บุกค้น 2 คลินิกดัง รับศัลยกรรมทำสวย ฉีดเพิ่มขนาด-ขลิบเจ้าโลก
14 ส.ค. 2568 ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย ปคบ. ร่วม สสจ.ปทุมธานี ปฏิบัติการตรวจค้นสถานพยาบาลรับทำศัลยกรรมอวัยวะเพศเถื่อนและแพทย์เถื่อน ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี จำนวน 2 จุด จับกุมหมอเถื่อนจำนวน 2 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจยึด นำโดย พ.ต.ท.รุตินันท์ สัตยาชัย สว.กก.4 บก.ปคบ. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. และเจ้าหน้าที่
พฤติการณ์สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่า ให้ตรวจสอบคลินิกศัลยกรรมที่เปิดให้บริการโดยไม่ได้รับอนุญาตและผู้ตรวจรักษาโดยบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์ โดยคลินิกแห่งหนึ่งมีการโฆษณาผ่านสื่อโซเชียลต่างๆ สื่อให้ประชาชนเข้าใจว่า มีแพทย์ผู้ความเชี่ยวชาญในการฉีดเพื่อเพิ่มขนาดและขลิบอวัยวะเพศชาย
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนพบว่า มีสถานพยาบาลในพื้นที่ จ.ปทุมธานี เปิดทำการรักษาโดยใช้บุคคลที่ไม่ใช่แพทย์ทำการตรวจรักษาให้ประชาชนทั่วไปจริง จึงเป็นการนำมาสู่การระดมกวาดล้างหมอเถื่อนและสถานพยาบาลเถื่อนในครั้งนี้
ต่อมาเมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก. ปคบ. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข (สบส.) และเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี(สสจ.) ร่วมกันเข้าตรวจสอบคลินิกในพื้นที่ จ.ปทุมธานี จำนวน 2 แห่ง ได้แก่
1. คลิกนิกแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่บริเวณถนนรังสิตนครนายก ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี โดยได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดธัญบุรีเข้าตรวจค้นสถานที่ดังกล่าว ซึ่งโฆษณาเปิดรับศัลยกรรมความงาม ยกคิ้ว ตัดถุงใต้ตา รับฉีดเพิ่มขนาดและขลิบอวัยวะเพศชาย ขณะเข้าตรวจค้น พบ นายเคนโซ (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี กำลังทำหัตถการให้กับผู้มารับบริการ
จากการตรวจสอบสถานพยาบาลดังกล่าวไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการและใบอนุญาตดำเนินการสถานพยาบาล พบว่า ภายในคลินิกที่ใช้ตรวจรักษามีสภาพไม่ถูกสุขอนามัยเป็นอย่างมาก วางอุปกรณ์ทางการแพทย์ทั้งที่ใช้แล้วและยังไม่ใช้รวมกันบนพื้นและในห้องครัว
อีกทั้งนำหลอดฉีดยาที่เจาะเลือดแล้วผู้ป่วยวางรวมอยู่ในตู้เก็บของ โดยไม่มีการแยกขยะติดเชื้อ รวมถึงนำขยะที่อาจติดเชื้อทิ้งไว้รวมกับขยะหรืออุปกรณ์การแพทย์อื่น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงร่วมกันจับกุม นายเคนโซฯ พร้อมตรวจยึดของกลาง เป็นยาแผนปัจจุบันและเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ในการรักษา จำนวน 30 รายการ รวม 625 ชิ้น นำส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ดำเนินคดี
จากการสอบถาม นายเคนโซ ยอมรับว่า ตนเองจบหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล มาทำงานที่นี้ได้ประมาณ 3-4 เดือน รับเงินเดือนเดือนละ 27,000 บาท โดยคลินิกนี้มีแพทย์เข้ามาทำหัตถการเป็นบางวันและตนเองก็จะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยแพทย์ที่มาทำรักษา วันใดที่มีประชาชนมาใช้บริการโดยไม่มีนายแพทย์ ก็จะทำหัตถการด้วยตนเอง ซึ่งสถานพยาบาลดังกล่าวเปิดดำเนินการมีสาขาทั่วประเทศหลายสาขา เบื้องต้นพบแพทย์ที่โฆษณาเป็นบุคคลเดียวกัน ซึ่งพนักงานสอบสวนจะได้สอบสวนขยายผลดำเนินคดีต่อไป
2. คลินิกศัลยกรรมแห่งหนึ่ง บริเวณถนนรังสิตนครนายก ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี คลินิกดังกล่าวเปิดให้บริการฉีดฟิลเลอร์ โบท๊อกซ์ เลเซอร์ ร้อยไหม และศัลยกรรมอื่น ขณะตรวจค้นพบ น.ส.อริยา (สงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี กำลังทำหัตการฉีดวิตามินให้กับผู้มารับบริการ จากการตรวจสอบพบว่า สถานพยาบาลได้รับอนุญาตถูกต้อง แต่ไม่มีแพทย์อยู่ประจำ สอบถาม น.ส.อริยา รับว่า ตนเองจบการศึกษาระดับ ปวช. และไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ทำงานมาประมาณ 1 ปี รายได้เดือนละ 15,500 บาท
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงร่วมกันจับกุมตัว น.ส.อริยา พร้อมตรวจยึดของกลางเป็นยาแผนปัจจุบันและยาไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา รวม 13 รายการ จำนวน 175 ขวด ส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ดำเนินคดี
ทั้งนี้รวมตรวจค้น 2 จุด เป็นสถานพยาบาลเถื่อน จำนวน 1 แห่ง จับกุมผู้ต้องหาที่เป็นแพทย์เถื่อน จำนวน 2 ราย พร้อมตรวจยึดของกลาง เช่น ยาแผนปัจจุบัน ยาขึ้นไม่ขึ้นทะเบียนตำรับ รวมทั้งพยานหลักฐานอื่นๆ จำนวน 43 รายการ
อนึ่ง การปล่อยให้บุคคลที่มิใช่แพทย์มาให้บริการรักษา ผู้ดำเนินการสถานพยาบาลจะถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ฐาน “ปล่อยปละละเลยให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่ผู้ประกอบวิชาชีพทำการประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีคำสั่งทางปกครองให้ปิดสถานพยาบาลเป็นการชั่วคราวหรืออาจถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาตได้ โดยหากพบการกระทำความผิดพนักงานสอบสวนจะมีการออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องมารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป
เบื้องต้นการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐาน
1. กรณีสถานที่ที่ไม่ได้รับอนุญาต จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ฐาน “ประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต และดำเนินกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2. พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ฐาน “ประกอบวิชาชีพเวชกรรม โดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3. พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 ฐาน
- “ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท
- “ขายยาที่ยังไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 5,000 บาท
นพ.นนท์ จินดาเวช นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี ขอแจ้งให้ผู้ประกอบการสถานพยาบาลทราบว่า หากท่านจะเปิดคลินิก ต้องมาขออนุญาตตามกฎหมายก่อนถึงจะเปิดทำการได้ และเมื่อได้รับอนุญาตให้เปิดสถานพยาบาลแล้วนั้น ผู้ประกอบกิจการสถานพยาบาลจะต้องจัดให้มีแพทย์ผู้ดำเนินการสถานพยาบาลอยู่ประจำ ณ สถานพยาบาลตลอดเวลาทำการ เพื่อความปลอดภัยของผู้รับบริการ หากมีการนำชื่อแพทย์มาแขวนป้ายโดยไม่จัดให้มีแพทย์ผู้ดำเนินการฯ ประจำอยู่จริงนั้น จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 ซึ่งมีโทษทั้งจำ ทั้งปรับ
ส่วนแพทย์ที่ยินยอมให้สถานพยาบาลนำชื่อมาแขวนป้าย ก็จะมีการดำเนินคดีด้านจริยธรรมทางการแพทย์ จากแพทยสภา ซึ่งอาจจะรุนแรงถึงขั้นระงับใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมได้ ดังนั้น จึงขอเน้นย้ำให้แพทย์ผู้ดำเนินการฯ ทุกรายปฏิบัติตามที่กฎหมายอย่างถูกต้อง และขอเตือนไปยังผู้ที่ลักลอบกระทำความผิด ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่สวมรอยเป็นหมอ, หมอเถื่อน หรือคลินิกเถื่อน ให้หยุดพฤติการณ์ดังกล่าวทันที หากตรวจเจอจะดำเนินคดีกับท่านทันที และขอประชาสัมพันธ์กับประชาชนหากพบสถานพยาบาลหรือแพทย์ที่ต้องสงสัยว่าอาจอยู่ลักษณะหมอเถื่อน หรือคลินิกเถื่อน สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหรือสายด่วนกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ 1426
พล.ต.ต.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ ผบก.ปคบ. กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคบ. ได้รับเบาะแสบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์ทำการรักษาโรค และทำหัตถการฉีดเสริมความงามให้ประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง โดยฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนว่า การฉีดฟิลเลอร์เพื่อเพิ่มขนาดอวัยวะเพศชายเป็นรสนิยมทางเพศส่วนตัวในแต่ละบุคคล ไม่ได้มีประโยชน์ต่อสุขภาพในแง่ทางการแพทย์ การผ่าตัดเพื่อใส่สิ่งแปลกปลอมเข้าไปในอวัยวะเพศอาจทำให้เสี่ยงต่อการอักเสบจนถึงขั้นติดเชื้อและอาจส่งผลร้ายให้อวัยวะเพศใช้การไม่ได้ และแจ้งเตือนไปยังผู้ที่ลักลอบกระทำความผิด ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่สวมรอยเป็นหมอ, หมอเถื่อน หรือคลินิกเถื่อน ให้หยุดพฤติการณ์ดังกล่าวทันที เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการจับกุมอย่างต่อเนื่อง หากตรวจพบจะดำเนินคดีโดยเด็ดขาด พี่น้องประชาชนสามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ สายด่วน บก.ปคบ.1135 หรือเพจ ปคบ.เตือนภัยผู้บริโภค