โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ดาวโจนส์ปิดลบเกือบ 250 จุด หลังศาลสหรัฐฯ ชี้คำสั่งเก็บภาษีทรัมป์ผิดกฎหมาย

efinanceThai

เผยแพร่ 1 วันที่แล้ว

ดาวโจนส์ปิดลบเกือบ 250 จุด หลังศาลสหรัฐฯ ชี้คำสั่งเก็บภาษีทรัมป์ผิดกฎหมาย

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -3 ก.ย. 68 7:49: น.

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เผชิญกับแรงเทขายประเดิมต้นเดือนก.ย.โดยดาวโจนส์ปิดลดลง 249.07 จุด หลังศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ มีคำตัดสินเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า มาตรการเก็บภาษีนำเข้าส่วนใหญ่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดลดลง 249.07 จุด หรือ 0.55% ปิดที่ 45,295.81 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 44.72 จุด หรือ 0.69% ปิดที่ 6,415.54 จุด และดัชนีแนสแดค ปิดลดลง 175.92 จุด หรือ 0.82% ปิดที่ 21,279.63 จุด

ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ มีมติไม่เป็นเอกฉันท์ 7 ต่อ 4 เสียง ตัดสินให้มาตรการเก็บภาษีศุลกากรส่วนใหญ่ของประธานาธิบดีทรัมป์ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งสร้างความกังวลต่อนักลงทุน อย่างไรก็ตาม ศาลยังคงอนุญาตให้มาตรการภาษี ยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไปจนถึงวันที่ 14 ต.ค. เพื่อเปิดโอกาสให้รัฐบาลทรัมป์ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสูงสหรัฐฯ

ขณะที่เดือนก.ย. มักถือเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ อ่อนแรง โดยดัชนีความผันผวน Cboe Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกกังวลของวอลล์สตรีทปรับตัวเพิ่มขึ้น แม้ดัชนีหลักปิดตลาดขยับมาอยู่เหนือระดับต่ำสุดของวันก็ตาม

โอลิเวอร์ เพอร์เช ที่ปรึกษาอาวุโสจาก Wealthspire Advisors ระบุว่า คำถามคือการบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ ไม่เพียงทำให้ชาติพันธมิตรทางการค้าถูกกีดกัน แต่ยังก่อให้เกิดการสูญเสียรายได้จากภาษีด้วยหรือไม่ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่กดดันตลาด อย่างไรก็ตาม เขาชี้ว่ายังเร็วเกินไปที่จะบอกว่า นี่คือจุดเริ่มต้นของการปรับฐานครั้งใหญ่ เพราะโดยปกติแล้วช่วงเดือนส.ค.-ก.ย. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มักเผชิญความผันผวน ก่อนที่จะกลับมาแข็งแกร่งในไตรมาส 4

ข้อมูลทางสถิติย้อนหลังหลาย 10 ปี แสดงให้เห็นว่าเดือนก.ย. เป็นเดือนที่ผลตอบแทนเฉลี่ยของหุ้นสหรัฐฯ แย่ที่สุด ทำให้นักลงทุนบางส่วนจึงเตรียมรับมือกับความผันผวนรอบใหม่ ขณะที่ตลาดกำลังรอรายงานการจ้างงานสหรัฐฯ ประจำเดือนส.ค. ซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ในวันศุกร์นี้ เพื่อจับตาว่า ความอ่อนแอในตลาดแรงงานจะยังคงต่อเนื่องเข้าสู่เดือนที่ 4 หรือไม่

ข้อมูลจาก CME FedWatch บ่งชี้ว่า ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ให้น้ำหนัก 92% ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ในการประชุมวันที่ 17 ก.ย. นี้

ในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P 500 พบว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวลดลงมากที่สุด หลังร่วง 1.7% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี พุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนก.ค.

ด้านหุ้นรายตัว พบว่าหุ้น Kraft Heinz ร่วงลงกว่า 7% หลังบริษัทประกาศแผนแยกกิจการออกเป็น 2 บริษัท คือ ธุรกิจอาหารสำเร็จรูป และธุรกิจซอส-สเปรด ขณะที่หุ้น PepsiCo ปรับขึ้น 1.1% หลัง Elliott Management เปิดเผยการเข้าถือหุ้นของบริษัทเป็นมูลค่า 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา Reuters

รายงาน โดย สิริพงศ์ สิริชุมศรี เรียบเรียง โดย Supak Hopuengju
อีเมล์. supak@efinancethai.com
ดูข่าวต้นฉบับ

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...