"ศิริกัญญา" ชี้ "วิทัย" เจอโจทย์ท้าทาย แก้ศก.ตกต่ำ ฝากลดดอกเบี้ยเงินกู้
น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส. บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน เผย ศักยภาพของ นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ ว่า เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ ซึ่งผลงานที่ตนประทับใจอย่างหนึ่งคือ การเปิดบริษัทลูกของธนาคารออมสิน เข้ามาในตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ สามารถที่จะเข้ามาเพิ่มการแข่งขันในตลาดและลดดอกเบี้ยสินเชื่อการจำนำทะเบียนรถได้ จึงเป็นผลงานที่น่าประทับใจของนายวิทัย สำหรับเรื่องส่วนตัวก็คงจะไม่ก้าวล่วง แต่อยากฝากการบ้าน ให้ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ อย่างแรก คือการลดดอกเบี้ยอย่างเดียวไม่ได้ช่วยให้เศรษฐกิจไทยโตขึ้นได้ การที่แบงก์ชาติลดดอกเบี้ยลงที่ 0.75% แต่ธนาคารส่วนใหญ่ยังไม่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ของรายย่อยหรือ MRR ซึ่งแม้แต่ธนาคารออมสินที่นายวิทัยเคยบริหาร ก็ลดอัตราดอกเบี้ยลงมาเพียง 30 สตางค์เท่านั้น ดังนั้นจึงอยากฝากการบ้านว่า เมื่อลดดอกเบี้ยแล้ว ต้องไปกำชับธนาคารพาณิชย์ และธนาคารรัฐ ให้ลดดอกเบี้ยตามลงมา ไม่เช่นนั้น นโยบายการลดดอกเบี้ยจะไม่เกิดผลกับประชาชน ไม่ช่วยลดภาระ และไม่ช่วยให้แบงค์พาณิชย์ปล่อยกู้เพิ่มด้วย ดังนั้นการให้แบงค์พาณิชย์ปล่อยกู้เพิ่มต้อง ประสานงานให้มีนโยบายการคลัง สอดประสาน เช่น การค้ำประกันสินเชื่อ ให้ผู้กู้รายย่อยสามารถเข้าถึงเงินกู้ได้ จึงเป็นการบ้านที่ขอฝากให้ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ด้วย
เมื่อถามว่า ความท้าทายแรกที่นายวิทัยต้องเจอคืออะไร นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า เป็นปัญหาเรื่องเศรษฐกิจตกต่ำ และแนวโน้มของเศรษฐกิจชะลอตัว เป็นโจทย์ที่ยากและสำคัญ สำหรับธนาคารแห่งประเทศไทย ในการดำเนินนโยบายทางการเงิน และการกำกับสารบัญการเงิน ให้สามารถรอดพ้นวิกฤตไปได้ ถือเป็นโจทย์ใหญ่ แม้พอจะมีกระสุนตุนไว้ สำหรับดอกเบี้ย ที่เพิ่งลดเพียงสามครั้ง ที่ 0.75% แต่ก็เหลือไม่มากแล้ว จากนี้คงต้องใช้อย่างตรงจุดตรงเป้า ให้เกิดผลมากที่สุด ซึ่งรวมถึงการใช้นโยบายอื่นร่วมด้วย เพื่อดูแลการเงินทั้งระบบ และอัตราแลกเปลี่ยน ที่อาจเป็นปัญหาอยู่ตอนนี้ ที่แข็งค่าขึ้น โดยไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดจากอะไร
น.ส.ศิริกัญญา ยังกล่าวถึงงานเลี้ยงพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อค่ำวันที่ 22 ก.ค. ที่มีนายทักษิณ ชินวัตร เข้าร่วม ว่า เป็นเพียงการ “เบ่งกล้ามโชว์พลัง” เพื่อสร้างภาพความเป็นเอกภาพ หลังจัดดินเนอร์ใหญ่มีผู้ร่วมกว่า 100 คน ต่างจากครั้งก่อนที่จำกัดเฉพาะหัวหน้าพรรคและเลขาฯ พรรค
กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ภาพลักษณ์ภายนอกดูแน่นแฟ้น แต่สะท้อนความไม่มั่นใจของรัฐบาลที่ต้องออกมาแสดงพลังกลางสาธารณะ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า “หลังบ้าน” อาจไม่ได้มั่นคงอย่างที่เห็น เพราะทุกครั้งที่นับองค์ประชุม สภาก็ล่มเสมอ จึงต้องจับตาดูว่า เสถียรภาพที่อ้างจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่