จับตา "โควิดสายพันธุ์ XFG" แพร่กระจายได้เร็ว-หลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดี
วันนี้ (9 ก.ค.2568) นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.2568 องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศจัดให้โควิด-19 สายพันธุ์ "XFG" เป็นสายพันธุ์ที่ต้องจับตา (Variant Under Monitoring) เนื่องจากมีคุณสมบัติด้านการแพร่กระจายที่รวดเร็ว และสามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลยืนยันแน่ชัดว่าสายพันธุ์ดังกล่าวส่งผลให้เกิดอาการรุนแรงมากกว่าสายพันธุ์อื่น โควิด 19 สายพันธุ์ XFG เป็นสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอน เกิดจากการผสมกันของสายพันธุ์ LF.7 และ LP.8.1.2 ตรวจพบครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 ม.ค.2568 และมีการกลายพันธุ์เพิ่มเติมในตำแหน่งโปรตีนส่วนหนาม (Spike protein) รวม 11 ตำแหน่ง ได้แก่ T22N, S31P, K182R, R190S, R346T, K444, V445R, F456L, N487D, Q493E และ T572I ซึ่งการกลายพันธุ์เหล่านี้มีผลต่อความสามารถของไวรัสในการแพร่กระจายและหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน
นพ.ยงยศ กล่าวถึงสถานการณ์ทั่วโลกพบว่าสายพันธุ์ XFG* มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สายพันธุ์ NB.1.8.1* ยังคงเป็นสายพันธุ์หลักที่พบมากที่สุด แม้จะมีแนวโน้มลดลงก็ตาม สำหรับในประเทศไทย ตรวจพบสายพันธุ์ XFG* เป็นครั้งแรกในเดือน เม.ย.2568 และจนถึงปัจจุบันมีรายงานสะสมแล้วจำนวน 23 คน
ทั้งนี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ดำเนินการถอดรหัสพันธุกรรมของเชื้อก่อโรคโควิด 19 เพื่อเฝ้าระวังการกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงระหว่างวันที่ 26 พ.ค. – 23 มิ.ย.2568 ได้ตรวจรหัสพันธุกรรมของตัวอย่างจำนวน 236 คน พบสายพันธุ์ NB.1.8.1* ร้อยละ 83.9, สายพันธุ์ XFG* ร้อยละ 6.8, สายพันธุ์ XEC* ร้อยละ 5.9 และพบสายพันธุ์อื่นๆ เช่น JN.1*, LP.8.1* ในสัดส่วนเล็กน้อย
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ยังคงเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงของสายพันธุ์ไวรัสอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเผยแพร่ข้อมูลจีโนมของไวรัสเข้าสู่ฐานข้อมูลสากล GISAID อย่างสม่ำเสมอ เพื่อสนับสนุนระบบเฝ้าระวังโรคระดับโลก โดยตั้งแต่เริ่มมีการระบาดในประเทศไทยในเดือน ม.ค. 2563 จนถึงวันที่ 28 มิ.ย. 2568 ประเทศไทยได้เผยแพร่ข้อมูลจีโนมของเชื้อโควิด 19 สะสมแล้วทั้งสิ้น 48,541 คน
แม้ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่าสายพันธุ์ XFG* ส่งผลให้เกิดอาการรุนแรงมากขึ้น แต่ขอให้ประชาชนยังคงปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ การล้างมือบ่อย ๆ หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด และหากมีอาการผิดปกติ เช่น ไข้ ไอ หรือหายใจลำบาก ขอให้รีบพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม
อ่านข่าว : มติสภา 253 : 67 ถอนร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร ออกจากวาระการประชุม
"รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ" จากอุดมคติสู่เครื่องมือทางการเมือง
ตร.ค้นวัดปากน้ำภาษีเจริญ หาหลักฐานโยงหญิงคนสนิท "อดีตเจ้าคุณอาชว์"