โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

เปิดแผน ทอท. ปั้มรายได้เต็มสูบ เก็บขึ้นค่าบริการทุกด้าน ตั้งเป้าขยับ Aero พุ่ง 60 %

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 11 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ปัจจุบันรายได้ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) AOT หรือ ทอท. อยู่ที่ราว 6 หมื่นล้านบาท เป็นรายได้จากธุรกิจการบิน Aero อยู่ที่ 54% และรายได้จากธุรกิจเชิงพาณิชย์ (Non-Aero) 46 % ซึ่ง ทอท.มีแผนจะทำให้โครงสร้างรายได้มีความสมดุลและมั่นคงยิ่งขึ้น โดยเตรียมจะจัดเก็บค่าบริการใหม่ เหมือนกับที่หลายสนามบินในต่างประเทศเรียกเก็บ แต่สนามบินของไทยไม่เคยจัดเก็บมาก่อน ทั้งตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้ กลุ่ม Aero จาก 54% ให้เป็นกว่า 60%

การเพิ่มรายได้ในส่วนของ Aero จะช่วยลดผลกระทบจากรายได้ของ Non-Aero ที่มีแนวโน้มลดลง โดยเฉพาะหลังโควิด-19 ซึ่งผู้ประกอบการร้านค้าต่างๆในสนามบินมีรายได้ลดลง หลายรายไปต่อไม่ไหว จากการต้องจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้ทอท.

ในขณะที่ยอดขายลดลง รวมไปถึงกรณีของคิงเพาเวอร์ ที่อยู่ระหว่างการเจรจาสัญญา ที่หากเจรจากันไม่ได้ข้อยุติ คิงเพาเวอร์ก็ยื่นเงื่อนไขที่จะพิจารณาเลิกสัญญาดิวตี้ฟรีในสนามบิน ซึ่งรายได้ของทอท.กว่า 17 % ผูกกับ คิงเพาเวอร์ และหากเปิดประมูลใหม่ ทอท.ก็จะไม่ได้มีรายได้เท่าเดิมตามสัญญาที่คิงเพาเวอร์ ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน

ดังนั้นทอท.จึงให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้าง และเพิ่มรายได้จากทั้งแหล่งรายได้หลัก จากธุรกิจการบิน (Aero) และรายได้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบินโดยตรง (Non-Aero) เพื่อให้เกิดการเติบโตที่ยั่งยืน และมั่นคงยิ่งขึ้น ซึ่งต่อไปจะพบว่าทอท.จะมีการปรับขึ้นค่าบริการต่างๆ ขึ้นจากอัตราการจัดเก็บ ณ ปัจจุบัน รวมถึงการจัดเก็บค่าธรรมเนียมใหม่ๆ และการเปิดสัมปทานพื้นที่เชิงพาณิชย์ใหม่ๆ เพื่อขยายฐานรายได้เข้ามาเพิ่มขึ้น โดยหลักๆการเพิ่มรายได้ในส่วนของธุรกิจการบิน (Aero) ได้แก่

1.ทอท.เตรียมจะปรับขึ้นค่าบริการผู้โดยสารขาออก (Passenger Service Charge : PSC) โดยจะแบ่งการปรับขึ้นค่าบริการออกเป็น 2 ช่วง ช่วงแรกผู้โดยสารจะจ่ายค่า PSC เพิ่มขึ้นอีก 5 บาท จากปัจจุบันผู้โดยสารระหว่างประเทศ จัดเก็บที่ 730 บาทต่อคน เพิ่มเป็น 735 บาทต่อคน ส่วนผู้โดยสารในประเทศ จัดเก็บอยู่ 130 บาทต่อคน เพิ่มเป็น 135 บาทต่อคน ซึ่งสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือ CAAT เห็นด้วยแล้ว ขั้นตอนจากนี้ CAAT จะต้องเสนอต่อคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) เพื่อขอความเห็นชอบ คาดว่าอาจจะเป็นช่วงต้นเดือนหรือกลางเดือนสิงหาคมนี้ หากได้รับอนุมัติก็จะใช้เวลาประกาศล่วงหน้าประมาณ 4 เดือนจึงจะมีผลบังคับใช้ การปรับค่า PSC ตามอัตรานี้ จะส่งผลให้รายได้ของ AOT ปรับเพิ่มขึ้นอีก 200-300 ล้านบาทต่อปี

การจัดเก็บค่าธรรมเนียมใหม่ของทอท.

การที่ทอท.เรียกเก็บค่า PSC ในช่วงแรกอีก 5 บาท เพราะเป็นสัญญาที่เคยระบุว่า ถ้ามีการพัฒนา Biomatrix ในสนามบิน ก็จะขอขึ้นอีก 5 บาท ซึ่งทอท.เปิดให้บริการนี้มาตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว ทอท.จึงมาทวงสัญญานี้จาก CAAT และได้รับอนุญาตให้จัดเก็บได้

ส่วนการจัดเก็บค่า PSC ช่วงที่ 2 จะเป็นการปรับใหญ่ ซึ่ง “ทักษิณ ชินวัตร”อดีตนายกรัฐมนตรี มองว่าน่าจะเก็บเพิ่มอีก 100 บาท ขณะนี้ทอท.อยู่ระหว่างการศึกษาอัตราการจัดเก็บที่เหมาะสมซึ่งคาดว่าจะมากกว่า 100 บาทต่อคน
ในเดือน ต.ค.หรือ พ.ย.นี้ โดยคาดว่าถ้าจะปรับอีก 100 บาท ผู้โดยสารขาออกในประเทศ จะต้องจ่ายเพิ่มจาก 135 บาท เป็น 235 บาท และผู้โดยสารชาออกระหว่างประเทศ จะจ่ายเพิ่มจาก 735 บาท เป็น 835 บาท

ทั้งนี้การที่ทอท.ต้องจัดเก็บค่า PSC เพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจุบันทอท.ต้องแบกรับต้นทุนค่า PSC สูงกว่าอัตราที่จัดเก็บ ทำให้ขาดทุน ทั้งนี้การที่รัฐบาลต้องการให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบินภูมิภาคนั้น จำเป็นต้องจัดเก็บค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ในอัตราที่แข่งขันได้ เพื่อให้ทอท.สามารถนำรายได้มาปรับปรุงหรือจัดหาวัสดุอุปกรณ์พัฒนาระบบต่าง ๆ ให้ทันสมัย อย่างท่าอากาศยานชางงี ประเทศสิงคโปร์ จัดเก็บค่า PSC อยู่ที่ 1,200 บาทต่อคนซึ่งสูงกว่าทอท.มาก

อย่างไรก็ตามมีการคาดการณ์ว่าค่า PSC ทุก 100 บาทที่ปรับเพิ่มขึ้น จะสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้น 3,000 ล้านบาทต่อปี และจะเป็นแหล่งกำไรที่ทอท.จะนำไปปรับปรุงและขยายการลงทุนในการพัฒนาสนามบินต่างๆได้

2. การจัดเก็บค่าธรรมเนียมการเดินทางแบบ Transit (การเดินทางที่มีการแวะพักแล้วทำการเดินทางต่อด้วยเที่ยวบินเดิม) และแบบ Transfer (การเดินทางที่มีการแวะพัก มีการเปลี่ยนเครื่องบิน และเที่ยวบินเพื่อเดินทางต่อ) ในอนาคต โดยผู้โดยสารในปี 2567 ที่ใช้บริการสนามบิน พบว่ามีผู้โดยสารแบบ Transit อยู่ที่ 2.7 แสนคน และ ตัวเลขเดินทางแบบ Transit อยู่ที่ 3.8 ล้านคน ซึ่งจะจัดเก็บค่าเฉลี่ยต่อหัว โดยในต่างประเทศมีการเก็บประมาณ 200-600 บาทต่อหัว ทอท.ไม่เคยจัดเก็บค่าธรรมเนียมนี้มาก่อน ซึ่งจะเสนอต่อสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กพท.) เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป

3.การปรับขึ้นค่าธรรมเนียมขึ้นลงอากาศยาน(Landing) และค่าจอดพักอากาศยาน(Parking) จะมีการเรียกเก็บสายการบินเพิ่ม ให้ใกล้เคียงกับอัตราที่สนามบินในต่างประเทศเรียกเก็บ อย่าง สนามบินชางงี สิงคโปร์ เนื่องจากปัจจุบันทอท.มีรายได้จากค่า Landing & Parking ยังต่ำกว่าสนามบินชางงีมาก เช่น เครื่องบิน Code C (จำนวนที่นั่ง 160-180 ที่นั่ง) ซึ่งเป็นคิดเป็น 70-80% ของเครื่องบินที่ใช้บริการที่สนามบินสุวรรณภูมิ หนึ่งลำ ทอท.ได้รายได้ประมาณ 120,000 บาท ขณะที่ชางงีได้ 350,000 บาท

4. การจัดเก็บค่าบริการ 400 เฮิร์ทพีซีแอร์ (บริการที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้าและความเย็น สำหรับเครื่องบินที่จอดอยู่บนพื้น) ที่ล่าสุด CAAT ให้ทอท.เรียกเก็บสายการบินที่มาใช้บริการอาคารเทียบเครื่องรองหลักที่ 1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแล้ว

5.ค่าบริการรถพยาบาล ซึ่งปัจจุบันให้บริการฟรี ถือว่าเป็นค่าใช้จ่าย การจัดเก็บค่าบริการนี้ก็จะเป็นโอกาสในการสร้างได้ทันที

ส่วนการเพิ่มรายได้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบินโดยตรง (Non-Aero) หรือรายได้เชิงพาณิชย์ นอกจากทอท.อยู่ระหว่างเปิดพื้นที่ 2.5 พันไร่ ใน 6 สนามบินของทอท. เพื่อดึงเอกชนลงทุนเชิงพาณิชย์ ปั้นศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่รอบสนามบินพัฒนาโครงการกว่า 28,800 ล้านบาท ที่อยู่ระหว่างเปิดให้เอกชนเสนอตัว

รวมไปถึงการเปิดการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน (PPP) โครงการใหม่ อย่าง โครงการให้บริการลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้น การให้บริการผู้โดยสารภาคพื้นและกิจการอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของผู้ประกอบการรายที่ 3 วงเงิน 29,390.76 ล้านบาท และโครงการให้บริการคลังสินค้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของผู้ประกอบการรายที่ 3 วงเงิน 37,914.56 ล้านบาท

ล่าสุดคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 35 แห่งพ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 (พ.ร.บ.ร่วมทุน) อยู่ระหว่างการเปิดข้อเสนอซองที่ 3 (ข้อเสนอทางการเงิน) ของผู้ยื่นข้อเสนอใน 2 โครงการนี้ จำนวน 2 รายที่ผ่านการพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิค (ซองที่ 2) แล้ว คือ บริษัท บริการภาคพื้น ท่าอากาศยานไทย จำกัด หรือ AOTGA และ บริษัท แบ็กส์บริการภาคพื้น จำกัด ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วนี้

ทั้งยังมีโครงการให้สิทธิประกอบกิจการให้บริการคาร์โก้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของผู้ประกอบการรายที่ 2 วงเงิน 15,253 ล้านบาท และโครงการให้บริการลานจอดและ อุปกรณ์ภาคพื้น และการให้บริการผู้โดยสารภาคพื้นและกิจการอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของผู้ประกอบการรายที่ 2 วงเงิน 9,000 ล้านบาท ที่จะต้องเปิดประมูลก่อนที่ผู้ประกอบการรายเดิมจะหมดสัญญา ทอท.คาดว่าจะออกประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุนได้พร้อมกันช่วงปลายปีนี้ เพื่อสร้างรายได้เชิงพาณิชย์ใหม่ๆรอบสนามบินให้เกิดขึ้น

ทั้งหมดจะเป็นช่องทางใหม่ในการเพิ่มรายได้ นอกเหนือจากรายได้จากสัมปทานพื้นที่ภายในสนามบินเป็นหลักอย่างในปัจจุบัน

หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,117 วันที่ 27 - 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ฐานเศรษฐกิจ

เฮ รัฐบาล จ่ายเงินค่าตอบแทน ชรบ. สูงสุด 240 บาท/วัน ชงครม.สัปดาห์หน้า

7 นาทีที่แล้ว

เร่งแผน PDP ฉบับใหม่ เสร็จปี 68 ดันพลังงานสะอาด ปชช.ผลิตไฟฟ้าใช้เอง

36 นาทีที่แล้ว

กรมการปกครองออกหมวกแก๊ปใหม่"หน่วยปฏิบัติการนอกเครื่องแบบ"

39 นาทีที่แล้ว

กรุงไทย ผนึก ADVANC- OR ตั้ง "ธนาคาร คลิกซ์" รับ Virtual Bank

43 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่นๆ

“ทีมสุดซอย” บุกโกดัง HS ผู้นำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าย่านบางขุนเทียน ตรวจยึด หลอดไฟ-เตารีด – พัดลมไม่มี มอก.

Manager Online

กรุงไทย ผนึก ADVANC- OR ตั้ง "ธนาคาร คลิกซ์" รับ Virtual Bank

ฐานเศรษฐกิจ

นักวิชาการ แนะ ดันภาคบริการ พยุงจีดีพี 68 รับมือภาษีทรัมป์ 19%

MATICHON ONLINE

ค้าชายแดนอีสานใต้ ลามถึงตะวันออก เสียหายเดือนละ 500 ล้าน | คุยกับบัญชา | 7 ส.ค. 68

BTimes

“เอกนัฏ”ดัน “แผงโซลาร์-ที่ชาร์จรถอีวี”เป็นสินค้าควบคุมมีผลบังคับปี69

Manager Online

'สยามอะเมซิ่งพาร์ค'เที่ยวสนุกทุกเจนนำเสนอบัตรผู้ใหญ่ลดสูงสุด 65% รับเทศกาลวันแม่แห่งชาติ 2568

สยามรัฐ

วันแม่ 2568 เคทีซีเผยยอดใช้จ่ายพุ่ง 80% แม้เศรษฐกิจซบเซา

ฐานเศรษฐกิจ

“บางกอกแอร์เวย์ส” โชว์กำไรครึ่งปีแรก 68 2.09 พันล้านบาท ผู้โดยสารแตะ 2.2 ล้านคน

MATICHON ONLINE

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...