ไทยเตรียมโชว์หลักฐานทุ่นระเบิดต่อทูตต่างชาติ จ่อร้องประธานอนุสัญญาออตตาวา
เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดน ไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ด้านความมั่นคง แถลงถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2568 ที่ขยายเวลาให้แรงงานกัมพูชาซึ่งทำงานอยู่ในจังหวัดชายแดนได้อยู่ในประเทศไทยอีก 6 เดือนนั้น ขอยืนยันว่ามาตรการต่างๆ ที่เราผ่อนผันเพื่อช่วยเหลือประชาชนชาวไทย ทั้งผู้ประกอบการชาวไทย และเจ้าของไร่และสวนต่างๆ ที่มีความจำเป็นต้องใช้แรงงานต่างด้าวในการช่วยเก็บเกี่ยวพืชผลตามฤดูกาลในช่วงนี้ เพราะเราเข้าใจดีว่าผู้ประกอบการต่างๆ เหล่านี้มีความเดือดร้อนในเรื่องของการหาแรงงานเข้ามาช่วยเหลือ
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า ส่วนการเปิดให้เยี่ยมชมปราสาทตาเมืองธมนั้น ฝ่ายไทยยังเปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมได้ตามปกติ โดยฝ่ายไทยและกัมพูชาได้กำหนดมาตรการและแนวทางร่วมกัน ดังนี้ 1.หากมีปัญหาจากนักท่องเที่ยวเกิดขึ้น กรณีเป็นนักท่องเที่ยวของชาติใด ให้ชุดประสานงานของชาตินั้น ที่ประจำอยู่ในพื้นที่ปราสาทฯ เป็นผู้นำตัวนักท่องเที่ยวออกจากพื้นที่ 2.หากมีปัญหาในพื้นที่ ให้ชุดประสานงานในพื้นที่ของแต่ฝ่าย จำนวน 7 คน เป็นผู้ดำเนินแก้ไขปัญหา โดยไม่ต้องส่งกำลังชุดอื่นที่ไม่จำเป็น และไม่เกี่ยวข้องเข้ามาเพิ่มเติม ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการเผชิญหน้าของทั้ง 2 ฝ่าย 3.ขอให้ทั้ง 2 ฝ่ายคัดกรองนักท่องเที่ยวของแต่ละฝ่ายอย่างเข้มงวด ก่อนขึ้นมาท่องเที่ยวบนปราสาทตามเมือนธม
ด้านนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ที่ประชุม ศบ.ทก. ได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ว่าฝ่ายไทยยังดำเนินการมาตรการควบคุมจุดผ่านแดนที่เข้มงวด แต่ไม่ได้ปิดด่านตามที่ฝ่ายกัมพูชากล่าวหา โดยเป็นการบริหารจุดผ่านแดนเพื่อรักษาความปลอดภัยของประชาชน และเพื่อเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในช่วงนี้ ในเรื่องของการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติอย่างจริงจัง ซึ่งในการดำเนินการมาตรการนั้น ขอย้ำว่า ฝ่ายไทยยังคงอนุโลมการผ่านแดนสำหรับเหตุผลด้านมนุษยธรรมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในที่ประชุมได้เห็นภาพและสถิติว่า ในบางจุดผ่านแดนบางจุดมีการอนุโลมถึงหลักพันคน ทั้งนี้ ฝ่ายไทยยังเปิดสำหรับการขนส่งสินค้า แต่ฝ่ายกัมพูชายังปิดด่าน
นางมาระตี กล่าวอีกว่า ส่วยเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดเมื่อวันที่ 16 ก.ค. ที่ผ่านมานั้น กระทรวงการต่างประเทศจะจัดการบรรยายสรุปแก่คณะทูตต่างประเทศและผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศในวันนี้ (23 ก.ค.) เวลา 16.00 น. โดยมีปลัดกระทรวงต่างประเทศ อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ และโฆษก ศบ.ทก. ฝ่ายความมั่นคง ร่วมบรรยายสรุป ซึ่งจะเน้นเรื่องเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบกับระเบิด โดยจะแสดงหลักฐานที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ได้รวบรวมและประมวลมาตั้งแต่วันเกิดเหตุ รวมถึงผลของการตรวจสอบและตรวจค้นในพื้นที่เพิ่มเติมภายหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งแน่นอนว่า กระบวนการดังกล่าวได้ผ่านการกลั่นกรองที่รอบคอบเพื่อความถูกต้องของข้อมูลก่อนที่จะส่งมาที่กระทรวงการต่างประเทศเพื่อเดินหน้าต่อในการประท้วง
นางมาระตี กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ขอขอบคุณฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการทำงานอย่างไม่ลดละตั้งแต่เกิดเหตุ เพื่อให้มั่นใจว่า การดำเนินการของฝ่ายไทยรัดกุมและตรวจสอบได้ โดยวันนี้ทางกระทรวงการต่างประเทศจะทำการชี้แจงกับชาวโลกได้อย่างมั่นใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงเนื้อหาที่กระทรวงการต่างประเทศจะเดินหน้าประท้วงต่อไป ซึ่งหลังจากที่กระทรวงต่างประเทศมีหนังสือฉบับแรก คือ หนังสือประท้วงถึงฝ่ายกัมพูชาโดยตรง เพื่อประณามการกระทำที่เป็นการละเมิดอธิปไตยของไทยและเรียกร้องความรับผิดชอบจากฝ่ายกัมพูชา ส่วนฉบับที่ 2 จะเป็นหนังสือถึงญี่ปุ่น ในฐานะประธานที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา เพื่อเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาแสดงความรับผิดชอบต่อไทย ต่อประชาคมโลก ต่อประเทศและองค์กรที่สนับสนุนกัมพูชาในอดีตที่ผ่านมาในเรื่องของการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ให้พิจารณาในเรื่องนี้ด้วย ทั้งนี้ ในเวทีระหว่างประเทศ ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของแต่ละประเทศ รวมถึงคำมั่นที่ประเทศนั้นให้ไว้กับประชาคมระหว่างประเทศมีความสำคัญยิ่ง เพราะเป็นสิ่งที่จะทำให้ประเทศนั้นน่าคบหาและเป็นที่เคารพของประชาคมโลก ซึ่งหลังจากกระทรวงการต่างประเทศบรรยายสรุปแก่คณะทูตแล้ว ทางกระทรวงการต่างประเทศจะได้แถลงรายละเอียดให้ทราบต่อไป