24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 13 สิงหาคม 2568

24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 13 สิงหาคม 2568

>> ไฟไหม้บนห้องพัก ซอยข้างวัดธรรมเสนา เมืองอุดรธานี จนท.ฉีดน้ำควบคุมเพลิงได้ทันก่อนจะลุกลาม

08.30 น. รับแจ้งว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ที่บ้านมั่นคงพัฒนา ชุมชนเก่าจาน 8 ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี

ที่เกิดเหตุ ลักษณะเป็นอาคาร 2 ชั้น แบ่งเป็นห้องเช่า พบกลุ่มควันจำนวนมากลอยออกมาจากห้องพักบนชั้น 2 ทางเจ้าหน้าที่พร้อมด้วยรถดับเพลิงจึงฉีดน้ำเพื่อดับไฟและดูดควันออก ใช้เวลาไม่นานในการควบคุมเพลิงและป้องกันไม่ให้ลุกลามไปยังห้องพักข้างเคียง
เบื้องต้น ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ในส่วนสาเหตุของเพลิงไหม้และความเสียหายที่เกิดขึ้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี จะดำเนินการตรวจสอบต่อไป

>> รถกระบะชนกับรถบรรทุก กลางถนนโรจนะ ผู้บาดเจ็บหลายราย อาสากู้ภัยเร่งนำส่ง รพ.

10.00 น. ศูนย์วิทยุควบคุมข่ายสมาคมอยุธยารวมใจ หน่วยกู้ภัยอยุธยา รับแจ้งว่า มีอุบัติเหตุรถกระบะชนกับรถบรรทุก และมีผู้บาดเจ็บหลายราย บนทางหลวงหมายเลข 309 (ถนนโรจนะ) ฝั่งขาออกใกล้เคียงธนาคารกสิกรไทย ในพื้นที่ อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา

ทีเกิดเหตุ พบรถกระบะ โตโยต้า สีน้ำเงิน ป้ายทะเบียน สุพรรณบุรี ลักษณะชนกับรถบรรทุก อีซูซุ สีขาว ป้ายทะเบียน นครปฐม ตรวจสอบพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 ราย เป็นชาย 3 และหญิง 2 ราย โดยอาสาสมัครช่วยเหลือและนำส่ง รพ.พระนครศรีอยุธยา ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อุทัย

>> ตำรวจภาค 5 แถลงข่าวจับกุมผู้ต้องคดียาเสพติด ยึดยาบ้า 3.6 ล้านเม็ด ไอซ์ 150 กก.

11.00 น. ที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมด้วยผู้บัญชาการระดับสูงจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, สำนักงาน ป.ป.ส., ฝ่ายทหาร, ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงผลการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ภาค 5 จำนวน 5 คดี โดยจับกุมผู้ต้องหาและตรวจยึดของกลางได้เป็นจำนวนมาก ประกอบด้วย ยาบ้า 3,600,000 เม็ด, เคตามีน 100 กิโลกรัม และไอซ์ 150 กิโลกรัม

ทั้งนี้ การจับกุมดังกล่าวเกิดจากการบูรณาการการทำงานของทุกภาคส่วน ทั้งฝ่ายตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและจริงจังในการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดไม่ให้เข้าไปสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับสังคมและประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม

>> ไทยรับตัว 5 ผู้ร้ายข้ามแดนคดียาเสพติดสำคัญจาก สปป.ลาว ภายใต้ความร่วมมือปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและยาเสพติด

11.00 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และหน่วยงานความมั่นคง ได้ดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และจากความร่วมมือระหว่าง สปป.ลาว

โดยในวันนี้ได้รับมอบตัวผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับคดียาเสพติด สำคัญ 5 คน ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับในคดีร้ายแรง ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศและความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งเจ้าหน้าที่ ปปส. ได้รับตัวผู้ต้องหาจาก สปป.ลาว ที่สำนักงานศุลกากรจังหวัดหนองคาย บริเวณสะพานมิตรภาพไทย–ลาว แห่งที่ 1 อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย มีนายสมภพ สมิตะสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย, นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ รองเลขาธิการ ป.ป.ส., นายคณิศร ภาพีรนนท์ ผู้อำนวยการ ปปส.ภาค 4 และผู้แทนหน่วยงานความมั่นคง รวม 10 หน่วยงาน

สำหรับการรับมอบผู้ต้องหาครั้งนี้ เป็นไปตามโครงการ ประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อดำเนินการต่อผู้ต้องหาหลบหนีคดีความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด ตามหมายจับของศาลไทย รวม 5 คน ซึ่งทั้งหมดถูกดำเนินคดีในข้อหาสมคบและร่วมกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดประเภท 1 และ 2 รวมถึงการนำเข้า ครอบครอง และจำหน่ายเพื่อการค้าอันก่อให้เกิดการแพร่กระจายในวงกว้าง

>> ศาลอุทธรณ์ อ่านคำพิพากษาคดี น้องชมพู่ สั่งจำคุก "ลุงพล" จำนวน 26 ปี ส่วนป้าแต๋น ศาลยกฟ้อง

12.33 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน จากกรณีที่วันนี้ ศาลอุทธรณ์ภาค 4 นัดอ่านคำพิพากษาคดีฆาตกรรม เด็กหญิงอรวรรณ หรือ น้องชมพู่ วัย 3 ขวบ ซึ่งหายตัวไปจากบ้านพักในหมู่บ้านกกกอก จังหวัดมุกดาหาร เมื่อปี 2563

โดยหลังเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2566 ศาลจังหวัดมุกดาหาร มีคำพิพากษาจำคุก นายไชย์พล หรือลุงพล จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย (มาตรา 291) และฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีโดยไม่มีเหตุอันสมควร (มาตรา 317 วรรคแรก) ลงโทษจำคุกกระทงละ 10 ปี รวม 20 ปี และชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ครอบครัวผู้ตาย ส่วนนางสมพร หรือป้าแต๋น จำเลยที่ 2 พิพากษายกฟ้อง

ล่าสุด ศาลจังหวัดมุกดาหาร นัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ภาค 4 แก้โทษ จำคุก นายไชย์พล หรือ ลุงพล รวมเป็น 26 ปี ฐานเจตนาฆ่าโดยเล็งเห็นผล พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยไม่มีเหตุอันสมควร และอำพรางศพ ส่วนป้าแต๋น พิพากษายืนยกฟ้อง
สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2563 เด็กหญิงอรวรรณ หรือ น้องชมพู่ วัย 3 ขวบ หายตัวไปจากบ้านพัก ทำให้ชาวบ้านกว่า 200 คน ออกตามหา จนกระทั่งช่วงค่ำวันที่ 14 พฤษภาคม 2563 พบร่างของน้องชมพู่ในสภาพเปลือยกาย อยู่บนภูเหล็กไฟ ซึ่งห่างจากบ้านพักประมาณ 2 กิโลเมตร จากนั้นตำรวจภูธรภาค 4 และ ชุดสืบสวนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ลงพื้นที่คลี่คลายคดีนานกว่า 1 ปี

จนกระทั่งวันที่ 1 มิถุนายน 2564 ตำรวจจึงออกหมายจับ นายไชย์พล ในข้อหาที่เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของเด็กหญิงวัย 3 ขวบ และดำเนินคดีกับ นางสมพร ในอีกข้อหาหนึ่งเช่นกัน

>> รอง ผบช.ก. ประชุมติดตามคดี “หมอบี-วัดพระบาทน้ำพุ” ช่วงบ่าย เดินหน้าสืบข้อเท็จจริง

13.18 น. พล.ต.ท.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ได้เรียกประชุมคณะทำงานติดตามกรณี นายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล หรือ “หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ” และวัดพระบาทน้ำพุ เพื่อสรุปแนวทางการดำเนินงาน โดยย้ำว่าหลักการสำคัญคือการสร้างความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน

พล.ต.ท.จรูญเกียรติ ระบุว่า ขณะนี้การตรวจสอบของกองบังคับการปราบปราม มีความคืบหน้าและจะเข้าสู่การทำงานเชิงลึกมากขึ้น คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายใน 1-2 สัปดาห์ โดยเฉพาะประเด็นด้านการเงินของวัด ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนเพราะเกี่ยวพันกับศรัทธาของประชาชน ตำรวจตั้งเป้าให้เงินบริจาคกลับมาใช้เพื่อประโยชน์อย่างแท้จริง

ในส่วนการตรวจสอบ จะดำเนินการทุกมิติ แต่จะทำด้วยความละมุนละม่อม ไม่กระทบชื่อเสียงของวัดหากไม่จำเป็น ขณะนี้ยังเป็นการพูดคุยเพื่อวางกรอบแนวทาง ยังไม่มีการยืนยันว่าจะมีการดำเนินคดีฉ้อโกงหรือไม่ และยังไม่ตอบว่าเข้าข่ายความผิดหรือพบความผิดปกติอะไรขอทำงานก่อน

ทั้งนี้ ประเด็นที่อยู่ระหว่างตรวจสอบรวมถึงเรื่องเงินและที่ดินของวัดกว่า 2,700 ไร่ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็ว ๆ นี้ โดยคณะทำงานยืนยันว่าจะคลี่คลายปัญหาที่คาราคาซังมานานกว่า 30 ปีอย่างโปร่งใส ไม่มีการแทรกแซงใดๆ

>> ตร.จับมือทุกภาคส่วน เดินหน้าปกป้องพระพุทธศาสนา ปรับแผนทำงานร่วม-เก็บข้อมูลวัดทั่วประเทศอย่างโปร่งใส

15.46 น. พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงในพระพุทธศาสนา โดยมีศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทราศุ ที่ปรึกษาคณะทำงานฯ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พร้อมด้วยตำรวจสอบสวนกลาง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

พล.ต.อ.ไกรบุญ ระบุว่า การประชุมครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อปรับแนวทางการทำงานร่วมกันระดับปฎิบัติการมีตำรวจสอบสวนกลาง ตำรวจภูธรภาค 1-9 และสถานีตำรวจทั่วประเทศ พร้อมบูรณาการกับกองทัพภาคที่ 1-4 เพื่อชี้แจงไปยัง กอ.รมน.ในจังหวัดต่าง ๆ ให้เดินหน้าเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงพื้นที่ โดยสำนักพระพุทธศาสนาซึ่งมีบุคลากรจำกัดในหลายจังหวัด จะร่วมวางแผนลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับวัดและพระสงฆ์ อาทิ จำนวนพระภิกษุ สามเณร ผู้พักอาศัยในวัดป่าและพระอารามต่าง ๆ การบริหารจัดการภายในวัด ยืนยันว่าไม่ใช่การก้าวล่วงหรือเก็บข้อมูลส่วนตัวของพระ แต่เป็นการสร้างฐานข้อมูลที่สำนักงานพระพุทธศาสนาได้ดำเนินการมานาน เพื่อนำไปพัฒนาระบบงานและสร้างความโปร่งใสในอนาคต

ทั้งนี้ พล.ต.อ.ไกรบุญ กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวหมอดูชื่อดังเกี่ยวพันกับวัดแห่งหนึ่งว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ จึงขอให้เจ้าหน้าที่ทำงานให้ได้ข้อเท็จจริงก่อน ส่วนการรับบริจาคในนามนิติบุคคลหรือมูลนิธิในแต่ละวัด ตำรวจก็มีแนวทางตรวจสอบและแก้ไขปัญหาอยู่แล้ว พร้อมย้ำว่าทุกขั้นตอนจะทำด้วยความนอบน้อม เคารพพระธรรมวินัย และคำนึงถึงศรัทธาของประชาชนเป็นหลัก

>> รถนั่งส่วนบุคคลชนกับรถจักรยานยนต์ กลางถนนทางหลวงหมายเลข 33 มีผู้เสียชีวิตเป็นชาวจีน

15.53 น. รับแจ้งจาก ศูนย์วิทยุมูลนิธิสัจจพุทธธรรมแห่งประเทศไทย อ.กบินทร์บุรี มีอุบัติเหตุ รถนั่งส่วนบุคคลชนกับรถจักรยานยนต์ และมีผู้บาดเจ็บอาการสาหัส บนถนนสุวรรณศร หรือ ทางหลวงหมายเลข 33 ช่วงทางกลับรถ หนองจรเข้ ม.9 ต.บ่อทอง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี

ที่เกิดเหตุ พบรถนั่งส่วนบุคคล ฮอนด้า ซีวิค สีดำ ป้ายทะเบียน ปราจีนบุรี ชนกับรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สกูปปี้ไอ สีฟ้า - ขาว ป้ายทะเบียน กทม. ใกล้กันพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ ผู้ชาย 2 ราย เป็นบุคคลสัญชาติจีนทั้งคู่ มีอาการสาหัสและหมดสติ ทางอาสากู้ชีพ - กู้ภัยให้การช่วยเหลือปั๊มหัวใจ

และในเวลาต่อมายืนยันจากเจ้าหน้าที่กู้ชีพโรงพยาบาลกบินทร์บุรีผู้ได้รับบาดเจ็บได้เสียชีวิตลงในจุดเกิดเหตุ 1 ราย ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพโรงพยาบาลกบินทร์บุรี เคลื่อนย้ายนำส่งโรงพยาบาลกบินทร์บุรี และได้รับแจ้งว่าเสียชีวิตในเวลาต่อมา ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังตะเคียน

>> “บขส.” เผยช่วงหยุดยาว “วันแม่” 4 วัน ยอดเดินทางกว่า 3.8 แสนคน ไม่มีผู้โดยสารตกค้าง

16.07 น. นายอรรถวิท รักจำรูญ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยข้อมูลการเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะ (รถ บขส. และรถร่วมฯ) ช่วงวันหยุดยาวต่อเนื่อง วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และวันแม่แห่งชาติ วันที่ 9 – 12 สิงหาคม 2568 รวม 4 วัน มีผู้โดยสารเดินทาง เที่ยวไป – เที่ยวกลับ รวมทั้งหมด 382,712 คน ใช้รถโดยสาร (รถ บขส. และรถร่วมฯ) จำนวน 26,001 เที่ยววิ่ง

โดยวันที่ 9 สิงหาคม 2568 ผู้โดยสารมีการเดินทางมากที่สุด (เที่ยวไป – เที่ยวกลับ) อยู่ที่ 107,294 คน ใช้รถโดยสาร (รถ บขส. และรถร่วมฯ) กว่า 7,106 เที่ยววิ่ง เนื่องจากเป็นวันเสาร์และเป็นวันแรกของวันหยุดยาวช่วงดังกล่าว ทำให้ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวจำนวนมาก ซึ่ง บขส. ได้จัดรถโดยสารอำนวยความสะดวกผู้โดยสารเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เพียงพอ และไม่มีผู้โดยสารตกค้าง

นอกจากนี้ บขส. ได้ปรับย้ายจุดบริการรถแท็กซี่ ในช่วงเวลา 03.00 – 06.00 น. มาให้บริการ ณ ช่องจอดที่ 96 – 98 บริเวณชานชาลา 2 สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2 ตั้งแต่วันที่ 10 – 13 สิงหาคม 2568 สะสม 4 วัน มีแท็กซี่เข้ามาให้บริการจำนวน 3,247 คัน และผู้โดยสารใช้บริการอย่างต่อเนื่อง เพราะเมื่อลงรถโดยสารสามารถใช้บริการแท็กซี่เดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทางได้ทันที ซึ่งทำให้เกิดความสะดวก สบาย และปลอดภัยขึ้น

>> ปิดคดีฉ้อโกง จับ 2 ผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับ ปลอมเอกสารหลอกแบงก์ สูญกว่า 150 ล้าน

17.19 น. ตำรวจสอบสวนกลาง โดยกองบังคับการปราบปราม พร้อมกำลัง เข้าจับกุม น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 39 ปี และ น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา คดีร่วมกันฉ้อโกง ปลอมแปลงเอกสาร และฟอกเงิน หลังร่วมขบวนการใช้เอกสารปลอมค้ำประกันกู้เงินแบบเบิกเกินบัญชีจากธนาคารเอกชน 2 แห่ง รวม 4 ครั้ง มูลค่ารวม 155 ล้านบาท

โดยเหตุเกิดช่วง เม.ย.–ก.ย. 2561 กลุ่มผู้ต้องหานำเงินที่ได้ทยอยโอนผ่านหลายบัญชีเพื่อปกปิดเส้นทาง ก่อนแปรเป็นเงินสด โดยทั้งสองมีส่วนรับโอนและถอนเงินหลายครั้งเป็นเงินรวมหลายล้านบาท

คดีนี้เจ้าหน้าที่ติดตามนานกว่า 7 ปี จนสามารถปิดล้อมจับกุมได้ที่บ้านพักใน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ผู้ต้องหาทั้งสองให้การปฏิเสธ ถูกนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. (กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม) ดำเนินคดีต่อไป

>> ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัย คดีคลิปเสียง แพทองธาร - ฮุนเซน 29 ส.ค.นี้

17.33 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญ นัดไต่สวนนายกรัฐมนตรีและเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในกรณีคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยการเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่จากกรณีคลิปเสียงสนทนาสมเด็จฮุนเซน ในวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 เวลา 10.30 น.

หากพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาไม่มาตามกำหนดนัดถือว่าไม่ติดใจเป็นพยานบุคคล และให้ผู้ร้องหรือผู้ถูกร้องที่ประสงค์จะแถลงปิดคดีให้ยื่นเป็นหนังสือต่อศาลภายในวันพุธที่ 27 สิงหาคม 2558 หากไม่ยื่นภายในเวลาที่กำหนดถือว่าไม่ติดใจยื่น

โดยศาลรัฐธรรมนูญนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือและลงมติ ในวันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม 2558 เวลา 09.30 น. นัดฟังคำวินิจฉัย ในเวลา 15.00 น. เป็นต้นไป ศาลรัฐธรรมนูญจะอนุญาตให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนและฟังคำวินิจฉัยเป็นรายบุคคล

>> ยกเลิกค้นหาหนุ่ม กระโดดสะพานสารสิน น้ำขึ้นไหลแรง จ.ภูเก็ต

18.30 น. เจ้าหน้าที่ชุดประดาน้ำมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต พร้อมอุปกรณ์ลงพื้นที่ค้นหาหนุ่มไทยที่กระโดดน้ำบริเวณสะพานสารสิน จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นสะพานท่องเที่ยว จมหายไปในทะเล เมื่อเวลา 17.40 น. วันเดียวกัน โดยมี นายภานุพันธ์ จินดาพล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ตำบลไม้ขาว นายวิวัฒน์ จินดาพล อดีต สจ.ภูเก็ต และเพื่อนผู้สูญหาย ร่วมสังเกตการณ์ในครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม ทราบว่า เป็นชายไทย อายุ 26 ปี ชาวนครศรีธรรมราช ทำงานอยู่ในร้านขายโทรศัพท์แห่งหนึ่ง ภายในศูนย์การค้าแห่งหนึ่งใน ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต ขณะนี้ชุดประดาน้ำได้ยกเลิกการค้นหาแล้วเนื่องจากน้ำขึ้นและไหลเชี่ยว และจะค้นหาต่อในวันพรุ่งนี้ (14ส.ค.)

>> เพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ซอยพระยาสุเรนทร์ 27 แล้วลุกลามเสียหาย 3 หลัง

19.18 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน สถานที่เกิดเหตุ ซอยพระยาสุเรนทร์ 27 ถนนพระยาสุเรนทร์ แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร

ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นบ้านครึ่งตึกครึ่งไม้ 2 ชั้น ใช้เป็นที่พักอาศัย ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ชั้นล่าง เพลิงลุกไหม้เสียหายหมดทั้งหลัง ลุกลามเสียหายบางส่วน จำนวน 3 หลัง เลขที่ 915,923 เสียหายบริเวณฝ้าเพดาน และเลขที่ 919 เสียหายบริเวณโรงจอดรถ และรถยนต์ 1 คัน พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 80 ตารางเมตร รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ

ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจาก ไฟฟ้าลัดวงจรที่ไดร์เป่าผม ที่เกิดเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นเพศหญิง จำนวน 1 ราย อาการสำลักควัน อาสาสมัครนำส่งโรงพยาบาลนวมินทร์ 1 พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางชัน

>> ศบ.ทก. แจ้งด่วน ศูนย์ยังไม่ยุติบทบาทการทำงาน ย้ำสภาความมั่นคงจะเป็นผู้ตัดสิน

19.25 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา (ศบ.ทก.) ขอชี้แจงต่อพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนว่า ขณะนี้ยังไม่มีการยุติบทบาทของศูนย์ฯ และยังคงปฏิบัติภารกิจตามที่ได้รับมอบหมายอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาเสถียรภาพความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา

การดำเนินงานของศูนย์ฯ จะต้องมีการ ประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบ รอบด้าน โดยพิจารณาจากข้อมูลเชิงยุทธศาสตร์และข้อเท็จจริงในพื้นที่ เพื่อให้การตัดสินใจสอดคล้องกับผลประโยชน์แห่งชาติและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน

ทั้งนี้ สภาความมั่นคงแห่งชาติจะเป็นผู้พิจารณาและกำหนดทิศทางตามลำดับและตามกรอบอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่อไป

>> ไฟไหม้บนอาคารพาณิชย์ ย่านเพชรเกษมซอย 28 ประชาชนใช้น้ำทำการดับทันก่อนจะลุกลาม

20.39 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน สถานที่เกิดเหตุ ซอยเพชรเกษม 28 แยก 1 ถนนเพชรเกษม แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร

ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น ใช้เป็นที่เก็บสมุนไพร ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ชั้นบน เพลิงลุกไหม้เสียหาย ผนัง ฝ้า เพดาน ประตู และกองสมุนไพร พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 12 ตารางเมตร ประชาชนใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ ก่อนรถดับเพลิงถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงทำการระบายความร้อน

ข้อสันนิษฐานเบื้องต้น สาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรที่ปลั๊กไฟติดผนัง ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางแค

>> หนุ่มน้อยวัย 15 ปีดับคารถจักรยานยนต์ที่ท้ายรถพ่วง

20.57 น. กู้ภัยเพียวเยี้ยงไท้ ศรีราชา รับแจ้งว่า มีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนท้ายรถเทรลเลอร์ และมีผู้เสียชีวิต บริเวณใกล้เคียงปั๊มน้ำมัน ถนนหมายเลข 331 เส้นทางมาบเอียง - แหลมฉบัง ในฝั่งขาเข้ามาบเอียง พื้นที่ ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีขาว ป้ายทะเบียน ลักษณะชนท้าย รถพ่วง อีซูซุ สีขาว ใกล้กันพบร่างของผู้เสียชีวิต 1 รายยังคงสภาพเดิม ใบหน้าผิดรูป และมีแผลฉีกขาดที่คิ้วขวา ตรวจสอบเอกสาร เป็นชายไทย อายุ 15ปี พื้นที่ สภ.หนองขาม

>> แผ่นดินไหว ที่ประเทศเมียนมา

23.31 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 2.6 ความลึก 10 กม. ภายในพื้นที่ของประเทศเมียนมา ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 154 กม. ยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อประเทศไทย

>> รถจักรยานยนต์ชนท้ายรถบรรทุก มีผู้เสียชีวิต

02.19 น. รับแจ้งจากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มีอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์ชนกับรถบรรทุก ผู้บาดเจ็บอาการสาหัสและหมดสติ อาสาสมัครกำลังดำเนินการปั๊มหัวใจ ถนนพระราม 2 ฝั่งขาเข้า ใกล้เคียงปั๊มน้ำมัน ก่อนถึงซอยพระราม 2 ซอย 94 ในช่องทางคู่ขนาน พื้นที่ เขตบางขุนเทียน กทม.

ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีแดง-ดำ ทะเบียน กทม. ลักษณะชนท้าย รถบรรทุก 10 ล้อ อีซูซุ สีขาว ป้ายทะเบียน ปทุมธานี ใกล้กันพบร่างของผู้บาดเจ็บ 1 ราย มีบาดแผลเปิดที่ศีรษะ อาการสาหัสและหมดสติ ทางอาสากู้ชีพ - กู้ภัยให้การช่วยเหลือด้วยการปั๊มหัวใจ แต่ไม่เป็นผล เสียชีวิตในเวลาต่อมา ตรวจสอบเป็นผู้ชาย อายุประมาณ 50 55 ปี ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.แสมดำ

>> แผ่นดินไหว ที่จังหวัดเชียงราย

03.11 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งว่า มีเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 1.8 ความลึก 4 กม. ภายในพื้นที่ของ ต.ศรีดอนมูล อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ไม่มีรายงานการรับรู้แรงถึงสั่นสะเทือน