บล.ฟินันเซีย ไซรัส ชี้ THAI กำไร Q2/68 พีคแล้ว ครึ่งปีหลังอาจแผ่ว แนะจับตา Valuation ตึงตัว
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ชี้ THAI กำไร Q2/68 พีคแล้ว ครึ่งปีหลังอาจแผ่ว แนะจับตา Valuation ตึงตัว
#ทันหุ้น #THAI สรุปประเด็นหลัก (Key Takeaways):
กำไรปกติสูงกว่าคาด: THAI รายงานกำไรปกติ (Core Profit) ในไตรมาส 2/2568 ที่ 6.78 พันล้านบาท เติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง +230% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) และสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ระดับ 4-5 พันล้านบาท
Margin ขยายตัวเด่นชัด: แม้รายได้รวมจะทรงตัว (+1% YoY) แต่กำไรเติบโตสูงจากอัตรากำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profit Margin) ที่พุ่งขึ้นเป็น 20% (+9ppts YoY) โดยมีปัจจัยหนุนหลักจากต้นทุนน้ำมันที่ลดลง 18% YoY และดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง 29% YoY
กำไรพิเศษหนุนกำไรสุทธิ: บริษัทมีกำไรพิเศษ 5.35 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกำไรทางบัญชีจากการยกเลิกสัญญาเช่าเครื่องบิน ส่งผลให้กำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 12.12 พันล้านบาท
แนวโน้มครึ่งปีหลังอาจชะลอตัว: นักวิเคราะห์มองว่ารายได้จะฟื้นตัวในไตรมาส 3 แต่กำไรปกติในครึ่งปีหลัง (2H25) มีแนวโน้มต่ำกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากต้นทุนที่ไม่ใช่น้ำมันอาจปรับตัวสูงขึ้น
Valuation ค่อนข้างตึงตัว: ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ P/E ปี 2568 ระดับ 15 เท่า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มสายการบิน และสูงกว่าราคาเป้าหมายของบทวิเคราะห์ที่ 9.00 บาท (อิง P/E 10.3 เท่า)
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ปี 2568 อย่างน่าประทับใจ ด้วยกำไรจากการดำเนินงานปกติ (Core Profit) ที่ 6.78 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง +230% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเป็นตัวเลขที่สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ระดับ 4-5 พันล้านบาทอย่างมีนัยสำคัญ ความสำเร็จนี้ไม่ได้มาจากรายได้ที่เติบโต แต่มาจากความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนที่ยอดเยี่ยม ซึ่งส่งผลให้อัตรากำไรขยายตัวได้อย่างโดดเด่น
รายได้ทรงตัว แต่ความสามารถในการทำกำไรพุ่ง
ในไตรมาสนี้ THAI มีรายได้รวมอยู่ที่ 43.31 พันล้านบาท ซึ่งเติบโตเพียงเล็กน้อย +1% YoY และลดลง -14% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ตามปัจจัยฤดูกาล โดยรายได้จากผู้โดยสารทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องจากถูกกดดันจากอัตราค่าโดยสารเฉลี่ยที่ปรับตัวลดลง -4% YoY
อย่างไรก็ตาม หัวใจของผลประกอบการที่แข็งแกร่งคือ อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profit Margin) ที่พุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 20% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 9 จุด (ppts) ปัจจัยหนุนสำคัญมาจาก:
ต้นทุนน้ำมันลดลง: ต้นทุนน้ำมันซึ่งคิดเป็น 33% ของต้นทุนรวม ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญถึง -18% YoY
ดอกเบี้ยจ่ายลดลง: ดอกเบี้ยจ่ายลดลงถึง -29% YoY สะท้อนถึงโครงสร้างทางการเงินของบริษัทที่ดีขึ้นหลังการปรับโครงสร้างหนี้
นอกจากนี้ บริษัทยังมี กำไรพิเศษอีก 5.35 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกำไรทางบัญชีจากการยกเลิกสัญญาเช่าเครื่องบิน (4.98 พันล้านบาท) ส่งผลให้กำไรสุทธิสำหรับไตรมาสนี้อยู่ที่ 12.12 พันล้านบาท
แนวโน้มและมุมมองของนักวิเคราะห์
สำหรับภาพรวมครึ่งปีแรก กำไรปกติอยู่ที่ 16.97 พันล้านบาท คิดเป็น 69% ของประมาณการกำไรทั้งปีของนักวิเคราะห์ ซึ่งถือว่าสอดคล้องกับค่าเฉลี่ยในอดีต
นักวิเคราะห์มองว่ารายได้ของ THAI ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2 และจะกลับมาเติบโตในไตรมาส 3 ตามฤดูกาลท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ยังมีมุมมองที่ระมัดระวังต่อช่วงครึ่งปีหลัง โดยคาดว่ากำไรปกติอาจต่ำกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากต้นทุนอื่นๆ ที่ไม่ใช่น้ำมัน เช่น ค่าจ้างพนักงานและค่าใช้จ่ายในการบิน อาจปรับตัวสูงขึ้นในช่วงท้ายปี
Valuation และราคาเป้าหมาย
บทวิเคราะห์ระบุว่า ปัจจุบันราคาหุ้น THAI ซื้อขายอยู่ที่ระดับ P/E ปี 2568 ที่ 15 เท่า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มสายการบินแล้ว ขณะที่บทวิเคราะห์ได้ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 9.00 บาท โดยอิงจาก P/E เป้าหมายที่ 10.3 เท่า ซึ่งบ่งชี้ว่าราคาหุ้นในปัจจุบันอาจสะท้อนปัจจัยบวกไปมากแล้ว
THAI รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2568 ที่น่าประทับใจ ด้วยกำไรปกติที่เติบโตสูงถึง 230% YoY ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุน โดยเฉพาะต้นทุนน้ำมันและดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม แม้ผลงานจะออกมาดีกว่าคาด แต่ราคาหุ้นในปัจจุบันได้ปรับตัวขึ้นมาสูงและซื้อขายในระดับ Valuation ที่ค่อนข้างตึงตัวเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มและราคาเป้าหมายของนักวิเคราะห์ ซึ่งอาจจำกัด Upside ของราคาหุ้นในระยะสั้นได้
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้
Facebook คลิก https://www.facebook.com/thunhoonnews
Youtube คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial
Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_/