แค่เริ่มทำงานก็เป็นหนี้! แบงก์ชาติเผย First Jobbers ไทย ‘ครึ่งหนึ่ง’ เป็นหนี้แล้ว พบ 1 ใน 4 เริ่มมีปัญหา พร้อมส่องทางออกวิกฤตหนี้ไทย
วันนี้ (27 สิงหาคม) ในงาน Thailand Focus 2025 วงเสวนาเรื่อง ‘หนี้ครัวเรือนไทย: ความเปราะบางที่ต้องจับตา’ ดร. รุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท. เริ่มสังเกตเห็นปรากฏการณ์ กลุ่มคนเริ่มทำงาน (First Jobbers) เริ่มสะสมหนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย และผู้เกษียณยังคงมีหนี้สินอยู่ แม้เลิกทำงานไปแล้ว
โดยกลุ่มคนเริ่มทำงาน (First Jobbers) ซึ่งมีอายุ 22-29 ปี ราวครึ่งหนึ่งมีหนี้สินแล้ว และจำนวนนี้ประมาณ 1 ใน 4 เริ่มมีปัญหาหนี้แล้ว
นอกจากนี้ จากการศึกษาของสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ พบว่า 38% ของคนไทยมีหนี้ในระบบ โดยเฉลี่ยคนละ 540,000 บาท โดยหนี้ครัวเรือนในประเทศไทยส่วนใหญ่ยังเป็นหนี้จากการบริโภคมากกว่าหนี้ธุรกิจ ซึ่งนับเป็นประเด็นที่น่ากังวล นอกจากนี้ หากรวมหนี้นอกระบบเข้าไปแล้ว ตัวเลขเหล่านี้ก็ต้องสูงขึ้นกว่านี้มาก
เปิด ‘ต้นตอ’ ปัญหาหนี้ครัวเรือนไทย
ดร.รุ่งกล่าวว่า ปัญหาหนี้ครัวเรือนไทยในปัจจุบันสะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างในประเทศไทย ได้แก่ (1) ความรู้ทางการเงิน (Financial Literacy) ที่ยังไม่เพียงพอ ไม่ว่าจะเป็น วิธีจัดการหนี้สิน วิธีประเมินรายได้ และความสามารถในการชำระหนี้ของตน (2) ช่องว่างด้านความโปร่งใสของข้อมูล (Information Transparency) (3) การเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัว ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากโครงสร้างประชากร (Demography) ที่ไม่เอื้อต่อการเติบโต (4) โครงข่ายความปลอดภัยทางสังคม (Social Safety Net) ที่ยังไม่เพียงพอ
“โครงข่ายความปลอดภัยทางสังคม (Social Safety Net) ที่ยังไม่เพียงพอ เห็นจากหลายกรณี พบว่า เมื่อผู้หาเลี้ยงครอบครัวเจ็บป่วยหรือตกงาน ครอบครัวก็อาจต้องหันไปพึ่งหนี้นอกระบบ ซึ่งเป็นวัฏจักรที่โหดร้าย ธปท.จึงมีความพยายามดึงคนเข้าสู่ระบบมาโดยตลอด” ดร.รุ่งกล่าว
ธปท.ย้ำปัญหาหนี้ครัวเรือนไทย ต้องแก้ทั้ง ระยะสั้น และระยะยาว
ดร.รุ่งกล่าว กล่าวว่า เพื่อจัดการกับปัญหาหนี้ครัวเรือน เราจำเป็นต้องมีทั้งมาตรการ ‘ระยะสั้น’ เพื่ออย่างน้อยให้ผ่านช่วงที่เศรษฐกิจซบเซานี้ไปให้ได้ และยังมีมาตรการแก้ปัญหา ‘ระยะยาว’ ซึ่งก็คือการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง เพื่อทำให้แน่ใจว่า ปัญหาหนี้จะได้รับการแก้ไขอย่างยั่งยืน
โดยในระยะสั้น จุดยืนของนโยบายการเงินควรจะเป็นแบบผ่อนคลาย ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องนโยบายหลักเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการส่งผ่านอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปยังดอกเบี้ยของธนาคารด้วย ไปจนถึง การลดความเสี่ยงด้านสินเชื่อ (Reducing Credit Risks) นอกจากนี้ ในระยะสั้น ธปท.ได้ออกชุดมาตรการทางการเงิน เพื่อบรรเทาภาระหนี้ของกลุ่มเป้าหมายไปแล้วจำนวนหนึ่ง
สำหรับการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนระยะยาว ดร.รุ่งยืนยันว่า คนไทยและบริษัทไทยต้องมีรายได้ที่สูงขึ้น โดยธปท.ยังกำลังทำงานร่วมกับภาคอุตสาหกรรมต่างๆ และสมาคมธนาคารไทย เป็นต้น เพื่อหาแผนระยะยาว ในการยกระดับโครงสร้างที่เป็นรูปธรรมมากขึ้นสำหรับแต่ละภาคส่วน และควบคู่ไปกับโครงการค้ำประกันสินเชื่อ และอื่น ๆ เพื่อช่วยให้บริษัทที่อ่อนแอกว่าในอุตสาหกรรมได้มีโอกาสอยู่รอด
นอกจากนี้ หนึ่งในอุปสรรคที่ขัดขวางการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน คือ การมีข้อมูลไม่เพียงพอ (Lack of Data) ทำให้ผู้คนยังมีประวัติทางเครดิตที่ไม่ดีนัก ส่งผลให้ผู้คนจำนวนมากถูกผลักให้ไปกู้ยืมเงินนอกระบบ
นอกจากนี้ ธปท. ยังพยายามสนับสนุนลูกหนี้ให้เข้าสู่ระบบผ่าน โครงการ Your Data และยังเพิ่มผู้เล่นรายใหม่เข้าสู่อุตสาหกรรมธนาคารด้วยผ่านการจัดตั้งธนาคารไร้สาขา (Virtual Banks) เป็นต้น
สอดคล้องกับ ดร. ลัษมณ อรรถาพิช ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) ที่ระบุว่า ในฐานะบริษัทข้อมูล มีหน้าที่หลัก คือการจัดหาข้อมูลและตัวเลขที่เป็นข้อเท็จจริง (Facts and Figures) ให้แก่ผู้ให้กู้ ผู้บริโภค และผู้กำหนดนโยบาย โดยข้อมูลเหล่านี้ย่อมมีส่วนช่วยให้ผู้คนมี สุขภาพทางการเงินที่ดีขึ้น ช่วยให้สถาบันการเงินสามารถบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับการตัดสินใจเชิงนโยบายของหน่วยงานกำกับดูแล
กระนั้น ดร. ลัษมณ ยังมองว่า หนี้ครัวเรือนไทยปัจจุบัน มีสาเหตุที่แท้จริงมาจาก รายได้ และโครงสร้างของเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันแก้ไข ท่ามกลางการฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด และความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์
เร่งเปลี่ยนผ่านจากการบรรเทาหนี้ไปสู่การปฏิรูปเชิงโครงสร้าง
ผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และ ประธานกรรมการ สมาคมธนาคารไทย ยังแนะว่า ไทยต้องเร่งเปลี่ยนผ่านจากการบรรเทาหนี้ไปสู่การปฏิรูปเชิงโครงสร้าง พร้อมเสนอแนะการเปลี่ยนผ่าน 3 ระยะ สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และภาคเอกชน ได้แก่
- การสนับสนุนเบื้องต้น ซึ่งหมายถึงโครงการที่ออกแบบมาเพื่อเป็นมาตรการชั่วคราวและระยะสั้น
- การแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่นการแก้ปัญหาช่องว่างในระบบความปลอดภัยทางสังคม (Social Safety Net)
- การเพิ่มรายได้ เพื่อให้ผู้คนได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมและยกระดับความสามารถในการแข่งขัน