ปภ.เผยยังมี 5 จังหวัดรับผลกระทบพายุ ‘วิภา’ เตือน ‘แพร่ สุโขทัย’ ขนของขึ้นที่สูง น้ำยมล้นตลิ่ง
เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ที่ห้องกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ติดตามสถานการณ์และการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากพายุวิภา โดย นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดี ปภ. เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์อุทกภัยและดินโคลนถล่ม จากอิทธิพลของพายุวิภาตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค. 2568 ถึงแม้จะอ่อนกำลังเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำแล้ว แต่ยังส่งผลกระทบให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง ในพื้นที่ 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดน่าน เชียงราย พะเยา ลำปาง เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน แพร่ และเลย กว่า 246 ตำบล 1,348 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 33,900 ครัวเรือน 115,858 คน ผู้สูญหาย 1 ราย ปัจจุบันยังมีสถานการณ์ในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดน่าน เชียงราย พะเยา ลำปาง และแพร่ รวม 37 อำเภอ 201 ตำบล 917 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 25,241 ครัวเรือน 83,820 คน ภาพรวมสถานการณ์น้ำในทุกจังหวัดลดลง
นายภาสกร กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ปภ. ยังคงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเข้าไปช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาให้กับผู้ประสบภัยอย่างเต็มกำลัง โดยระดมกำลังเจ้าหน้าที่เครื่องมืออุปกรณ์เครื่องมือเครื่องจักรกลสาธารณภัยจากหน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยทหาร ฝ่ายปกครอง ตำรวจ มูลนิธิ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนอาสาสมัคร และภาคประชาชน เพื่อดูแล มีการอพยพประชาชน ผู้ป่วยติดเตียงและกลุ่มเปราะบางไปยังพื้นที่ปลอดภัย โดยได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจ อส. ดูแล ปภ. ได้สนับสนุนถุงยังชีพไปพื้นที่ประสบอุทกภัยทั้งสิ้น 18,900 ชุด นอกจากนี้ยังมีการตั้งโรงครัวพระราชทาน โรงครัวประกอบเลี้ยง เพื่อประกอบอาหารแก่ผู้ประสบภัย และมีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์เข้าไปดูแลสุขภาพกาย และสุขภาพใจ ตลอดจนเร่งระบายน้ำ และติดตั้งป้ายเตือนการสัญจร และเร่งสำรวจความเสียหายพื้นที่ที่น้ำลดแล้ว
นายภาสกร กล่าวต่อว่า ปภ. ได้ส่งส่งสัญญาณแจ้งเตือนภัยผ่าน Cell Broadcast มาอย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่ 26 ก.ค. เวลา 07.00 น. รวม 47 ครั้ง ล่าสุดคือการแจ้งเตือนชาวบ้านพื้นที่ริมแม่น้ำตำบลแม่เกิ๋ง ตำบลแม่ป้าก ตำบลวังชิ้น ตำบลนาพูน อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ และพื้นที่ริมแม่น้ำที่ตำบลวังใหญ่ ตำบลวังทอง อำเภอศรีสำโรง และตำบลปากแคว ตำบลยางซ้าย ตำบลปากพระ ตำบลธานี อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย กรณีแม่น้ำยมเริ่มล้นตลิ่ง ให้ยกของขึ้นที่สูง อพยพไปยังศูนย์พักพิงในพื้นที่หากจำเป็น เคลื่อนย้ายกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ไปยังที่ปลอดภัย และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ หากจังหวัดใดพบสถานการณ์ภัยรุนแรงและอาจกระทบต่อประชาชน ให้รีบแจ้งศูนย์เตือนภัยพิบัติ ปภ. ทันที เพื่อส่ง Cell Broadcast แจ้งเตือนประชาชน ขอให้เตรียมความพร้อมช่วยเหลือประชาชน ตลอด 24 ชั่วโมง และปฏิบัติตามข้อสั่งการ รมว.มหาดไทย ทุกด้าน
ขณะที่ น.ส.ชัชดาพร บุญพีระณัช รองอธิบดี ปภ. กล่าวว่า สำหรับพื้นที่สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว ให้เร่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนเข้าฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย โดยการฉีดล้างทำความสะอาดบ้านเรือนที่พักอาศัย ถนน พื้นที่สาธารณะ และจัดเตรียมทีมช่างเข้าซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชน สิ่งสาธารณูปโภคพื้นฐาน อาทิ ระบบไฟฟ้า ประปา ให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติโดยเร็ว พร้อมเร่งสำรวจความเสียหายและให้ความช่วยเหลือตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
สำหรับจังหวัดในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง ขอให้ติดตามสถานการณ์และแนวโน้มระดับน้ำที่อาจล้นตลิ่งอย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมในการป้องกันพื้นที่ไว้ล่วงหน้า โดยการจัดทำแนวป้องกันน้ำท่วม โดยเฉพาะพื้นที่ในเขตชุมชน โรงพยาบาล และพื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจ รวมถึงจัดเตรียมศูนย์พักพิงชั่วคราว เพื่อรองรับการอพยพของประชาชน ตลอดจนเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรกลสาธารณภัยไว้ในพื้นที่เสี่ยงภัย ให้พร้อมปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง.