็น สส. หรือรัฐมนตรีหรือไม่ แต่ก็ไม่ได้รับความชัดเจนในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม เราต้องยืนยันว่าไม่ประสงค์ที่จะขายเสียงของตัวเอง จึงให้การยืนยันไปว่า เราไม่สนใจ และตอบปฏิเสธกลับไป ดังนี้
“ขอบคุณมุมมองที่เป็นความสามารถของผม แต่ผมมาจุดนี้ได้ไม่ใช่เพราะผมอยากมีอำนาจ แต่เป็นเพราะเชื่อว่าสังคมเราดีกว่านี้ได้ ที่สำคัญผมยังสนุกกับการทำงานในการตอบแทนความไว้วางใจจากคนในพื้นที่ และไม่สามารถทำลายความหวังให้ทลายลงได้ ขอปฏิเสธข้อเสนอที่ชวนร่วมงาน และขอบคุณในความเชื่อมั่น หากงานสภาได้จอยกันไม่ว่าจะอยู่พรรคการเมืองใดก็ยินดีเสมอ”
ทั้งนี้ ส่วนตัวยังไม่ทราบว่าสุภาพสตรีท่านนั้นเป็นใคร แต่ได้ข้อมูลตรงกับวีรนันท์ และเขาใช้ชื่อเดียวกันในการประสาน ซึ่งวีรนันท์มีสายปริศนาโทรเข้ามาในวันที่ 22 มิถุนายน
เมื่อถามว่าเป็นพรรคการเมืองใด ชัชวาลกล่าวว่า เขาไม่ได้บอก แจ้งแค่หัวหน้าจะคุย แต่เวลาถามว่ามาจากพรรคการเมืองไหน เราก็คงอิงจากซีกรัฐบาลอยู่แล้ว ซึ่งหลายพรรคที่ตนได้เอ่ยชื่อไป คำตอบที่ได้คือไม่มีความชัดเจน “ขนาดถามถึงพรรคลุงป้อมเขาก็ตอบว่า หนูจะเป็นคนที่ไปดึงพรรคลุงป้อมมาอยู่กับหนูเอง”
ส่วนที่ถามว่าใช่ ‘ส.’ หรือไม่ เขาบอกว่าสูงกว่านั้น ซึ่งก็แสดงว่าเขารู้ว่า ‘ส.’ ที่พูดนั้นหมายถึงใคร
“เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบ่อย และด้วยสถานการณ์รัฐบาลเช่นนี้ ก็น่าจะเกิดขึ้นอีกในอนาคตหลายครั้ง จึงขอถามย้อนกลับว่า ไม่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขามีตัวตนจริงหรือไม่ สิ่งที่เขาเสนอให้กับ สส. ฝ่ายค้าน ไม่ว่าจะวงเงินเท่าไรก็แล้วแต่ แต่ไม่ใช่มาจากเงินกระเป๋านักการเมืองคนใดคนหนึ่ง มาจากภาษีของเรา” ชัชวาลกล่าว