ราชกิจจานุเบกษา ประกาศกฎเหล็ก 8 มาตรการคุมเข้มซิม-SMS เบอร์ต่างชาติ ป้องกันมิจฉาชีพ
ราชกิจจานุเบกษา ประกาศ กสทช. บังคับใช้มาตรการ 8 ข้อ เพื่อป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เน้นการตรวจสอบซิมการ์ด, การส่ง SMS และการโทรศัพท์จากต่างประเทศ เพื่อยับยั้งความเสียหาย
สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) ประกาศ ราชกิจจานุเบกษา บังคับใช้มาตรการใหม่ 8 ข้อ เพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเน้นการควบคุมการใช้งานซิมการ์ด, การส่ง SMS และการโทรศัพท์จากต่างประเทศ เพื่อยับยั้งความเสียหายและหาตัวผู้กระทำผิดได้ง่ายขึ้น ซึ่งประกาศนี้มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม 2568
เรื่อง มาตรการเพื่อป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสำหรับผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค.2568
โดยมีสาระสำคัญ 8 มาตรการ เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้ใช้บริการโทรคมนาคม และป้องกันยับยั้งความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดได้อย่างรวดเร็ว โดยกฎหมายมีรายละเอียด ดังนี้
1.ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ต้องตรวจสอบคัดกรองผู้ใช้บริการที่มีลักษณะที่ผิดปกติ เพื่อพิจารณาระงับการใช้บริการทันที โดยพิจารณาจากจำนวนครั้งที่โทรออก พื้นที่การโทร ข้อมูลลูกค้า และอุปกรณ์ที่ใช้ในการโทรออก โดยให้สำนักงาน กสทช. ร่วมกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่พิจารณากำหนดเงื่อนไขการคัดกรอง
2.ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม ต้องระงับบริการโทรคมนาคมตั้งแต่วันที่ได้รับคำสั่งจากสำนักงาน กสทช. ว่าบริการโทรคมนาคมดังกล่าวมีเหตุให้เชื่อได้ว่ามีการใช้บริการโทรคมนาคมเพื่อกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
โดยแบ่งเป็น (1) ให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ระงับการให้บริการทันที หรือภายใน 24 ชั่วโมง และ (2) ผู้รับอนุญาตบริการโทรคมนาคมอื่น ระงับการให้บริการทันที หรือภายใน 3 วัน
3.ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่มีหน้าที่จัดการลงทะเบียนผู้ใช้บริการเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยมีรายละเอียด
ดังนี้ (1) กรณีผู้ลงทะเบียนใช้งานใหม่ ให้ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลผู้ลงทะเบียนให้เสร็จภายใน 7 วันนับตั้งแต่วันที่มีการลงทะเบียน
(2) กรณีผู้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2567 ให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลผู้ลงทะเบียนให้เสร็จภายใน 90 วัน นับถัดจากวันที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ
และ (3) กรณีผู้ลงทะเบียนก่อนปี พ.ศ.2567 ให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลผู้ลงทะเบียนให้เสร็จภายใน 1 ปี นับถัดจากวันที่ประกาศฉบับนี้มีผลใช้บังคับ
4.ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมที่ให้บริการส่งข้อความสั้นแบบแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ไปยังผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือในรูปแบบ Application-to-Person (A2P) หรือการส่งข้อความอัตโนมัติถึงลูกค้า มีหน้าที่ห้ามไม่ให้ผู้ที่ไม่ได้ลงทะเบียนชื่อผู้ส่งข้อความสั้น หรือ Sender Name ส่งข้อความสั้นไปยังลูกค้า และต้องตรวจสอบความถูกต้องของลิงก์ที่ใช้แนบส่งข้อความสั้นทุกครั้งก่อนส่งไปยังผู้ใช้บริการปลายทางตามที่สำนักงาน กสทช. กำหนด
5.ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่มีหน้าที่จำกัดการลงทะเบียนเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของบุคคลต่างชาติไม่เกิน 3 เลขหมาย/คน/ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และให้ใช้หนังสือเดินทาง (Passport) ยืนยันตัวตนเพื่อลงทะเบียนผู้ใช้บริการเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่เท่านั้น
6.ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่จำกัดระยะเวลาการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ (Tourist SIM) ให้ใช้งานไม่เกิน 60 วัน โดยไม่สามารถเติมเงินเพื่อขยายระยะเวลาการใช้งานต่อ แต่หากต้องการใช้งาน Tourist SIM ต่อหลังครบกำหนดต้องลงทะเบียนยืนยันตัวตนอีกครั้ง
7.ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ต้องห้ามไม่ให้เครื่องวิทยุคมนาคมลูกข่ายในโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ประเภทซิมบ๊อกซ์ (Sim box) หรือประเภทเกตเวย์ (Gateway) ที่รองรับจำนวนซิมตั้งแต่ 4 ซิมขึ้นไปเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคมของตน เว้นแต่เครื่องวิทยุคมนาคมดังกล่าวจะได้รับการลงทะเบียนกับสำนักงาน กสทช.
และ 8.ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่มีหน้าที่เติมเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์แจ้งเตือนผู้ใช้บริการให้ทราบว่ามีเลขหมายโทรศัพท์ที่มาจากต่างประเทศ เช่น การเติม +697 และ +698 หน้าหมายเลขโทรศัพท์ที่มาจากต่างประเทศ และมีหน้าที่จัดให้มีระบบปฏิเสธการรับสายจากต่างประเทศ
นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. เปิดเผยว่า ขอให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เข้มงวดสกัดเลขหมายโทรศัพท์ที่มีความผิดปกติเป็นสายที่มาจากต่างประเทศในช่วงนี้ ซึ่งต้องจัดทำระบบสกัดการรับสายเข้า และขึ้นเลขหมาย +697 และ +698 ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนต่อเนื่อง เพราะมิจฉาชีพอาจกลับมาในรูปแบบเดิมอีก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง