เทียบคุณสมบัติว่าที่นายกฯ “ชัยเกษม VS อนุทิน”
การเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ทวีความเข้มข้น ภูมิใจไทย และ เพื่อไทย ต่างเดินเข้าหา "พรรคประชาชน" เพื่อขอเสียงสนับสนุนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 2 ฝ่ายต่างยืนยันยอมรับ 3 เงื่อนไขของพรรคประชาชน ทั้งยุบสภาใน 4 เดือน เดินหน้าประชามติ แก้ไขรัฐธรรมนูญ
ประธานสภา"วันมูหมัดนอร์ มะทา" ก็นัด ส.ส.ประชุม 3-5 ก.ย.นี้ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการโหวต นายกรัฐมนตรีคนใหม่ คนที่ 32 ของประเทศไทย
มองจากท่าทีความเคลื่อนไหวของขั้วรัฐบาลเดิม นำโดย"เพื่อไทย" จะเสนอชื่อ "ชัยเกษม นิติสิริ" แคนดิเดท คนที่ 3 ของพรรค ขึ้นชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 แม้จะมีเสียง ส.ส.หายไปจำนวนหนึ่ง เพราะกล้าธรรม ย้ายข้าง รวมถึง 18 สส.กลุ่ม "สุชาติ" ของพรรครวมไทยสร้างชาติแปรพักตร์ ไปสนับสนุน "อนุทิน ชาญวีรกุล" ของพรรคภูมิใจไทย แต่โดยรวมแล้ว 2 ฝั่งยังมีเสียง ส.ส.ในมือ ไม่ถึงกึ่งหนึ่งของสภา จำเป็นต้องได้เสียงสนับสนุนจากตัวแปรสำคัญ คือ"พรรคประชาชน"
และผู้บริหารพรรค และผู้สนับสนุนคงต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนว่า จะจับมือกับเพื่อไทย ที่เคยหักหลัง ส่ง"ชัยเกษม" ขึ้นสู่ตำแหน่งเบอร์1 ฝ่ายบริหาร หรือจะจับมือกับ "ภูมิใจไทย" เพื่อนใหม่ แล้วได้ "อนุทิน" เป็นนายกฯ
สำหรับคุณสมบัติ และผลงานที่ผ่านมาของ "ชัยเกษม"นั้น จบปริญญาตรี แผนกนิติศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (เกียรตินิยมอันดับสอง) จบกฎหมายระหว่างประเทศมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย สหรัฐอเมริกา ได้รับประกาศนียบัตรเนติบัณฑิตไทย จากสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา เริ่มทำงาน รับราชการเป็น อัยการ ตั้งแต่ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2516 เติบโดตเรื่อยมา
จนได้รับตำแหน่ง อัยการสูงสุด ระหว่างปี พ.ศ. 2550-2552 หลังเกษียณอายุราชการ ก็เข้าสู่การเมือง ได้รับตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รัฐบาล น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปี พ.ศ. 2556 เป็นหัวหน้าคณะ ฝ่ายรัฐบาลในการเจรจาที่สโมสรทหารบก ก่อน คสช.ยึดอำนาจ เลือกตั้งปี 2562 ได้รับการเสนอชื่อ เป็นแคนดิเดทนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย และในปี 2566 ก็เป็นแคนดิเดทอีกครั้ง เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ
โดยมีจุดแข็งในการชูหลักนิติรัฐ คือทางออกของความขัดแย้งทางการเมือง ส่วนจุดอ่อน คือผลงานเพื่อไทย 2 ปีไม่ดีเลย และถูกโจมตีเข้าข้างเขมร
ส่วน "อนุทิน" จบศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยฮอฟสตรา สหรัฐอเมริกา และคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (Mini MBA) เคยทำงานในตำแหน่งวิศวกร บริษัทเอกชนหลายแห่ง รวมทั้งตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น ที่คุณพ่อ "ชวรัตน์ ชาญวีรกุล" เป็นผู้ก่อตั้ง ทำให้กลายเป็นนายทุนให้พรรคการเมือง ก่อนผันตัวเองเข้าสู่การเมือง ในปี 2539 เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ของประจวบ ไชยสาส์น
และต่อมาเข้าสังกัดพรรคไทยรักไทย เมื่อปี 2544 ได้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ก่อนถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี หลังพ้นโทษ ในปี 2555 สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย และได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรค
ต่อจาก"คุณพ่อ" นำพรรคภูมิใจไทย ลงเลือกตั้งในปี 2562 เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ได้เป็นรองนายกฯ และรัฐมนตรีสาธารณสุข พอเลือกตั้ง 2566 พาภูมิใจไทยเข้าป้ายเป็นพรรคอันดับ 3 ร่วมตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย สมัย "นายกฯเศรษฐา และแพทองธาร" เป็นรองนายกฯ ควบรัฐมนตรีมหาดไทย ก่อนถอนตัว เพราะมีความขัดแย้งจะถูกยึดเก้าอี้คืน แต่โชคดี
มีคลิปเสียง"ฮุนเซน"โผล่มา จึงประกาศถอนตัวแบบเท่ๆ และคลิปเสียงนี้ ก็ทำให้ "แพทองธาร" พ้นจากตำแหน่ง และต้องสรรหานายกฯกันใหม่
โดยจุดแข็งของ "อนุทิน" และภูมิใจไทยเวลานี้ คือ ความยึดมั่นอุดมการณ์รักชาติ ศาสนา และเทิดทูนสถาบัน แต่จุดอ่อนคือเรื่องเขากระโดง คดี ฮั้ว สว.
จะเห็นได้ว่า 2 แคนดิเดต "ชัยเกษม" และ "อนุทิน" ถือเป็นตัวเลือกที่ดีในระดับหนึ่ง มีประสบการณ์ทำงานที่ดี คนหนึ่งระบบราชการ คนหนึ่งเอกชน และเคยเป็นรัฐมนตรีมาก่อนทั้งคู่ แต่ในปัจจุบันสถานการณ์ การเมือง รวมถึงบ้านเมือง อาจอยู่ในขั้นไม่ปกติ
ดังนั้น ใครจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น นอกจากเรื่องคุณสมบัติส่วนตัวแล้ว อาจต้องพึ่งโชค และวาสนาด้วย ว่าจะเป็นคนที่ถูกเลือก จากพรรคประชาชน ซึ่งถือไพ่เหนือกว่า หรือไม่ …..
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews