รู้จัก "ของขลัง" ทหารเหยียบกับระเบิดพกติดตัว รอดชีวิต
เปิดใจ 3 ทหารกล้า นาทีเหยียบกับระเบิดพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณเนิน 481 ช่องบก จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา
ของขลังรอดตาย
ผู้สื่อข่าวยังมีโอกาสเข้าเยี่ยมทั้ง 3 ราย ได้สอบถาม ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากแรงอัดกระแทกของระเบิดจนสลบ แต่กลับไม่ได้รับบาดเจ็บมาก นอกจากความโชคดีแล้ว ทั้งสองคนมีสิ่งยึดเหนี่ยวอะไรในการปฎิบัติหน้าที่แนวหน้าแบบนี้ โดย ส.อ.ปฏิพัทธ์ บอกว่า ตนเองห้อย "ตะกรุดคู่เหรียญหลวงพ่อสุพัฒน์" ห้อยมานานหลาย 10 ปี แล้ว ตั้งแต่ลงไปภาคใต้ และตะกรุดนี้จะเป็นที่รู้กันในหมู่ทหารชายแดนไทยกัมพูชา ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่มีประสบการณ์เฉียดตาย แต่รอดมาได้
ครั้งแรกตนห้อยตะกรุดหลวงพ่อไว้หน้ารถ แล้วรถเกิดอุบัติเหตุจนเหลือแต่ซาก ตัวเองกลับไม่เป็นไร และครั้งนี้เป็นครั้งที่เหยียบระเบิด
ส่วนพลทหารณัฐวุฒิ ตนเองห้อยพระหลายองค์ แต่ที่ได้มาล่าสุดในช่วงเช้าของวันเกิดเหตุไม่กี่ชั่วโมง คือ "เหรียญสรรพวิชาพหูรมาน" อธิษฐานจิตเดี่ยว โดยพระเดชพระคุณพระราชวัชรธรรมโสภณ (หลวงปู่ศิลา สิริจนฺโท) ณ ธรรมอุทยานหลวงปู่ศิลา สิริจันโท เพื่อแจกจ่ายเป็นขวัญและแก่ทหารชายแดน โดยท่านแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้มอบให้
นาทีเหยียบกับระเบิด
พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ได้รับบาดเจ็บบริเวณขาด้านซ้ายจนต้องตัดขา เพื่อรักษาเนื้อเยื่อส่วนที่ไม่ได้รับความเสียหายเอาไว้
พลทหารธนพัฒน์ เล่าว่า ช่วงที่เกิดเหตุเป็นการลาดตระเวนกลับฐานใกล้กับต้นพญาสัตบรรณ ตนได้เหยียบกับระเบิด เนื่องจากชุดทหารช่างตรวจไม่เจอ เพราะน่าจะเป็นระเบิดพลาสติก ตอนที่เกิดเหตุตนเองมีสติครบ พอเหยียบระเบิดปุ๊บ ตนเองรู้สึกร้อนเป็นไฟอยู่ที่ขา จากนั้นพบว่าขาขาด เพื่อนทหาร จ่า สลบ ตนจึงได้เข้าไปปลุกเพื่อนให้ช่วยลากออกจากจุดเกิดเหตุ
พลทหารธนพัฒน์ เล่าอีกว่า หลังจากที่เหยียบระเบิดตนเองเห็นขาแล้ว บอกกับตัวเองว่า "หมดแล้วอนาคต" แต่ก็ไม่เป็นไร การมาเป็นทหารครั้งนี้สมัครใจมา พร้อมสละชีวิตเพื่อแผ่นดิน ขวัญกำลังใจตอนนี้ดี ขอบคุณกำลังใจจากทุกคน ที่ผ่านมาสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
ขณะที่ น.ส.เนตนิภา หุยวัน อายุ 47 ปี แม่ของพลทหารธนพัฒน์ เล่าว่า ตัวเองทราบข่าวตอน 14.00 น. มีเจ้าหน้าที่ทำงานของลูกชายโทรมาบอก ตนรู้สึกตกใจ ใจสั่นเข่าอ่อน ทำใจไม่ได้ แต่ตนได้คุยกับลูกชายก็ดีใจที่ลูกชายเป็นคนใจสู้มากๆ ลูกชายตั้งใจที่สมัครทหารออนไลน์ เพราะใจรักอยากจะรักษาประเทศชาติ
ตอนนี้ตนได้รับกำลังใจจากญาติๆ ทหารที่ทำงานด้วยกัน แล้วก็ประชาชนชาวไทย ตนรู้สึกภูมิใจมาก 100% ที่ลูกได้ทำงานรับใช้ชาติ
"ภูมิใจในตัวลูกชาย และ รักลูกชายสุดหัวใจเทียบกับอะไรไม่ได้เลย" ส่วนหลังจากที่หายจากบาดเจ็บแล้วก็คงจะต้องรอดูต่อไปอีกครั้งว่าจะทำงานอะไร หากเป็นไปได้อยากให้เขารับราชการต่อเป็นงานเอกสารหรืออะไรก็ได้ ขอให้ลูกชายได้ทำงานรับใช้ชาติต่อ