ทนายความของทักษิณ ยอมพูดแล้ว สาเหตุศาลสั่งงดเผยแพร่คำเบิกความพยานคดีชั้น14
เมื่อเวลา 12.45 น. วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ที่ศาลฎีกา นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการเข้าฟังไต่สวนในคดีการเข้ารักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจว่า ตนของดให้รายละเอียดเกี่ยวกับการไต่สวนพยาน เนื่องจากศาลกำชับไว้ว่าคำเบิกความ ข้อเท็จจริงข้อมูลส่วนบุคคล หรือข้อมูลสุขภาพของจำเลย ขอให้งดเว้นเปิดเผยต่อสาธารณะ
โดยการนัดไต่สวนพยานทั้ง 5 ปากในวันนี้เรียบร้อยหมดแล้ว มีการไต่สวนประกอบเอกสารหลายส่วน และมีหมายเรียกพยานเพิ่มอีก 2 ปากในวันที่ 25 ก.ค.68 นอกจากนี้ยังนัดไต่สวนพยานในวันที่ 8, 15, 18 และ 25 ก.ค.68 นี้ด้วย
ต่อมา นายวิญญัติ ยอมรับว่าตนเป็นคนยื่นให้ศาลออกข้อกำหนดนี้ เนื่องจากครั้งที่แล้ว มีการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร และบุคคลต่าง ๆ นำข้อมูลการไต่สวนของศาลไปวิเคราะห์หรือแสดงความคิดเห็นในที่ต่าง ๆ ทั้งที่คดียังอยู่ระหว่างการไต่สวน เป็นเรื่องที่ไม่ควรเอาไปวิเคราะห์ให้เกิดความสับสน ศาลจึงมีคำสั่งให้งดเว้นการนำเสนอในลักษณะนี้
นายวิญญัติ มองว่าการให้ความเห็นทางคดีของหลายคน เป็นการสร้างความสับสน อาจทำให้พยานปากที่เหลือหลังจากนี้ที่ศาลจะเรียกมา ทราบข้อมูลข้อเท็จจริงที่ไม่ถูกต้องและอาจจะทำให้ศาลรับรู้ข้อมูลแบบไม่ครบถ้วน เป็นข้อกังวลที่เชื่อว่าศาลได้มีการพิจารณาอย่างละเอียด ส่วนตัวก็มีความกังวลนี้เช่นเดียวกัน
เมื่อถามว่าภายหลังฟังการไต่สวนของศาลได้มีการพูดคุยหรือรายงานให้นายทักษิณ ทราบหรือยัง นายวิญญัติ กล่าวว่า เบื้องต้นได้รายงานให้ทางผู้ใกล้ชิดทราบแล้ว ก็ยังไม่มีความเห็นอะไร
และเมื่อถามว่านายทักษิณ มีความกังวลต่อคดีนี้หรือไม่ นายวิญญัติ กล่าวว่า เท่าที่ตนได้ใกล้ชิดกับนายทักษิณก็ไม่ได้มีความกังวลอะไร เนื่องจากท่านถูกปฏิบัติโดยกระบวนการทางกฎหมาย ท่านไม่สามารถเลือกเองได้ว่าอยากจะไปไหนอย่างไร หรือท่านป่วย ท่านก็ไม่สามารถบอกว่า ท่านอยากจะไปโรงพยาบาลได้ ทั้งหมดตนพูดได้แค่นี้ เพราะยังอยู่ในกระบวนการไต่สวนของศาลอยู่
อย่างไรก็ตาม หลังศาลนัดไต่สวนคดีในวันนี้ ตนได้รายงานไปยังผู้ใกล้ชิดของนายทักษิณ ซึ่งท่านยังไม่มีความเห็นอะไร ส่วนตัวที่ทำงานใกล้ชิดกับนายทักษิณ ท่านก็ไม่ได้มีความเห็นอะไร เพียงแต่ถูกปฏิบัติกระบวนการทางกฎหมาย ไม่สามารถเลือกเองได้อยู่แล้วว่าจะไปไหน หรือป่วยแล้วจะขอออกไปโรงพยาบาล
และสำหรับเรื่องการจำกัดคนเข้าฟังการพิจารณาคดีเป็นคำร้องของตนเอง แต่ศาลเห็นว่ายังไม่ควรใช้มาตรการนี้ สื่อมวลชนและผู้ที่เข้าฟังสามารถเข้าฟังได้ แต่จะอนุญาตเป็นกรณี ตนสามารถยื่นคำร้องถึงสาเหตุเป็นนัด ๆ ได้เพื่อให้ศาลพิจารณาแล้วแต่กรณี