พระสงฆ์เสียงแตก กฎห้ามวัดถือเงินเกิน 1 แสน
วันนี้ (18 ก.ค. 2568) กฎกระทรวงฉบับใหม่ที่กำลังจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 ซึ่งกำหนดให้ วัดห้ามถือเงินสดเกิน 100,000 บาทกำลังเป็นที่ถกเถียงในหมู่พระสงฆ์ทั่วประเทศ โดยเฉพาะระหว่างวัดป่ากับวัดในเมือง ที่มีมุมมองแตกต่างกันอย่างชัดเจน
พระอาจารย์ราวี จารุธัมโมเจ้าอาวาสวัดป่าโนนกุดหล่ม จ.ศรีสะเกษ เปิดเผยว่า ทางวัดวางระบบบริจาคไว้อย่างรัดกุม มีจุดรับบริจาคเพียงจุดเดียว พร้อมสมุดลงทะเบียนที่ชัดเจน ทั้งชื่อผู้บริจาคและวัตถุประสงค์ โดยเงินทั้งหมดถูกจัดการโดยคณะกรรมการวัดกว่า 40 คน พระทุกรูปในวัดไม่มีส่วนยุ่งเกี่ยวกับเงิน แม้แต่การจัดหาเครื่องอัฐบริขาร เช่น เสื้อผ้า หรือสิ่งของจำเป็น ก็ใช้ระบบไวยาวัจกรดำเนินการ
ขณะที่ วัดป่าภูน้อยสันติธรรม ต.กุดเลาะ อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ ซึ่งมีพระจำพรรษาเพียง 5 รูป หลวงปู่สมหมาย อนุตโร อายุ 79 ปี เจ้าอาวาส เปิดเผยว่า วัดเคร่งครัดเรื่องการไม่ยุ่งเกี่ยวกับเงินเช่นกัน แม้กุฏิจะไม่มีไฟฟ้า ใช้เพียงเทียนและไฟฉาย พระไม่แตะเงินแม้แต่บาทเดียว หากมีความจำเป็น เช่น เติมน้ำมันรถรับกิจนิมนต์ ก็ใช้ระบบกรรมการชาวบ้านจัดการให้
หลวงปู่สมหมายมองว่า กฎกระทรวงนี้ “อาจไม่จำเป็น” หากพระปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด เพราะปัญหาเรื่องพระข้องเกี่ยวกับเงินหรือสีกานั้น มักมาจากใจที่ขาดสติ ไม่ใช่ปัญหาจากระบบเงินสดโดยตรง ท่านย้ำว่า ทรัพย์เกินจำเป็น มักเป็นทางให้วิบัติ
ด้าน พระมหาวัฒนา ปญฺญาทีโปอาจารย์ประจำหลักสูตรบาลีพุทธศาสตร์ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มองต่างออกไป โดยชี้ว่า ในบริบทวัดเมืองหรือพระที่ต้องเดินทางข้ามจังหวัดเพื่อการศึกษาหรือกิจสงฆ์ การห้ามถือเงินสดเลย อาจเป็นอุปสรรค เช่น ค่าเดินทางที่ไม่มีใครรองรับ จึงเห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเข้ามาช่วยจัดการระบบให้พร้อม
แม้มีความเห็นต่าง พระมหาวัฒนายืนยันว่า ตนเห็นด้วยกับแนวทางการจำกัดการถือเงินสดในวัดไม่ให้เกิน 100,000 บาท โดยเสนอว่า วัดขนาดใหญ่ควรใช้ระบบ e-Donationและวัดทั่วไปควรฝากเงินทันทีหลังงานบุญเพื่อความโปร่งใส โดยเฉพาะในวัดขนาดกลางที่มีรายรับ 3,000-4,000 บาทต่อวัน ควรมีคณะกรรมการร่วมนับและตรวจสอบบัญชีอย่างชัดเจน