โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

จดจำประวัติศาสตร์ และสร้างอนาคตร่วมกัน

เดลินิวส์

อัพเดต 9 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 16 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เดลินิวส์
บทความพิเศษโดยนายจาง เจี้ยนเว่ย เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย

ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 80 ปีของชัยชนะของสงครามต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่นของประชาชนจีนและสงครามต่อต้านฟาสซิสต์โลก 80 ปีก่อน ประชาชนชาวจีนและประชาชนผู้รักสันติทั่วโลกได้ร่วมแรงร่วมใจกันต่อสู้อย่างนองเลือดด้วยความเกลียดชังศัตรูและบรรลุชัยชนะอันยิ่งใหญ่ในสงครามต่อต้านฟาสซิสต์และนำพาประวัติศาสตร์มนุษยชาติสู่ยุคสมัยใหม่ ในปีค.ศ. 1951 รัฐบาลจีนกำหนดให้วันที่ 3 กันยายน เป็นวันแห่งชัยชนะในสงครามต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่น

เมื่อ 80 ปีก่อน เงาของลัทธิฟาสซิสต์แผ่ปกคลุมโลก และอารยธรรมมนุษย์ต้องเผชิญกับหายนะที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในฐานะสมรภูมิหลักภาคพื้นตะวันออกในช่วงสงครามต่อต้านฟาสซิสต์โลก

สงครามต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่นโดยประชาชนจีนถือเป็นสงครามแรกเริ่มและยาวนานที่สุด นับตั้งแต่เหตุการณ์ 18 กันยายน ค.ศ. 1931 เมื่อประชาชนจีนต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่นและเปิดฉากสงครามต่อต้านฟาสซิสต์โลก ไปจนถึงการยอมแพ้ของญี่ปุ่นในเดือนกันยายน ค.ศ. 1945 และการปลดปล่อยไต้หวันในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1945 ซึ่งถือเป็นชัยชนะโดยสมบูรณ์ของสงครามต่อต้านฟาสซิสต์โลก

สงครามต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่นโดยประชาชนจีนดำเนินมาเป็นเวลา 14 ปี และมีผู้เสียชีวิตทั้งทหารและพลเรือนชาวจีนมากกว่า 35 ล้านคน ทหารญี่ปุ่นกว่า 1.5 ล้านนายล้มตาย ความสูญเสียต่อทรัพย์สินทางการและค่าใช้จ่ายในช่วงสงครามมีมูลค่ามากกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.24 ล้านล้านบาท) โดยความสูญเสียทางเศรษฐกิจทางอ้อมสูงถึง 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 16.2 ล้านล้านบาท) สงครามต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่นของประชาชนจีนถือเป็นผลงานประวัติศาสตร์ที่ได้รับชัยชนะในสงครามต่อต้านฟาสซิสต์โลก และยังเป็นอนุสาวรีย์อันยั่งยืนเพื่อสันติภาพของมนุษยชาติอีกด้วย

สิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ต้องจำไว้คือ การที่ไต้หวันกลับคืนสู่ดินแดนจีนเป็นผลลัพธ์อันสำคัญยิ่งจากชัยชนะในสงครามโลกครั้งที่ 2 และเป็นส่วนสำคัญของระเบียบระหว่างประเทศหลังสงคราม ปฏิญญาไคโร ปฏิญญาพอตสดัม และเอกสารอื่นๆ ที่มีผลผูกพันตามกฎหมายระหว่างประเทศ ได้ยืนยันอำนาจอธิปไตยของจีนเหนือไต้หวัน และข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์และกฎหมายเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ มติสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นจีเอ) ที่ 2758 ได้แก้ไขปัญหาการเป็นตัวแทนของจีนทั้งหมดซึ่งรวมถึงไต้หวัน ในสหประชาชาติโดยสมบูรณ์ ข้อมติดังกล่าวระบุอย่างชัดเจนว่าไม่มี "สองประเทศจีน" และไม่มี "หนึ่งจีน หนึ่งไต้หวัน"

ตลอดระยะเวลา 80 ปีที่ผ่านมา จีนเป็นผู้สร้างสันติภาพโลกอย่างไม่เปลี่ยนแปลง เป็นผู้มีส่วนสนับสนุนการพัฒนาโลก และเป็นผู้ปกป้องระเบียบระหว่างประเทศ จีนสนับสนุนระบบระหว่างประเทศอย่างมั่นคง โดยมีสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เป็นแกนหลัก ระเบียบระหว่างประเทศที่ตั้งอยู่บนกฎหมายระหว่างประเทศ และบรรทัดฐานพื้นฐานที่ควบคุมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศตามวัตถุประสงค์และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ หลักห้าประการแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติที่จีนเสนอได้กลายเป็นบรรทัดฐานพื้นฐานที่ควบคุมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศ ในฐานะสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูอ็นเอสซี) จีนมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการปฏิบัติการรักษาสันติภาพของยูเอ็น

นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 จีนส่งเจ้าหน้าที่มากกว่า 50,000 นายไปยังปฏิบัติการรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ 30 ภารกิจในกว่า 20 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก ทำให้จีนเป็นประเทศซึ่งมีกำลังพลรักษาสันติภาพมากที่สุดในบรรดาสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคง นอกจากนี้ จีนยังส่งเสริมการแก้ปัญหาทางการเมืองอย่างแข็งขันต่อจุดวิกฤตทั้งในระดับนานาชาติและระดับภูมิภาค เช่น วิกฤติการณ์ยูเครนและความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญในการฟื้นฟูสันติภาพและช่วยเหลือชีวิตผู้คน

80 ปีผ่านไป ทุกวันนี้ สันติภาพได้ส่งให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่โลกยังคงเผชิญกับความท้าทายมากมาย ความขัดแย้งระดับท้องถิ่นและประเด็นร้อนในภูมิภาคยังคงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ภัยคุกคามความมั่นคงที่ไม่ใช่แบบดั้งเดิม เช่น การก่อการร้ายและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังเด่นชัดขึ้นเรื่อย ๆ ลัทธิเอกภาคีนิยมและลัทธิกีดกันการค้ากำลังเพิ่มสูงขึ้น นำมาซึ่งความไม่แน่นอน ต่อสันติภาพและการพัฒนาของโลก เมื่อเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในศตวรรษนี้ และคำถามระดับโลก ประวัติศาสตร์ และยุคสมัยที่ว่า "มนุษยชาติกำลังมุ่งหน้าไปทางไหน"

จีนได้ให้คำตอบด้วยการส่งเสริมการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันสำหรับมนุษยชาติ การดำเนินการเพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์นี้คือการร่วมกันสร้างโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางและโครงการริเริ่มระดับโลกที่สำคัญสามโครงการ การสร้าง”สนามหญ้าเล็กๆ ที่มีรั้วสูง” และ "การแยกและตัดขาดห่วงโซ่อุปทาน" จะนำพามนุษยชาติไปสู่ทางตันที่ไร้ทางออก ความเท่าเทียม การเปิดกว้าง การมีส่วนร่วม ความร่วมมือที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ และความมั่งคั่งร่วมกันคือทางเลือกที่ถูกต้องเพียงทางเดียว

เรารำลึกถึงชัยชนะของสงครามครั้งนี้ ไม่ใช่เพื่อสืบสานความเกลียดชัง แต่เพื่อเรียนรู้จากประวัติศาสตร์ มองไปสู่อนาคต และให้ผู้คนจากทุกประเทศในโลกได้อยู่ร่วมกันอย่างสันติภาพและความสงบสุขชั่วนิรันดร์

เราต้องยึดมั่นในฉันทามติทางประวัติศาสตร์และธำรงไว้ซึ่งระเบียบหลังสงคราม ประวัติศาสตร์ไม่อาจบิดเบือนได้ ทุกประเทศควรร่วมกันปกป้องชัยชนะของสงครามโลกครั้งที่สองและระเบียบระหว่างประเทศหลังสงคราม เราต้องยึดมั่นในหลักการจีนเดียว ต่อต้าน “เอกราชของไต้หวัน” ทุกรูปแบบอย่างเด็ดขาด และต่อต้านความพยายามใดๆ ที่จะบิดเบือนประวัติศาสตร์การรุกรานหรือยกย่องอาชญากรรมสงครามอย่างเด็ดขาด เราต้องใช้ประวัติศาสตร์เป็นคบเพลิงเพื่อส่องทางข้างหน้า และสร้างความมั่นใจว่าอุดมคติแห่งสันติภาพจะหยั่งรากลึกอยู่ในดีเอ็นเอของอารยธรรมมนุษย์

เราต้องต่อต้านการกลั่นแกล้งด้วยอำนาจบาตรใหญ่และปกป้องความยุติธรรมระหว่างประเทศ บทเรียนของประวัติศาสตร์ได้สอนเราว่าการเมืองแบบอำนาจนิยมและกฎแห่งป่าเถื่อนจะฉุดมนุษยชาติลงสู่เหวลึก หลักนิติธรรมระหว่างประเทศต้องไม่ถูกเหยียบย่ำ และวัตถุประสงค์และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติต้องไม่ถูกสั่นคลอน มีเพียงการยึดมั่นในบรรทัดฐานของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความเคารพซึ่งกันและกัน ความยุติธรรม ความเป็นธรรม และความร่วมมือที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์เท่านั้น ที่จะสามารถขจัดแหล่งเพาะพันธุ์ของการเมืองแบบอำนาจนิยม และเปิดทางให้แสงสว่างแห่งความยุติธรรมส่องประกายสู่โลกได้

เราต้องพัฒนาธรรมาภิบาลโลกและสร้างอนาคตร่วมกัน ประชาคมโลกควรร่วมกันธำรงไว้ซึ่งลัทธิพหุภาคีที่แท้จริง ส่งเสริมโลกหลายขั้วที่เท่าเทียมและเป็นระเบียบอย่างต่อเนื่อง และโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจที่เป็นประโยชน์ต่อทุกคนและครอบคลุม เราควรผลักดันระบบธรรมาภิบาลโลกไปสู่ทิศทางที่ยุติธรรมและสมเหตุสมผลมากขึ้น และร่วมมือกันสร้างโลกที่มีสันติภาพที่ยั่งยืน ความมั่นคงทั่วไป ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน ความเปิดกว้าง ความครอบคลุม ความสะอาด และความสวยงาม

จีนและไทยเป็นประเทศกลุ่ม “ซีกโลกใต้” ต่างรักสันติภาพและแสวงหาความเจริญรุ่งเรือง ทั้งสองประเทศกำลังแสวงหาหนทางสู่ความทันสมัยที่สอดคล้องกับสภาพการณ์ของชาติ ทั้งสองประเทศยึดมั่นในหลักพหุภาคีและต่อต้านลัทธิเอกภาคีนิยมและลัทธิคุ้มครองทางการค้า

ทั้งสองประเทศสนับสนุนการเสริมสร้างความสามัคคีและความร่วมมือ และต่อต้านการแบ่งแยกและการเผชิญหน้า ณ จุดเริ่มต้นทางประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและไทย เรายินดีร่วมมือกับไทยเพื่อกระชับความสัมพันธ์หุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมระหว่างจีนและไทยให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เร่งสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันจีนและไทยสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนยิ่งขึ้น และเป็นผู้นำยุคแห่งการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันสำหรับมวลมนุษยชาติ.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...