โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

‘ซูเปอร์โพล’ ชี้ ประชาชนพึงพอใจ ‘ตำรวจ’ สูงสุดในการปกป้องศาสนาจากพวกบ่อนทำลาย

เดลินิวส์

อัพเดต 20 กรกฎาคม 2568 เวลา 18.03 น. • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เดลินิวส์
ผลสำรวจซูเปอร์โพล ชี้ ประชาชนพึงพอใจ

เมื่อวันที่ 20 ก.ค.2568 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผอ.ซูเปอร์โพล มูลนิธิสถาบันวิจัยความสุขชุมชน เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง ปกป้องศาสนาและศรัทธาของประชาชน ดำเนินการระหว่างวันที่ 16-19 กรกฎาคม 2568 โดยใช้ทั้งวิธีวิจัยเชิงปริมาณและคุณภาพ จากกลุ่มตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,143 คน

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวต่อว่า เมื่อถามถึงความพึงพอใจต่อหน่วยงานรัฐที่มีบทบาทปกป้องศาสนาและศรัทธาของประชาชน พบว่า “ตำรวจ” ได้รับความพึงพอใจสูงที่สุด คือ 80.1% ของกลุ่มตัวอย่าง ซึ่งสะท้อนความศรัทธาที่ประชาชนมีต่อตำรวจในฐานะกลไกหลักของรัฐที่ลงพื้นที่ปฏิบัติการอย่างเป็นรูปธรรม ในขณะที่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ตามมาในลำดับที่สองด้วย 72.3% แสดงให้เห็นว่าประชาชนตระหนักถึงบทบาทเชิงโครงสร้างของหน่วยงานต่อต้านคอร์รัปชันที่เกี่ยวข้องกับวัดและเงินบริจาค คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้รับความพึงพอใจ 70.6% บ่งชี้ว่าประชาชนยังฝากความหวังไว้กับองค์กรอิสระที่มีหน้าที่ตรวจสอบอำนาจและความโปร่งใส สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้รับความพึงพอใจ 65.8% เนื่องจากมีบทบาทสำคัญในการติดตามเส้นทางการเงินที่ผิดปกติของวัดและพระสงฆ์ และกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งควรเป็นเสาหลักในการส่งเสริมศาสนา กลับได้รับเพียง 41.2% สะท้อนถึงความต้องการการปรับบทบาทให้เข้มแข็งและทันสมัยมากยิ่งขึ้น

ข้อมูลนี้สะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนให้ความไว้วางใจแก่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและต่อต้านทุจริตมากกว่าหน่วยงานด้านศาสนาโดยตรง นี่คือสัญญาณเตือนให้กระทรวงวัฒนธรรมและหน่วยงานศาสนาพิจารณาทบทวนแนวทางการดำเนินงานใหม่เพื่อให้สามารถฟื้นฟูความศรัทธาของประชาชนได้อย่างแท้จริง ที่น่าสนใจคือในการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับความพึงพอใจต่อมาตรการเชิงรุกในการจัดการกับพระหรือนักบวช ที่กระทำผิดและส่งผลต่อศรัทธา พบว่า ประชาชนถึง 78.5% พอใจต่อการจับกุมพระหรือบุคคลในสมณเพศที่มีความสัมพันธ์ทางเพศต้องห้ามทางศาสนา ซึ่งถือเป็นการล่วงละเมิดจริยธรรมและศีลธรรมขั้นร้ายแรง 74.2% พอใจต่อการดำเนินคดีทางกฎหมายกับพระสงฆ์ที่ยักยอกเงินวัดหรือเงินบริจาค

แสดงให้เห็นว่าประชาชนให้ความสำคัญต่อความโปร่งใสและความซื่อสัตย์ของผู้รับใช้ศาสนา 73.1% สนับสนุนการตรวจสอบทรัพย์สินของพระสงฆ์และฆราวาสที่เกี่ยวข้องกับวัดเพื่อป้องกันการสะสมทรัพย์เกินควรหรือผิดวัตถุประสงค์ 69.7% พอใจต่อการที่เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบพระสงฆ์หรือนักบวชอย่างรวดเร็วหลังได้รับแจ้งเบาะแส และ 55.2% พอใจต่อการที่รัฐมีมาตรการคุ้มครองพระหรือนักบวชที่เป็นคนดีไม่ให้ถูกรังแกหรือใส่ร้าย ข้อมูลนี้สะท้อนให้เห็นว่าความพึงพอใจในระดับสูงต่อการจัดระเบียบและปราบปรามผู้ที่บ่อนทำลายศาสนาบ่งชี้ถึงแรงกดดันทางสังคมที่ต้องการเห็น “การกระทำที่เป็นรูปธรรม” มากกว่าคำพูดหรือสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์เพียง เปลือกนอก และพร้อมสนับสนุนให้คุ้มครองพระแท้ที่ปฏิบัติตนตามหลักศาสนาอย่างเข้มงวด

นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบด้วยว่า ประชาชนได้ยกย่องบุคคล 5 อันดับแรกที่มีบทบาทโดดเด่นในการเปิดโปงหรือติดตามข่าวสารเกี่ยวกับพระสงฆ์ที่ทำผิด ได้แก่ อันดับหนึ่ง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว (บิ๊กเต่า) ได้รับคะแนนนิยมสูงสุดถึง 74.6% เพราะประชาชนเห็นว่าเป็นตำรวจที่ซื่อสัตย์ กล้าหาญ และเป็นแบบอย่างของ “ตำรวจน้ำดี” อันดับสองได้แก่ หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ได้รับ 73.4% เนื่องจากเปิดพื้นที่สื่อให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้ชี้แจงและติดตามข่าวพระมั่วสีกาอย่างลึกซึ้งและต่อเนื่อง อันดับสาม ได้แก่ แพรรี่ ทิดไพรวัลย์ ได้รับ 69.8% ด้วยบทบาทที่พูดแทนประชาชน กล้าวิจารณ์ และวิพากษ์วิจารณ์วงการสงฆ์อย่างตรงไปตรงมา อันดับสี่ ได้แก่ อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม ได้รับ 64.3% จากการพูดอย่างตรงไปตรงมาตามหลักพุทธะ ไม่เกรงกลัวผู้มีอิทธิพลในวงการพระ และอันดับห้า ได้แก่ สื่อมวลชนทั่วไป ได้รับ 59.1% ซึ่งชี้ถึงบทบาทของสื่อที่นำเสนอข่าวต่อเนื่องและเกาะติดสถานการณ์ ผลสำรวจนี้สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า บุคคลเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงเจ้าหน้าที่ตามระบบราชการและผู้แจ้งข่าวเท่านั้น แต่เป็น “กลไกทางสังคม” ที่ช่วยจัดระเบียบและเรียกร้องความโปร่งใสของวงการศาสนา บทบาทของสื่อและผู้นำทางสังคมเหล่านี้จึงควรได้รับการสนับสนุนให้ดำเนินงานควบคู่กับหน่วยงานรัฐ

ที่น่าพิจารณาคือ เสียงจากประชาชนสะท้อนถึงความปรารถนาในการ “ฟื้นฟูศาสนา” อย่างแท้จริงด้วยข้อเรียกร้องดังนี้ คือ มากถึง 91.5% ต้องการให้เพิ่มบทลงโทษต่อพระสงฆ์หรือนักบวชที่กระทำผิดให้หนักกว่าคนทั่วไปหลายเท่า ในขณะที่ 82.5% เรียกร้องให้ตำรวจและหน่วยงานรัฐบังคับใช้กฎหมายต่อมารศาสนาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง 80.6% สนับสนุนการปฏิรูปกฎหมายเพื่อจัดระเบียบพระสงฆ์และนักบวชทุกศาสนาโดยไม่เลือกปฏิบัติ 77.4% ต้องการให้มีการตรวจสอบองค์กรศาสนาทุกศาสนาอย่างเท่าเทียม และ 63.9% เห็นว่าภาคประชาสังคมควรมีบทบาทร่วมมือกับรัฐในการจัดระเบียบคนในวงการศาสนา ข้อมูลผลสำรวจนี้สะท้อนให้เห็นว่า เสียงประชาชนชี้ให้เห็นถึงความต้องการ “ระบบใหม่ของศาสนา” ที่เข้มแข็ง โปร่งใส และเป็นธรรมต่อทุกศาสนา โดยที่ไม่ละเลยการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและไม่ยกเว้นโทษให้กับผู้ที่บ่อนทำลายความศรัทธาของประชาชน

ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล มูลนิธิสถาบันวิจัยความสุขชุมชน กล่าวสรุปว่า ผลสำรวจสะท้อนภาพรวมที่ทรงพลังของจิตวิญญาณประชาชนในห้วงยามที่ศาสนาและศรัทธากำลังเผชิญวิกฤติความเชื่อมั่น ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงยึดมั่นในคุณค่าของ “ศาสนา” ในฐานะหลักทางจริยธรรมและศูนย์รวมของจิตใจ แต่ในขณะเดียวกันกลับแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า “จะไม่ยอมรับความเสื่อมที่เกิดจากผู้แอบอ้างผ้าเหลืองหรือชุดขาว ชุดนักบวชของทุกศาสนา” หรือผู้ใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง

ความไว้วางใจของประชาชนจึงเคลื่อนย้ายออกจากระบบราชการดั้งเดิมที่เกี่ยวข้องกับศาสนา มาสู่ตำรวจและบุคคลสาธารณะที่กล้าหาญและเปิดเผยความจริง กลุ่มคนเหล่านี้มิได้เพียงทำหน้าที่ของตนแต่ได้กลายเป็น “ตัวแทนของความหวัง” ที่ประชาชนฝากไว้ในยุคที่ศีลธรรมกำลังถูกตั้งคำถาม ภายใต้บริบทนี้หน่วยงานศาสนาแบบเดิมจำเป็นต้อง “ปฏิรูปบทบาท” ให้เท่าทันความคาดหวังของประชาชนโดยต้องเป็นมากกว่าผู้พิทักษ์เชิงพิธีกรรม แต่ต้องกลายเป็นกลไกที่เข้มแข็ง ตรวจสอบได้ และใกล้ชิดประชาชนมากขึ้น ในขณะที่เสียงจากประชาชนยังแสดงให้เห็นถึงแรงสนับสนุนอย่างมหาศาลต่อการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง ทั้งในด้านกฎหมาย องค์กร และวัฒนธรรมการทำงานของสถาบันศาสนาโดยเน้นการบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรมต่อทุกศาสนาและเปิดพื้นที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูศรัทธาอย่างเป็นระบบ

“หากศาสนาทุกศาสนา เปรียบเสมือน “รากแก้ว” ที่ยึดเหนี่ยวคุณธรรมในใจคนไทย “ศรัทธา” ก็คือ “สายน้ำ” ที่หล่อเลี้ยงชีวิตจิตวิญญาณของชาติและประชาชน หากเราต้องการเห็นบ้านเมืองเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว เราจำเป็นต้องปกป้องศาสนาให้บริสุทธิ์ และรักษาศรัทธาให้ปลอดภัย ไม่ใช่ด้วยคำกล่าวอ้าง หากแต่ด้วย “ปฏิบัติธรรม” อย่างแท้จริง โดยไม่มีเงื่อนไข และ ไม่มีข้อยกเว้น” ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวทิ้งท้าย

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก เดลินิวส์

เปิดเบื้องหลังการสึกของ ‘พระธรรมวชิรธีรคุณ’ เจ้าคณะผู้ปกครองเห็นหลักฐาน สั่งฟันทันที

40 นาทีที่แล้ว

‘บริษัทเฟอร์นิเจอร์ดัง’ แถลงขอโทษ ปมพนักงานส่งของเขียนโน้ตตำหนิลูกค้า เผยสั่งยุติการปฏิบัติงานทันที!

52 นาทีที่แล้ว

โฆษกเพื่อไทยโว เจรจาภาษีสหรัฐแนวโน้มดี เรตระดับค่าเฉลี่ยของภูมิภาค

53 นาทีที่แล้ว

“อี้อู” เมืองค้าส่งระดับโลก มอบประโยชน์ให้ “นักธุรกิจต่างชาติ” มากกว่า 3,700 คน

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

‘วิเชียร’ พร้อมคณะเปิดงาน ’Legal Career Expo‘ จัดทนายความพบสำนักงานกฎหมายชั้นนำ

ไทยโพสต์

Tropical storm to bring heavy rain to northern and central regions this week

Thai PBS World

SOCIETY: ถ้าคุณรู้สึกว่าช็อกโกแลตยุโรป ‘รสชาติต่าง’ จากช็อกโกแลตอเมริกัน และที่อื่นๆ… คุณไม่ได้คิดไปเอง

BrandThink

ประวัติวัดนครสวรรค์ พระอารามหลวงคู่บ้านคู่เมืองปากน้ำโพ

TNN ช่อง16

พบร่างหนุ่มส่งพัสดุถูกทิ้งป่าข้างทาง แม่เชื่อลูกถูกทำร้ายเสียชีวิต ก่อนนำมาทิ้งอำพราง

สยามนิวส์

พท.โวเจรจาภาษีสหรัฐแนวโน้มดี เรทอยู่ในค่าเฉลี่ยภูมิภาค ยันเดินหน้าเพื่อผลลัพธ์ดีที่สุดของประเทศ

Manager Online

เตือนระวัง! ถนนชำรุดเป็นหลุม ปากซอยสุขุมวิท 62 แยก 9

INN News

อุตุเตือนฉบับ 3 รายชื่อ “55 จว.” ต่อไปนี้ ฝนตกหนักถึงหนักมากเตรียมอพยพ

เดลินิวส์

ข่าวและบทความยอดนิยม

รองผอ.สำนักพุทธฯ แนะยึดหลักพุทธธรรม ใช้ปัญญาในการพิจารณาการกระทำของพระสงฆ์

เดลินิวส์

ไม่อยากอดตาย! 5 แรงงานกัมพูชา ยอมจ่ายหัวละ 4 พัน หอบลูกลอบเข้าไทย

เดลินิวส์

‘ฮุน มาเนต’ ขอบคุณผู้ชุมนุมเพื่อชาติ ย้ำแนวทางร้อง ‘ศาลประเทศ’ ชี้หากรุกล้ำพร้อมตอบโต้

เดลินิวส์
ดูเพิ่ม
Loading...