“ฟิวเจอร์สทองคำในนิวยอร์ก” พุ่งสูงกว่าราคาสปอตลอนดอน ทะลุ 3,500 ดอลล์ หลังสหรัฐจ่อเก็บภาษีนำเข้าทองคำแท่ง
"ฟิวเจอร์สทองคำในนิวยอร์ก" พุ่งสูงกว่าราคาสปอตลอนดอน ทะลุ 3,500 ดอลล์ หลังสหรัฐจ่อเก็บภาษีนำเข้าทองคำแท่ง ส่งผลให้ตลาดเกิดความปั่นป่วน และโบรกเกอร์หลายรายหยุดส่งทองเข้าคลังสหรัฐชั่วคราว
วันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 14.17 น. สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ราคาทองคำฟิวเจอร์สในตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้นสูงกว่าราคาทองคำสปอตในลอนดอน หลังจากหนังสือพิมพ์ Financial Times รายงานว่า การนำเข้าทองคำแท่งขนาด 1 กิโลกรัมเข้าสหรัฐฯ ขณะนี้อยู่ภายใต้การเก็บภาษี
สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นสัญญาที่มีการซื้อขายมากที่สุด พุ่งขึ้นอย่างมากตั้งแต่ตลาดเอเชียเปิดทำการในวันศุกร์ โดยส่วนต่างระหว่างราคาฟิวเจอร์สกับราคาสปอตพุ่งขึ้นมากกว่า 125 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนจะลดลงเหลือราว 101 ดอลลาร์ ณ เวลา 08,01 น. ตามเวลาลอนดอน ปรากฏการณ์ที่ส่วนต่างราคาขยายตัวอย่างผิดปกติในครั้งนี้ สะท้อนถึงเหตุการณ์คล้ายกันเมื่อช่วงต้นปี ที่ความกังวลเกี่ยวกับภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ทำให้เกิดการบิดเบือนของราคาในตลาดอย่างรุนแรง
ตามปกติ ราคาทองคำฟิวเจอร์สในนิวยอร์กมักเคลื่อนไหวสอดคล้องกับราคาสปอตในลอนดอน อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำในนิวยอร์กพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,534.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนจะปรับตัวลงเล็กน้อย ขณะที่ราคาทองคำในลอนดอนแทบไม่เปลี่ยนแปลง อยู่ที่ 3,396.04 ดอลลาร์
จากจดหมายของสำนักงานศุลกากรและป้องกันชายแดนของสหรัฐฯ (CBP) ลงวันที่ 31 กรกฎาคม ซึ่ง FT ได้เห็นเนื้อหา ระบุว่า ทองคำแท่งขนาด 1 กิโลกรัม และขนาด 100 ออนซ์ ซึ่งเป็นรูปแบบมาตรฐานที่สามารถใช้ส่งมอบตามสัญญาฟิวเจอร์สของตลาด Comex ในนิวยอร์ก ควรจะต้องถูกจัดประเภทภายใต้รหัสศุลกากรที่ต้องเสียภาษี ไม่ใช่หมวดหมู่ปลอดภาษีตามที่เคยปฏิบัติกันมา
ข่าวดังกล่าวได้เพิ่มความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสถานะของทองคำภายใต้นโยบายภาษีแบบกว้างขวางของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ประกาศยกเว้นภาษีสำหรับทองคำในเดือนเมษายน ส่งผลให้ส่วนต่างระหว่างราคาฟิวเจอร์สกับสปอตลดลง และสิ้นสุดการเก็งกำไรส่วนต่างราคาครั้งใหญ่ ที่ทำให้มีการนำเข้าทองคำราว 850 ตันเข้าสู่คลังสินค้าของนิวยอร์กอย่างเร่งด่วน
เดวิด วิลสัน นักกลยุทธ์อาวุโสด้านสินค้าโภคภัณฑ์ของ BNP Paribas กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่ากฎใหม่นี้จะมีผลเฉพาะกับการนำเข้าจากสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งยังไม่มีข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ หรือว่าจะครอบคลุมการนำเข้าทองคำแท่งขนาด 1 กิโลกรัมทั้งหมด เขาเสริมว่า ผู้บริหารจากโรงกลั่นทองในเอเชีย 2 แห่ง (ซึ่งไม่เปิดเผยชื่อ) ได้หยุดการส่งทองไปยังสหรัฐชั่วคราวจนกว่าจะได้รับข้อมูลที่ชัดเจน
“คนที่ผมพูดคุยด้วยหลายคนรู้สึกว่านี่เป็นความผิดพลาดของ CBP ที่จัดประเภททองคำผิด” วิลสันกล่าว “แต่ถ้านี่เป็นเรื่องจริง ก็ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรง”
ทั้งนี้ สหรัฐนำเข้าทองคำจำนวนมากจากสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการกลั่นทองคำใหญ่ที่สุดในโลก โดยทองคำแท่งขนาด 400 ออนซ์มักถูกหลอมใหม่ให้เป็นแท่งขนาด 1 กิโลกรัม เพื่อใช้ส่งมอบตามสัญญา Comex ในนิวยอร์ก ผ่านกลไกที่เรียกว่า “exchange for physical” (EFP)
ความเสี่ยงที่อาจมีการเก็บภาษีต่อทองคำรูปแบบนี้ ทำให้เกิดความพยายามในการเร่งนำทองเข้าสหรัฐฯ เพื่อรองรับสถานะในกลไก EFP ซึ่งเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ความต้องการทองคำในสหรัฐฯ พุ่งสูง
“นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราเห็น EFP พุ่งขึ้น และผมคิดว่าเป็นหนึ่งในหลายปัจจัยที่หนุนราคาทองคำ”วิลสันกล่าว “มันเหมือนการขว้างประแจเข้าไปในเครื่องจักรของตลาดทองคำ และสร้างปัญหาให้กับโบรกเกอร์และธนาคารที่ต้องการทองคำจริงไว้ในคลังสหรัฐฯ เพื่อรองรับสัญญา EFP เหล่านั้น”
อ้างอิง : bloomberg.com