จดจำประวัติศาสตร์ และสร้างอนาคตร่วมกัน
ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 80 ปีของชัยชนะของสงครามต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่นของประชาชนจีนและสงครามต่อต้านฟาสซิสต์โลก 80 ปีก่อน ประชาชนชาวจีนและประชาชนผู้รักสันติทั่วโลกได้ร่วมแรงร่วมใจกันต่อสู้อย่างนองเลือดด้วยความเกลียดชังศัตรูและบรรลุชัยชนะอันยิ่งใหญ่ในสงครามต่อต้านฟาสซิสต์และนำพาประวัติศาสตร์มนุษยชาติสู่ยุคสมัยใหม่ ในปีค.ศ. 1951 รัฐบาลจีนกำหนดให้วันที่ 3 กันยายน เป็นวันแห่งชัยชนะในสงครามต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่น
เมื่อ 80 ปีก่อน เงาของลัทธิฟาสซิสต์แผ่ปกคลุมโลก และอารยธรรมมนุษย์ต้องเผชิญกับหายนะที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในฐานะสมรภูมิหลักภาคพื้นตะวันออกในช่วงสงครามต่อต้านฟาสซิสต์โลก
สงครามต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่นโดยประชาชนจีนถือเป็นสงครามแรกเริ่มและยาวนานที่สุด นับตั้งแต่เหตุการณ์ 18 กันยายน ค.ศ. 1931 เมื่อประชาชนจีนต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่นและเปิดฉากสงครามต่อต้านฟาสซิสต์โลก ไปจนถึงการยอมแพ้ของญี่ปุ่นในเดือนกันยายน ค.ศ. 1945 และการปลดปล่อยไต้หวันในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1945 ซึ่งถือเป็นชัยชนะโดยสมบูรณ์ของสงครามต่อต้านฟาสซิสต์โลก
สงครามต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่นโดยประชาชนจีนดำเนินมาเป็นเวลา 14 ปี และมีผู้เสียชีวิตทั้งทหารและพลเรือนชาวจีนมากกว่า 35 ล้านคน ทหารญี่ปุ่นกว่า 1.5 ล้านนายล้มตาย ความสูญเสียต่อทรัพย์สินทางการและค่าใช้จ่ายในช่วงสงครามมีมูลค่ามากกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.24 ล้านล้านบาท) โดยความสูญเสียทางเศรษฐกิจทางอ้อมสูงถึง 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 16.2 ล้านล้านบาท) สงครามต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่นของประชาชนจีนถือเป็นผลงานประวัติศาสตร์ที่ได้รับชัยชนะในสงครามต่อต้านฟาสซิสต์โลก และยังเป็นอนุสาวรีย์อันยั่งยืนเพื่อสันติภาพของมนุษยชาติอีกด้วย
สิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ต้องจำไว้คือ การที่ไต้หวันกลับคืนสู่ดินแดนจีนเป็นผลลัพธ์อันสำคัญยิ่งจากชัยชนะในสงครามโลกครั้งที่ 2 และเป็นส่วนสำคัญของระเบียบระหว่างประเทศหลังสงคราม ปฏิญญาไคโร ปฏิญญาพอตสดัม และเอกสารอื่นๆ ที่มีผลผูกพันตามกฎหมายระหว่างประเทศ ได้ยืนยันอำนาจอธิปไตยของจีนเหนือไต้หวัน และข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์และกฎหมายเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ มติสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นจีเอ) ที่ 2758 ได้แก้ไขปัญหาการเป็นตัวแทนของจีนทั้งหมดซึ่งรวมถึงไต้หวัน ในสหประชาชาติโดยสมบูรณ์ ข้อมติดังกล่าวระบุอย่างชัดเจนว่าไม่มี "สองประเทศจีน" และไม่มี "หนึ่งจีน หนึ่งไต้หวัน"
ตลอดระยะเวลา 80 ปีที่ผ่านมา จีนเป็นผู้สร้างสันติภาพโลกอย่างไม่เปลี่ยนแปลง เป็นผู้มีส่วนสนับสนุนการพัฒนาโลก และเป็นผู้ปกป้องระเบียบระหว่างประเทศ จีนสนับสนุนระบบระหว่างประเทศอย่างมั่นคง โดยมีสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เป็นแกนหลัก ระเบียบระหว่างประเทศที่ตั้งอยู่บนกฎหมายระหว่างประเทศ และบรรทัดฐานพื้นฐานที่ควบคุมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศตามวัตถุประสงค์และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ หลักห้าประการแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติที่จีนเสนอได้กลายเป็นบรรทัดฐานพื้นฐานที่ควบคุมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศ ในฐานะสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูอ็นเอสซี) จีนมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการปฏิบัติการรักษาสันติภาพของยูเอ็น
นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 จีนส่งเจ้าหน้าที่มากกว่า 50,000 นายไปยังปฏิบัติการรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ 30 ภารกิจในกว่า 20 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก ทำให้จีนเป็นประเทศซึ่งมีกำลังพลรักษาสันติภาพมากที่สุดในบรรดาสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคง นอกจากนี้ จีนยังส่งเสริมการแก้ปัญหาทางการเมืองอย่างแข็งขันต่อจุดวิกฤตทั้งในระดับนานาชาติและระดับภูมิภาค เช่น วิกฤติการณ์ยูเครนและความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญในการฟื้นฟูสันติภาพและช่วยเหลือชีวิตผู้คน
80 ปีผ่านไป ทุกวันนี้ สันติภาพได้ส่งให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่โลกยังคงเผชิญกับความท้าทายมากมาย ความขัดแย้งระดับท้องถิ่นและประเด็นร้อนในภูมิภาคยังคงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ภัยคุกคามความมั่นคงที่ไม่ใช่แบบดั้งเดิม เช่น การก่อการร้ายและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังเด่นชัดขึ้นเรื่อย ๆ ลัทธิเอกภาคีนิยมและลัทธิกีดกันการค้ากำลังเพิ่มสูงขึ้น นำมาซึ่งความไม่แน่นอน ต่อสันติภาพและการพัฒนาของโลก เมื่อเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในศตวรรษนี้ และคำถามระดับโลก ประวัติศาสตร์ และยุคสมัยที่ว่า "มนุษยชาติกำลังมุ่งหน้าไปทางไหน"
จีนได้ให้คำตอบด้วยการส่งเสริมการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันสำหรับมนุษยชาติ การดำเนินการเพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์นี้คือการร่วมกันสร้างโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางและโครงการริเริ่มระดับโลกที่สำคัญสามโครงการ การสร้าง”สนามหญ้าเล็กๆ ที่มีรั้วสูง” และ "การแยกและตัดขาดห่วงโซ่อุปทาน" จะนำพามนุษยชาติไปสู่ทางตันที่ไร้ทางออก ความเท่าเทียม การเปิดกว้าง การมีส่วนร่วม ความร่วมมือที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ และความมั่งคั่งร่วมกันคือทางเลือกที่ถูกต้องเพียงทางเดียว
เรารำลึกถึงชัยชนะของสงครามครั้งนี้ ไม่ใช่เพื่อสืบสานความเกลียดชัง แต่เพื่อเรียนรู้จากประวัติศาสตร์ มองไปสู่อนาคต และให้ผู้คนจากทุกประเทศในโลกได้อยู่ร่วมกันอย่างสันติภาพและความสงบสุขชั่วนิรันดร์
เราต้องยึดมั่นในฉันทามติทางประวัติศาสตร์และธำรงไว้ซึ่งระเบียบหลังสงคราม ประวัติศาสตร์ไม่อาจบิดเบือนได้ ทุกประเทศควรร่วมกันปกป้องชัยชนะของสงครามโลกครั้งที่สองและระเบียบระหว่างประเทศหลังสงคราม เราต้องยึดมั่นในหลักการจีนเดียว ต่อต้าน “เอกราชของไต้หวัน” ทุกรูปแบบอย่างเด็ดขาด และต่อต้านความพยายามใดๆ ที่จะบิดเบือนประวัติศาสตร์การรุกรานหรือยกย่องอาชญากรรมสงครามอย่างเด็ดขาด เราต้องใช้ประวัติศาสตร์เป็นคบเพลิงเพื่อส่องทางข้างหน้า และสร้างความมั่นใจว่าอุดมคติแห่งสันติภาพจะหยั่งรากลึกอยู่ในดีเอ็นเอของอารยธรรมมนุษย์
เราต้องต่อต้านการกลั่นแกล้งด้วยอำนาจบาตรใหญ่และปกป้องความยุติธรรมระหว่างประเทศ บทเรียนของประวัติศาสตร์ได้สอนเราว่าการเมืองแบบอำนาจนิยมและกฎแห่งป่าเถื่อนจะฉุดมนุษยชาติลงสู่เหวลึก หลักนิติธรรมระหว่างประเทศต้องไม่ถูกเหยียบย่ำ และวัตถุประสงค์และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติต้องไม่ถูกสั่นคลอน มีเพียงการยึดมั่นในบรรทัดฐานของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความเคารพซึ่งกันและกัน ความยุติธรรม ความเป็นธรรม และความร่วมมือที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์เท่านั้น ที่จะสามารถขจัดแหล่งเพาะพันธุ์ของการเมืองแบบอำนาจนิยม และเปิดทางให้แสงสว่างแห่งความยุติธรรมส่องประกายสู่โลกได้
เราต้องพัฒนาธรรมาภิบาลโลกและสร้างอนาคตร่วมกัน ประชาคมโลกควรร่วมกันธำรงไว้ซึ่งลัทธิพหุภาคีที่แท้จริง ส่งเสริมโลกหลายขั้วที่เท่าเทียมและเป็นระเบียบอย่างต่อเนื่อง และโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจที่เป็นประโยชน์ต่อทุกคนและครอบคลุม เราควรผลักดันระบบธรรมาภิบาลโลกไปสู่ทิศทางที่ยุติธรรมและสมเหตุสมผลมากขึ้น และร่วมมือกันสร้างโลกที่มีสันติภาพที่ยั่งยืน ความมั่นคงทั่วไป ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน ความเปิดกว้าง ความครอบคลุม ความสะอาด และความสวยงาม
จีนและไทยเป็นประเทศกลุ่ม “ซีกโลกใต้” ต่างรักสันติภาพและแสวงหาความเจริญรุ่งเรือง ทั้งสองประเทศกำลังแสวงหาหนทางสู่ความทันสมัยที่สอดคล้องกับสภาพการณ์ของชาติ ทั้งสองประเทศยึดมั่นในหลักพหุภาคีและต่อต้านลัทธิเอกภาคีนิยมและลัทธิคุ้มครองทางการค้า
ทั้งสองประเทศสนับสนุนการเสริมสร้างความสามัคคีและความร่วมมือ และต่อต้านการแบ่งแยกและการเผชิญหน้า ณ จุดเริ่มต้นทางประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและไทย เรายินดีร่วมมือกับไทยเพื่อกระชับความสัมพันธ์หุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมระหว่างจีนและไทยให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เร่งสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันจีนและไทยสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนยิ่งขึ้น และเป็นผู้นำยุคแห่งการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันสำหรับมวลมนุษยชาติ.