ที่ประชุม ครม. สั่งจัดระเบียบวงการสงฆ์ เร่งแก้กฎหมายคุมเงินวัด-ให้ความรู้ปฏิบัติตนระหว่างฆราวาส พร้อมเยียวยาผู้ประกอบการชายแดนไทย-กัมพูชา
วันนี้ (15 กรกฎาคม) จิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งมี ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในที่ประชุม ดังนี้
- ปัญหาพระภิกษุสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่หลายรูปกระทำผิดวินัยสงฆ์ แม้มีพระหลายรูปได้ลาสิกขาไปแล้ว แต่ยังมีพระอีกหลายรูป ที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้อง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความศรัทธาของประชาชนต่อพระพุทธศาสนาของประเทศโดยรวม จึงขอให้ สุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ร่วมกับมหาเถรสมาคม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการติดตามพระสงฆ์และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดทุกฝ่าย เข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย และดำเนินตามวินัยสงฆ์
ตลอดจนแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ครอบคลุมถึงความผิดในทุกมิติ รวมถึงการบริหารจัดการดูแลเงินของวัดให้มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อไม่ให้เกิดความเสื่อมเสียแก่พระพุทธศาสนา
นอกจากนี้ได้สั่งการให้ กระทรวงวัฒนธรรมรณรงค์ร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมไทยพุทธที่ถูกต้อง รวมทั้งวิธีการปฏิบัติตนระหว่างฆราวาส และพระสงฆ์ ในการดำเนินชีวิตตามวิถีขนบธรรมเนียมประเพณีไทย เพื่อธำรงไว้ซึ่งศีลธรรมอันดี ความสงบเรียบร้อยของประชาชนในสังคม
- กรณีชายแดนไทย-กัมพูชา ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือผู้ประกอบการ จากมาตรการจำกัดเวลาในการเปิด-ปิดด่านในจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา 7 จังหวัด ซึ่งอาจจะกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนและผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจตามแนวชายแดน
โดยสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์เร่งดำเนินการหามาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่จะต้องมีการส่งสินค้าข้ามแดน ในการหาตลาดหรือขอความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชนในการรับซื้อสินค้า ตลอดจนกระบวนการขนส่งสินค้าที่อาจจะต้องใช้ระยะเวลาที่นานขึ้น เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ผู้ประกอบการในบริเวณดังกล่าว
และให้ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานความมั่นคง ดูแลความปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ และไม่ให้กระทบต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนทั้ง 2 ประเทศ โดยคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยธรรมสากลเป็นที่ตั้ง
- มาตรการยกระดับความปลอดภัย ในเรื่องการดูแลนักท่องเที่ยว การป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งที่ผ่านมากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ที่รับผิดชอบบูรณาการในการนำข้อมูลของหน่วยงานต่างๆ ร่วมใช้กับกล้อง CCTV แล้วเกิดผลสำเร็จทำให้สามารถติดตามตรวจสอบผู้กระทำความผิดทั้งในด้านยาเสพติด ขบวนการคอลเซ็นเตอร์ได้
“จึงขอให้หน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง บูรณาการนำข้อมูล และระบบดังกล่าวมาใช้ในการเพิ่มมาตรการความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน และนักท่องเที่ยว ในบริเวณชุมชนโดยเฉพาะบริเวณแหล่งท่องเที่ยว โรงพยาบาล โดยเริ่มนำร่องในจังหวัดหลัก เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชน และนักท่องเที่ยว โดยเร็วตามนโยบายของรัฐบาล” จิรายุกล่าว