โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

"นักวิชาการ มธ." จี้รัฐใช้ 4 กลไกระหว่างประเทศ สร้างความชอบธรรมให้ไทย ชิงความได้เปรียบในอนาคตหากข้อพิพาทขยายตัว

สยามรัฐ

อัพเดต 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วันที่ 21 ก.ค.2568 จากกรณีที่ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ยืนยันผลการตรวจสอบทุ่นระเบิดที่ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บจำนวน 3 นาย ว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ และยังตรวจพบเพิ่มเติมอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นการละเมิดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล โดยหน่วยจะรายงานข้อเท็จจริงถึงกองทัพบกและรัฐบาล เพื่อประท้วงผ่าน องค์การสหประชาชาติ (UN) ต่อไป
ผศ. ดร.ธนภัทร ชาตินักรบ อาจารย์ประจำศูนย์กฎหมายระหว่างประเทศ คณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยว่า แม้กองทัพบกจะออกมายืนยันว่าทุ่นระเบิดดังกล่าวจะเป็นของใหม่ ซึ่งอาจทำให้เกิดความรู้สึกวิตกกังวลและความไม่พอใจในสังคมไทย แต่สถานการณ์ในขณะนี้ยังถือว่าอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมข้อเท็จจริงและตรวจสอบทางเทคนิค จึงควรดำเนินการด้วยความรอบคอบตามกรอบของกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อเป็นหลักประกันว่า หากมีการดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดในอนาคตหลังจากนี้ ไทยจะยังได้รับการยอมรับในเวทีระหว่างประเทศ

“สิ่งที่รัฐบาลควรต้องเร่งดำเนินการตอนนี้ คือการใช้กลไกต่างประเทศในทุกช่องทางที่มีเพื่อสร้างภาพความชอบธรรมของการที่ไทยเป็นผู้ถูกรุกราน หลังจากที่ผ่านมาฝ่ายกัมพูชาพยายามสื่อสารต่อเวทีโลกว่ากัมพูชาถูกไทยรุกรานมาโดยตลอด ซึ่งไม่เป็นความจริง พูดตามตรงว่าขณะนี้ยังไม่ปรากฏท่าทีชัดเจนจากรัฐบาลในสื่อสารกับประชาชนหรือประชาคมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะบทบาทของกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนนโยบายต่างประเทศและการประสานงานกับองค์การระหวางประเทศ” นักวิชาการธรรมศาสตร์ กล่าว

ผศ. ดร.ธนภัทร กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลควรเริ่มต้นเร่งดำเนินการทันที คือดำเนินการตามขั้นตอนอนุสัญญาออตตาวาโดยรวบรวมพยายานหลักฐานต่างๆ ให้ชัดและส่งไปยังที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา พิจารณาจัดตั้งคณะผู้เชี่ยวชาญสืบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งถึงเวลาที่รัฐบาลควรส่งได้แล้ว และสิ่งที่ควรดำเนินการขนาบข้างกันไปคือการเรียกร้องผ่าน UN โดยคณะผู้แทนถาวรไทยประจําสหประชาชาติ ทั้งที่นครนิวยอร์กและนครเจนีวา ซึ่งมีหน้าที่ต้องดำเนินการสามารถเดินหน้าได้แล้วเช่นกัน
นอกจากนี้ ในฐานะที่ประเทศไทยเพิ่งได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) วาระปี 2568 – 2570 ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการขับเคลื่อนได้เช่นกัน เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับทหารไทย 3 นาย ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างชัดเจน
ผศ. ดร.ธนภัทร กล่าวอีกว่า นอกจากการแจ้งผ่านหน่วยงานที่เป็นทางการแล้ว ไทยยังสามารถแจ้งไปยังองค์กรเครือข่ายภาคประชาสังคมระดับนานาชาติที่ชื่อว่า องค์กรรณรงค์ระหว่างประเทศเพื่อการห้ามทุ่นระเบิด (International Campaign to Ban Landmine หรือ ICBL) ซึ่งเป็นองค์กรที่ก่อตั้งเมื่อปี 1992 เพื่อยุติการผลิต การสะสม การใช้ และการส่งออกทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และเป็นผู้มีส่วนสำคัญในการผลักดันให้เกิดสนธิสัญญาออตตาวา ซึ่งเป็นองค์กรที่เคยได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ที่คอยตรวจสอบและรายงานการละเมิดการใช้ทุ่นระเบิดจากประเทศต่างๆ ซึ่งไทยสามารถแจ้งเรื่องร้องเรียนไปยัง ICBL ได้เช่นกัน

“การใช้ทั้ง 4 กลไกระหว่างประเทศในช่วงเวลานี้ ไม่เพียงเป็นการตอบสนองเชิงรับต่อเหตุการณ์ทุ่นระเบิด แต่ยังเป็นการวางหมากทางยุทธศาสตร์ เพื่อสร้างสถานะของไทยในฐานะรัฐที่ยึดมั่นในหลักสันติวิธีและกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลอย่างมากต่อภาพลักษณ์ในเวทีโลก หากข้อพิพาทชายแดนขยายตัวในอนาคต ไม่ว่าจะในรูปแบบการทูตหรือข้อพิพาททางกฎหมายระหว่างประเทศ

การที่ไทยได้แสดงออกถึงความร่วมมือกับกลไกระหว่างประเทศ เช่น การแจ้งต่ออนุสัญญาออตตาวา การสื่อสารผ่าน UN และ UNHRC หรือการอาศัยเครือข่ายภาคประชาสังคมระดับโลก จะช่วยทำให้ไทยมีความชอบธรรมสูงกว่าในสายตาประชาคมโลก พร้อมลดน้ำหนักข้อกล่าวหาของกัมพูชา และช่วยให้ไทยเป็นฝ่ายกำหนดกรอบการพูดคุยในอนาคต แทนที่จะต้องคอยตอบโต้หรือแก้ตัวอยู่เพียงฝ่ายเดียว” นักวิชาการธรรมศาสตร์ กล่าว

ผศ. ดร.ธนภัทร กล่าวด้วยว่า การสื่อสารอย่างชัดเจนจากฝ่ายนโยบายเป็นสิ่งจำเป็นต่อการรักษาความเชื่อมั่นของประชาชนและพันธมิตรระหว่างประเทศ ส่วนตัวเห็นว่าการแถลงของกองทัพเป็นไปในแนวทางที่พยายามอธิบายข้อเท็จจริงบนพื้นฐานของหลักการและข้อมูลที่มีอยู่ในขณะนี้ได้อย่างเหมาะสม พร้อมยืนยันถึงการยึดหลักสันติวิธี และปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยและเกียรติภูมิของชาติด้วยความรอบคอบเพื่อให้เป็นที่ยอมรับในสายตาสังคมโลก

สำหรับถ้อยแถลงของกองทัพได้ชี้ว่า พบทุ่นระเบิดใหม่ในฝั่งไทย และอยู่ระหว่างการจัดทำรายงานเพื่อเสนอต่อรัฐบาล ซึ่งเป็นแนวทางตามกระบวนการปกติในการนำเสนอข้อมูลต่อองค์การระหว่างประเทศ เช่น UN เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงและขอให้มีการติดตามประเด็นนี้ในระดับระหว่างประเทศต่อไป

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก สยามรัฐ

ทบ.แจงตู้รับบริจาคของกัมพูชาในปราสาทตาควายนำออกแล้ว

12 นาทีที่แล้ว

"สว." แฉ!!ค่าตอบแทน กสทช. สูงกว่าเงินเดือน "นายกฯ" ตั้งถามค่ามือถือพนักงานปีเดียว 21 ล้านใครใช้

19 นาทีที่แล้ว

ตร.ปรับชื่อ “ศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาฯ” เป็น “ศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามฯ”

21 นาทีที่แล้ว

ททท.ผนึก 20 พันธมิตรขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยสู่หัวใจแห่งความยั่งยืนตามเป้าหมาย STGs ภายในปี 2030

28 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

ทบ.แจงตู้รับบริจาคของกัมพูชาในปราสาทตาควายนำออกแล้ว

สยามรัฐ

"สว." แฉ!!ค่าตอบแทน กสทช. สูงกว่าเงินเดือน "นายกฯ" ตั้งถามค่ามือถือพนักงานปีเดียว 21 ล้านใครใช้

สยามรัฐ

“ภูมิธรรม” เผยรายงานปมที่ดินเขากระโดงถึงปลัด มท. แล้ว แต่ยังไม่ถึงมือ

THE ROOM 44 CHANNEL

‘ภูมิธรรม’ เผยรายงานที่ดินเขากระโดงถึงปลัดมหาดไทย ตั้งกก.ตรวจสอบความถูกต้อง

เดลินิวส์

“ภูมิธรรม” รับอธิบดีกรมที่ดินส่งรายงานปมที่ดินเขากระโดงถึงปลัด มท. แล้ว แต่ยังไม่เห็น เผยรอ “เดชอิศม์” เสนอชื่อตั้ง คกก.สอบ

สยามรัฐ

คลิปใครปล่อย!! แพทองธาร เหน็บอังเคิลฮุน-รมว.ท่องเที่ยวหาสื่อไทยลำโพงเขมร

มุมข่าว

ข่าวและบทความยอดนิยม