กัมพูชาใช้เวที UNSC เรียกร้องหยุดยิงทันที พร้อมแก้ไขข้อพิพาทสันติวิธี - ไทยชี้แจงย้ำ เขมรเริ่มก่อน
หลังการประชุม คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งมี อาซิม อิฟติคาร์ อาหมัด เอกอัครราชทูตปากีสถาน เป็นประธานหมุนเวียนในเดือนนี้ ได้กำหนดจัดประชุมฉุกเฉิน (Emergency Session) ตามคำร้องของทั้งสองประเทศจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา วันที่ 25 กรกฎาคม เวลา 15.00 น. ตามเวลามหานครนิวยอร์ก (ตรงกับเวลา 02.00 น. ของวันที่ 26 กรกฎาคม ตามเวลาประเทศไทย)
สำนักข่าวสเตทไทม์ รายงานว่า นายเจีย แก้ว เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรกัมพูชา ประจำ UN เปิดเผยว่า ก้มพูชาต้องการ “หยุดยิงทันที” กับประเทศไทย โดยไม่มีเงื่อนไข และเรียกร้องการแก้ไขข้อพิพาท ด้วยสันติวิธี ขณะเดียวกัน ตั้งคำถามว่าเหตุใดไทยจึงกล่าวหากัมพูชาว่าเป็นฝ่ายโจมตี ทั้งที่กัมพูชาเป็นประเทศที่เล็กกว่า เสียงปืนใหญ่โจมตีอย่างต่อเนื่องจากฝั่งกัมพูชาบริเวณชายแดนในวันที่ 25 กรกฎาคม ซึ่งจังหวัดอุดรมีชัยรายงานว่ามีพลเรือนเสียชีวิต 1 ราย เป็นชายวัย 70 ปี และบาดเจ็บอีก 5 ราย
กระทรวงสาธารณสุขของไทยรายงานว่ามีผู้อพยพออกจากพื้นที่ชายแดนของไทยแล้วกว่า 138,000 คน โดยมีรายงานผู้เสียชีวิต 15 ราย เป็นพลเรือน 14 ราย และทหาร 1 นาย และผู้บาดเจ็บอีก 46 ราย รวมถึงทหาร 15 นาย
กองทัพไทยกล่าวว่าการสู้รบได้กลับมาดำเนินอีกครั้งในสามพื้นที่ประมาณ 4.00 น. ของวันที่ 25 กรกฎาคม โดยกองกำลังกัมพูชาได้ยิงอาวุธหนัก ปืนใหญ่สนาม และระบบจรวด BM-21 ขณะที่กองกำลังไทยตอบโต้ด้วย “การยิงสนับสนุนที่เหมาะสม”
นิกรเดช พลางกูร โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของไทย กล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า การสู้รบเริ่มคลี่คลายลงในช่วงบ่ายของวันที่ 25 กรกฎาคม อย่างไรก็ตาม ทางการไทยยังเปิดรับการเจรจา ซึ่งอาจได้รับความช่วยเหลือจากมาเลเซีย
อย่างไรก็ตาม ผู้แทนจากไทย รวมถึงสมาชิกอื่นของ UNSC ที่เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ ไม่มีใครออกมาให้สัมภาษณ์หรือแสดงความคิดเห็นใดๆ ต่อสาธารณชนหลังจบการประชุม
ขณะเดียวกัน กัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงอย่างเป็นทางการต่อสภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ โดยกล่าวหาว่าการกระทำของไทยเป็น “การรุกรานที่วางแผนไว้ล่วงหน้า” และละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง
ก่อนหน้านี้ เชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ยื่นจดหมายอย่างเป็นทางการถึงประธาน UNSC, อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ และบรรดาผู้แทนถาวรของชาติสมาชิกสหประชาชาติทั้งหมด
เนื้อหาในจดหมายระบุว่า กัมพูชากระทำการ ‘รุกรานทางทหาร’ ต่ออธิปไตยของไทย โดยเริ่มจากการลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในดินแดนไทย และเปิดฉากโจมตีดินแดนไทยใน 4 จังหวัดอย่างไม่เลือกเป้าหมาย ส่งผลให้มีทหารและพลเรือนเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ไทยจึงจำเป็นต้องใช้สิทธิในการป้องกันตนเอง (Right of Self-Defence) ตามกฎบัตรสหประชาชาติ และเรียกร้องให้ประชาคมโลกกดดันให้กัมพูชายุติการกระทำอันก้าวร้าวและกลับสู่การเจรจาโดยทันที
#ไทยกัมพูชา
#UNSC