รวบสาย 2 แก๊งคอลฯ ปอยเปต อ้างเป็นตำรวจมุกดาหาร หลอกโอน 300 ล้าน

อัพเดต 13 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 13 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ภาพไฮไลต์

ตร.ไซเบอร์ รวบหนุ่มพิจิตร ทำหน้าที่เป็นสาย 2 แก๊งคอลเซ็นเตอร์ปอยเปต อ้างเป็นตำรวจมุกดาหาร หลอกโอน 300 ล้าน ได้ค่าคอมมิชชั่นหลอกเหยื่อมากสุดกว่าแสนบาท ทำงานได้ 2 เดือนก็หนีกลับไทย

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 23 ก.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 พล.ต.ต.กฤตัสญ์ บำรุงรัตนยศ ผบก.สอท.4 พ.ต.อ.ปรีดา คงจัด รอง ผบก.สอท.1 พ.ต.อ.วีร์กวิน เสริมศรีธนชัย ผกก.3 บก.สอท.1 ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการรวบสาย 2 แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปอยเปต โทรหลอกเป็นตำรวจมุกดาหาร

พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า สำหรับในคดีนี้เริ่มต้นจากเมื่อช่วงปี 2566 ตำรวจไซเบอร์ได้ทำการสืบสวนคดี Hybrid Scam ที่รับแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ thaipoliceonline โดยเริ่มต้นจากมีผู้เสียหายรายหนึ่งถูกติดต่อจากบุคคลใช้ภาพโปรไฟล์หน้าตาดีผ่านโซเชียล จากนั้นได้ชวนผู้เสียหายพูดคุยกันจนเกิดความสนิทสนมและชอบพอกัน ต่อมาจึงหลอกให้โอนเงิน โดยอ้างว่านำไปลงทุนคริปโตเคอเรนซี ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปกว่า 300 ล้านบาท จึงได้ทำการสืบสวนสอบสวนจนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องที่กระทำผิดในขบวนการกว่า 70 ราย ติดตามจับกุมตัวได้แล้ว จำนวนเกือบ 50 ราย

จากกรณีดังกล่าว มีประเด็นที่น่าสนใจ คือ เจ้าหน้าที่พบพยานหลักฐานว่า ผู้ต้องหาตามหมายจับกลุ่มดังกล่าวเป็นผู้ร่วมขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นองค์กรขนาดใหญ่ มีผู้ร่วมขบวนการกว่า 100 คน โดยมีชาวจีนเป็นหัวหน้า มีฐานที่ตั้งอยู่ที่ ภูลิคาสิโน (Pu Li Casino) ตั้งอยู่ในเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา ซึ่งขบวนการดังกล่าว ทำหน้าที่หลอกลวงคนไทยหลากหลายรูปแบบ อาทิ หลอกลวงเป็นหน่วยงานรัฐแล้วโทรศัพท์ข่มขู่ให้เหยื่อโอนเงินเพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าเงินของเหยื่อไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดในคดีอาญา, หลอกให้ผู้สนใจลงทุนโอนเงินลงทุนรูปแบบต่างๆ, หลอกลวงให้รักแล้วชักชวนลงทุน (Hybrid Scam) เป็นต้น

ต่อมา พ.ต.อ.วีร์กวิน เสริมศรีธนชัย ผกก.3 ได้นำกำลังพร้อมหมายจับศาลอาญา ที่ 4759/2567 ลงวันที่ 27 กันยายน 2567 เข้าจับกุมนายรณชัย วิมล อายุ 31 ปี ชาว จ.พิจิตร ผู้ทำหน้าที่รับบทในสายที่ 2 แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองมุกดาหาร ในความผิดฐาน "ร่วมกันอั้งยี่, ร่วมกันเป็นช่องโจร, ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน สมคบกับโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน" โดยติดตามจับกุมได้ในพื้นที่ จ.พิจิตร

พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนนายรณชัย ให้การยอมรับว่า เมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ตนตกงานแล้วได้เจอประกาศรับสมัครงานในเฟซบุ๊ก ในตำแหน่งแอดมินที่กาสิโนในประเทศกัมพูชา จึงตกลงสมัครงานดังกล่าวแล้วได้นัดเจอกับผู้รับสมัครงานกันบริเวณใกล้ด่านตรวจคนเข้าเมือง อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว แต่เมื่อถึงเวลากลับมีรถเก๋งมารับแล้วพาไปส่งยังประตูรั้วริมชายแดนมีช่องทางลับที่เดินเพียงประมาณ 5-6 ก้าว ก็สามารถข้ามไปยังประเทศกัมพูชาได้ เมื่อเดินข้ามไปแล้วจึงได้มีคนมารับพาไปที่ภูลิกาสิโน เมื่อไปถึงที่ภูลิกาสิโน พบว่ามียามเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง มีประตูเล็กด้านหลัง แต่ก็ปิดอยู่และมียามเดินตรวจตลอดเวลา หากหลบหนีจะถูกยามทำร้ายทันที

โดยตนถูกฝึกให้เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทำหน้าที่เป็นสาย 2 แอบอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจ สภ.เมืองมุกดาหาร ที่คอยรับแจ้งความ สอบถามข้อมูลทรัพย์สินทั้งหมดของผู้เสียหายรวมทั้งเงินในบัญชีธนาคาร แล้วจึงโอนสายต่อให้สาย 3 เพื่อหลอกลวงให้เหยื่อโอนเงินต่อไป โดยได้ค่าคอมมิชชั่นในการหลอกเหยื่อมากสุดกว่าแสนกว่าบาท โดยทำงานได้ประมาณเกือบ 2 เดือน จึงได้หลบหนีออกมาข้ามชายแดนกลับประเทศไทยพร้อมกับคนไทยอีก 1 คน โดยไม่ทราบมาก่อนว่าต้องมาทำงานหลอกลวงประชาชน แล้วได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติจนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมในคดีนี้

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : รวบสาย 2 แก๊งคอลฯ ปอยเปต อ้างเป็นตำรวจมุกดาหาร หลอกโอน 300 ล้าน