"ขัตติยา" แจงยิบเดินหน้า ‘ฟื้นฟู–เยียวยา–ป้องกัน’ 2 วิกฤตใหญ่ ชายแดน–น้ำท่วมด่วน
วันที่ 3 ส.ค.2568 เวลา 10.00 น.ที่พรรคเพื่อไทย น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงความคืบหน้าการทำงานของรัฐบาลเพื่อไทยในการดูแลพี่น้องประชาชน ภายใต้ 2 สถานการณ์สำคัญ ได้แก่ วิกฤตความไม่สงบชายแดนไทย–กัมพูชา และเหตุอุทกภัยในภาคเหนือ หลังพายุโซนร้อนวิภาพัดถล่มช่วงปลายเดือน ก.ค. ที่ผ่านมาว่า ส่วนของมาตรการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ปะทะบริเวณชายแดนนั้น ทันทีที่การปะทะเกิดและปรากฏการสูญเสีย รัฐบาลได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ โดยดำเนินการผ่าน 5 กองทุนหลัก ได้แก่ 1.กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี
(กรณีเสียชีวิต รายละ 1,000,000 บาท กรณีทุพพลภาพ รายละ 700,000 บาท กรณีบาดเจ็บสาหัส รายละ 200,000 บาท กรณีบาดเจ็บมาก รายละ 100,000 บาท กรณีบาดเจ็บเล็กน้อย รายละ 50,000 บาท) 2. กองทุนยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
3. เงินเยียวยาจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 4. เงินเยียวยาจากกระทรวงมหาดไทย (ปภ.)
5. การช่วยเหลือจากหน่วยงานตามสิทธิที่เกี่ยวข้องอื่นๆอาทิ กระทรวงพลังงาน กระทรวงแรงงาน เป็นต้น นอกจากนี้ทางกระทรวงการคลังยังได้ออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ประกอบด้วย มาตรการธนาคารของรัฐเพื่อประชาชน-ผู้ประกอบการ พักชำระหนี้ถึงเดือนธันวาคม 2568 สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และรีไฟแนนซ์ เช่น ธนาคารออมสิน ให้วงเงินกู้รายย่อย 200,000 บาท ดอกเบี้ย 0.60% ต่อเดือน ผ่อน 12 เดือนธ.ก.ส ให้สินเชื่อฉุกเฉิน 50,000 บาท ดอกเบี้ย MRR ปลอดดอกเบี้ย 6 เดือน และสินเชื่อฟื้นฟูชีวิต 500,000 บาท ดอกเบี้ย MRR–2% ผ่อนยาว 15 ปี ธอส. ลดดอกเบี้ยเหลือ 0.01% ต่อปี 5 ปีแรก และอัตราพิเศษสำหรับกรณีเสียบ้านทั้งหลัง
น.ส.ขัตติยา กล่าวว่า มาตรการช่วยเหลือของ ธ.ก.ส. สำหรับครอบครัวทหาร/ตชด.โดย ธ.ก.ส. มีมติอนุมัติชดใช้หนี้ให้กับครอบครัวของทหารและ ตชด. ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยมีรายละเอียดสำคัญคือ ยกหนี้เงินต้นกู้ทุกสัญญา ยกหนี้ดอกเบี้ยค้างรับและดอกเบี้ยปรับทั้งหมด ภายใต้สัญญาที่ใช้แหล่งเงินทุนจาก ธ.ก.ส.ผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับความช่วยเหลือ ได้แก่ บิดา–มารดา หรือคู่สมรสของผู้เสียชีวิต ที่เป็นลูกค้าธนาคาร ส่วนมาตรการช่วย SMEs และผู้ประกอบการรายย่อย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) : พักหนี้ ลดค่างวด ขยายระยะชำระ และเปิดสินเชื่อ “SME Power Boost” ดอกเบี้ย 3% ต่อปี บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) : ค้ำประกันสินเชื่อสูงถึง 10 ล้านบาท โดยยกเว้นค่าธรรมเนียม 3 ปีแรก EXIM Bank: ขยายเวลาชำระหนี้ 365 วัน ลดดอกเบี้ยสูงสุด 20% และชดเชยวงเงินสินเชื่อหมุนเวียน ธนาคารอิสลามไทย: พักชำระเงินต้นและกำไรสูงสุด 12 เดือน และสินเชื่อซ่อมบ้านหรือฟื้นธุรกิจในอัตราดอกเบี้ยต่ำ (เริ่ม 1.99%–3.25%)
รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ส่วนในกรณีจังหวัดศรีสะเกษ ในพื้นที่ซึ่งได้รับความเสียหายจาก กัมพูชายิงจรวด BM-21 ตกในสถานีบริการน้ำมัน ขัตติยา ระบุว่าทางกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด เร่งประสานให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบแล้ว โดยได้มีการประสานงานดังนี้
• ธนาคารกรุงไทย ได้เข้าไปพูดคุยกับผู้ประกอบการ เพื่อช่วยเหลือในเรื่องการลดดอกเบี้ย–ยกเว้นดอกเบี้ยชั่วคราว
• บริษัท ทิพยประกันภัย และ กรุงเทพประกันภัย อยู่ระหว่างดำเนินการจ่ายค่าสินไหมตามกรมธรรม์ที่เกี่ยวข้อง
• กรมธุรกิจพลังงาน และพาณิชย์จังหวัด ส่งเจ้าหน้าที่ช่างตวงวัดเข้าตรวจสอบระบบหัวจ่ายน้ำมันที่เสียหาย
• สำนักงานแรงงานจังหวัด แจ้งสิทธิ์การชดเชยให้แก่ลูกจ้างของปั๊มและร้านค้าในพื้นที่เกิดเหตุ
• ผู้เสียชีวิต 8 ราย ได้มีการส่งเรื่องขอรับเงินช่วยเหลือจาก กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ครบแล้ว
นอกจากนี้ รัฐบาลได้ส่งทีมวิศวกรและเจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการและผังเมืองร่วมกับธนาคารของรัฐ เช่น ธนาคารกรุงไทย ดำเนินการสำรวจ ซ่อมแซม และฟื้นฟูบ้านเรือนและกิจการของประชาชน ที่เสียหายอย่างเร่งด่วน และล่าสุดในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ยังมีมติชดเชยเยียวยาเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งพรรคจะผลักดัน ติดตามและรายงานให้ทราบถึงความคืบหน้าในรายละเอียดต่อไป
น.ส.ขัตติยา กล่าวต่อว่า กรณีน้ำท่วมในจังหวัดภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดน่านที่ได้รับผลกระทบหนักจาก พายุโซนร้อนวิภา ซึ่งพัดขึ้นฝั่งในช่วงปลายเดือนก.ค. 2568 รองโฆษกพรรคฯ กล่าวว่า รัฐบาลได้สั่งการให้ทุกหน่วยเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเร่งตรวจสอบประเมินค่าเสียหายเพื่อออกมาตรการเยียวยาต่อไป ทั้งนี้ในส่วนของกระทรวงการคลังได้ออกมาตรการเยียวยาเบื้องต้นแล้ว โดยได้มอบหมายให้ธนาคารของรัฐทุกแห่ง ออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ ได้แก่ พักชำระหนี้ ปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ช่วยเหลือฟื้นฟูกิจการของเกษตรกรและ SMEs และได้มีการสั่งการให้กรมธนารักษ์ ยกเว้นค่าเช่าที่ราชพัสดุ ในพื้นที่ซึ่งประสบอุทกภัยใน 6 จังหวัดภาคเหนือ
นอกจากนี้ยังมีการขยายวงเงินทดรองราชการในอำนาจอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย วาตภัย น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม) จำนวน 6 จังหวัด ดังนี้ 1. จ.น่าน 2. จ.เชียงราย 3. จ.พะเยา 4. จ.ลำปาง 5. จ.เชียงใหม่ 6. จ.แพร่