เปิดดีลซื้อฝูงบิน Gripen E/F พร้อมแพ็คเกจถ่ายทอดเทคโนโลยีครั้งใหญ่จากสวีเดน
เปิดดีลซื้อฝูงบิน Gripen E/F พร้อมแพ็คเกจถ่ายทอดเทคโนโลยีครั้งใหญ่จากสวีเดน
ไทยเตรียมลงนามในสัญญาจัดซื้อเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์ Saab Gripen E/F จำนวน 4 ลำจากประเทศสวีเดน ถือเป็นการตอกย้ำความสัมพันธ์ทางยุทธศาสตร์และเปิดศักราชใหม่ของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทย ผ่านข้อตกลงชดเชย (Offsets) และการถ่ายทอดเทคโนโลยีมูลค่ามหาศาล
พลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ มีกำหนดการเดินทางเยือนกรุงสตอกโฮล์มในวันที่ 25 สิงหาคม 2568 เพื่อลงนามในสัญญาครั้งประวัติศาสตร์นี้ โดยมีนายพอล จอห์นสัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสวีเดนร่วมเป็นสักขีพยาน
มูลค่าและขอบเขตของข้อตกลง
คณะรัฐมนตรีไทยได้อนุมัติงบประมาณจำนวน 19,500 ล้านบาท สำหรับการจัดหาเครื่องบินขับไล่ 4 ลำ พร้อมระบบที่เกี่ยวข้องเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม จุดเด่นที่สำคัญที่สุดของข้อตกลงนี้ไม่ได้อยู่ที่ตัวเครื่องบินเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่แพ็คเกจการชดเชยทางกลาโหมและการถ่ายทอดเทคโนโลยี ซึ่งมีมูลค่าสูงกว่า 100,000 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งในมิติทางทหารและพลเรือน
เสริมสร้างอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ: การชดเชยทางตรง (Direct Offsets)
ข้อตกลงนี้มุ่งเน้นการสร้างขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีป้องกันประเทศให้กับไทยอย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่:
- การจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาของ Saab ในประเทศไทย
- การถ่ายทอดทรัพย์สินทางปัญญา สำหรับระบบเชื่อมโยงข้อมูลทางยุทธวิธี (Link-T) เพื่อให้ไทยสามารถพัฒนาและต่อยอดได้เอง
- การยกระดับขีดความสามารถ ในการซ่อมบำรุงและปรับปรุงสมรรถนะเครื่องบินในประเทศ
- การผลักดันบริษัทไทย เข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานการผลิตชิ้นส่วนของเครื่องบิน Gripen E/F ระดับโลก
- การสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO Hub) สำหรับเครื่องบิน Gripen ในประเทศไทย
การลงทุนเพื่ออนาคตของไทย: การชดเชยทางอ้อม (Indirect Offsets)
นอกเหนือจากมิติด้านความมั่นคง Saab และรัฐบาลสวีเดนยังเสนอแผนการลงทุนที่มุ่งสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมในวงกว้างให้กับประเทศไทย ประกอบด้วย:
- การส่งเสริมการลงทุนโดยตรงจากสวีเดน (FDI) ในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ
- การจัดตั้งศูนย์นวัตกรรม (Innovation Center) เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล
- การพัฒนาเทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่
- การสนับสนุนด้านการศึกษา ทั้งในระดับอาชีวศึกษาและการวิจัยในระดับอุดมศึกษา
- ความร่วมมือกับสถาบัน British Council เพื่อยกระดับทักษะภาษาอังกฤษ
ยกระดับยุทโธปกรณ์และเป้าหมายสู่การเป็นศูนย์กลางภูมิภาค
แพ็คเกจดังกล่าวยังครอบคลุมถึงการปรับปรุงใหญ่เครื่องบินควบคุมและแจ้งเตือนทางอากาศ (AEW&C) แบบ Saab 340B Erieye จำนวน 2 ลำของกองทัพอากาศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบัญชาการรบและการปฏิบัติการร่วมให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ การจัดตั้งศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานสำหรับ Gripen จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการบริการของภูมิภาคสำหรับผู้ใช้งานเครื่องบินรุ่นนี้ในอนาคต
เส้นทางสู่ข้อตกลงดีลซื้อกริพเพน
การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่กองทัพอากาศได้ประกาศเลือกเครื่องบิน Gripen E/F แทนคู่แข่งอย่าง F-16 Block 70/72 จากสหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนสิงหาคม 2567 โดยให้เหตุผลด้านความคุ้มค่าและข้อเสนอการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่ดีกว่า
ด้านบริษัท Saab ได้ออกมายืนยันการได้รับเลือกจากประเทศไทยเมื่อเดือนมิถุนายน 2568 แต่ยังคงสงวนท่าทีที่จะให้ความเห็นอย่างเป็นทางการจนกว่าจะมีการลงนามในสัญญา อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวภายในระบุว่า Saab มองว่าความเชื่อมั่นอย่างต่อเนื่องจากประเทศไทยถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของสวีเดน
ที่มา : scandasiaflightglobal
ข่าวที่เกี่ยวข้อง