ลา ลีกา 2025/26 พรีวิว

อลาเบส

อลาเบส คือหนึ่งในทีมที่มีงบประมาณการทำทีมที่น้อยที่สุดใน ลา ลีกา แต่พวกเขาก็อยู่รอดใน ลา ลีกา มา 2ฤดูกาลติดต่อกันแล้ว หลังเลื่อนชั้นกลับมาในปี 2023-24 แน่นอนว่าเป้าหมายเบื้องต้นของ เอดูอาร์โด้ กูเด็ต และทีมคือการอยู่รอดใน ลา ลีกา ต่อไปอีกหนึ่งซีซั่น

กระนั้นอีกหนึ่งความท้าทายก็คือการพาตัวเองจบในครึ่งบนของตารางให้ได้เป็นครั้งแรก หลังก่อนหน้านี้ 8 จาก 9 ฤดูกาลหลัง(ตกชั้นหนึ่งครั้งปี 2022-23) ที่เล่นใน ลา ลีกา มีเพียงซีซั่น 2016-17 เท่านั้นที่ได้อันดับ 9 ในส่วนการเสริมทัพ อลาเบส ได้ มาเรียโน่ ดิอ๊าซ อดีตกองหน้าเรอัล มาดริด เข้ามาเสริมศักยภาพเกมรุกร่วมกับ ยอน กูรูดี และ การ์เลส อาเลนญ่า

……………….

แอธ.บิลเบา

ความท้าทายในปีนี้คือการรักษาอันดับ 4 และเกมรับที่เสียแค่ 29 ประตูจาก 38 นัด น้อยที่สุดใน ลา ลีกา น้อยกว่า แอต.มาดริด ที่เสีย 30 ลูก (มาดริด เสีย 38, บาร์ซ่า เสีย 39)

ปีนี้น่าสนใจตรงที่ แอธ.บิลเบา สามารถเก็บ นิโก้ วิลเลี่ยมส์ ริมเส้นคนสำคัญเอาไว้ได้ กระนั้นในแผงหลังจะพลาดใช้งาน เยราย อัลบาเรซ ที่ติดโทษแบนหลังถูกตรวจพบสารกระตุ้นโดยทาง ยูฟ่า ในเกม ยูโรป้า ลีก กับ แมนฯยูไนเต็ด

แนวรับเวลานี้ ทีมได้ เฆซุส อาเรโซ่ แบ็กขวามาจาก โอซาซูน่า ในราคา 12 ล้านยูโร แต่กับเซนเตอร์ที่ไว้ใจได้จริงๆมีเพียง มี ไอตอร์ ปาเรเดส กับ ดานี่ บีเบียน เท่านั้น นี่อาจเป็นปัญหาในการรักษามาตราฐานเกมรับ

………………

แอต.มาดริด

ซัมเมอร์นี้ ตราหมี ลงทุนซื้อนักเตะเข้ามาเสริมทัพจนถึงตอนนี้ 7 รายเข้าไปแล้ว ด้วยความหวังที่จะสร้างทีมพลังหนุ่มขึ้นมา เป็นการลดอายุเฉลี่ยของทีมซึ่งบอร์ดเชื่อว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ แอตเลติโก แผ่วปลายจนหมดลุ้นแชมป์เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา

การเข้ามาของแข้งดาวรุ่งอย่าง รุจเจรี่,บาเอน่า,การ์โดโซ่,อัลมาด้า,ปูบิล และ ราสปาโดรี่ จะยกระดับทีมไปในทิศทางไหน โชโล่ จะนำ แอตเลติโก กลับบี้บดบี้กับ มาดริด และ บาร์ซ่า ได้อย่างถึงพริกถึงขิงกว่าเดิมหรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าติดตามมาก

…………………

บาร์เซโลน่า

บาร์เซโลน่า แชมป์เก่า คว้าตัวผู้รักษาประตูที่ได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดในลีกเมื่อซีซั่นที่แล้วอย่าง โจน การ์เซีย เข้ามา พร้อมกันนี้ยังยืม มาร์คัส แรชฟอร์ด มาจาก แมนฯยูไนเต็ด เพื่อเสริมแนวรุก

ซีซั่นที่แล้ว บาร์ซ่า ภายใต้การนำของ ฮันซี่ ฟลิค ประสบความสำเร็จอย่างมาก ฟุตบอลของพวกเขากลับมาสนุกและเปี่ยมประสิทธิภาพอีกครั้ง การคงอยู่ของขุนพลตัวหลักอย่าง ราฟินญ่า,เลวานดอฟสกี้ ,เปดรี การพัฒนาที่ไม่หยุดยั้งของ ลามีน ยามาล ยังคงเป็นจุดแข็งของทีมเช่นเคย ทว่าการเสีย อินญิโก้ มาร์ติเนซ ไปอย่างกระทันหันก็นับว่าส่งผลกระทบต่อทีมไม่น้อย ปัญหาทางการเงินทำให้อาจเป็นเรื่องยากที่ทีมจะควานหาตัวแทนของ อินญิโก้ เข้ามาเพิ่มได้

กระนั้นก็ตาม บาร์ซ่า ก็ยังคงแข็งแกร่งและมีโอกาสคว้าแชมป์ในปีนี้สูงอยู่ดี

………………………

เรอัล เบติส

เรอัล เบติส อาจจบอันดับ 6 ห่างจากโควต้า ชปล. ปีที่แล้ว 10 แต้ม โดย บียาร์เรอัล 5 และ แอธ.บิลเบา 4 ได้เท่ากันที่ 70แต้ม แต่ช่วงท้ายฤดูกาลก็ถือว่าทีมเบร์ดิบลังโก้บดบี้ได้สนุกมากๆ

ปีนี้ก็ต้องบอกว่าพวกเขามีลุ้นอีกครั้งอย่างเต็มตัว เพราะ 5 ปีติดต่อกันแล้วที่ มานูเอล หลุยส์ เปเยกรินี่ พา เรอัล เบติส จบ 7 อันดับแรก นับแต่เข้ารับงานคุมทีมตั้งแต่ปี 2020

มาลุ้นกันว่า เปเยกรินี่ ในวัย 71 ปีจะพา เบติส ก้าวข้ามขีดจำกัดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมาเพื่อคว้าโควต้า ชปล. เป็นครั้งแรกในรอบ 21 ปีได้หรือไม่ (เบติส ไป ชปล. หนล่าสุดปี 2004/05)

……………….

เซลต้า บีโก้

ฤดูกาลที่แล้ว เซลต้า บีโก้ มีเกมรุกที่ดุดันมาก ยิงไปทั้งสิ้น 59 ประตู สูงสุดติดท็อป 5 ของ ลีก เป็นรองเพียงแค่ บาร์ซ่า,มาดริด,แอต.มาดริด และ บียาร์เรอัล ซึ่งทั้งหมดที่เอ่ยถึงได้ไป แชมเปี้ยนส์ลีก ทั้งสิ้น

ปีนี้ เซลต้า ยังคุมทีมโดย เคลาดิโอ คีรัลเดซ ได้ เฟร์ราน ยุตกล้า อดีตดาวรุ่งบาร์เซโลน่าเข้ามาเสริมความคม รวมกับขุมกำลังเดิมอย่าง บรายาน ซาราโกซ่า,ยาโก้ อาสปาส และ บอร์ฆา อิเกลเซียส ก็นับได้ว่าน่ากลัวอย่างมาก

ปีที่แล้ว เซลต้า จบอันดับ 7 ได้โควต้าเล่นยูโรป้าลีก ปีนี้พวกเขาจะไปได้ไกลกว่าเดิมหรือไม่ ?

……………………….

เอลเช่

น้องใหม่หน้าเดิมที่หายไป 2 ซีซั่นกลับมาแล้ว ซีซั่นนี้ เอลเช่ คุมทีมโดย เอเดร์ ซาราเบีย อดีตผู้ช่วยของ กีเก้ เซเตียน ในยุคคุมบาร์เซโลน่า

ทีมจากแคว้นบาเลนเซียเลื่อนชั้นกลับสู่ลา ลีกา ด้วยการคว้าอันดับ 2 ของตารางเซกุนด้า ด้วยสถิติเกมรับที่น่าประทับใจ เสียเพียง 34 ประตูจาก 48 เกม มาซีซั่นนี้น่าติดตามมากว่าเกมรับอันแข็งแกร่งในระดับลีกรอง เมื่อขึ้นมาในระดับสูงสุดแล้วจะเป็นยังไง เพราะเชื่อได้เลยว่า เอลเช่ จะอยู่ต่อหรือไป เกมรับมีส่วนสำคัญอย่างมาก

………………………..

เอสปันญ่อล

เอสปันญ่อล จบอันดับที่ 14 ใน ลา ลีกา เมื่อซีซั่นที่แล้ว โดยรอดตกชั้นหวุดหวิดในเกมสุดท้ายเมื่อเปิดบ้านบี้ ลาส ปัลมาส 2-0 ซึ่งตลอดทั้งฤดูกาล คงต้องขอบคุณผลงานในรัง กอร์เนย่า เอล ปราต ที่ทำให้พวกเขายังคงโลดแล่นในลีกสูงสุดต่อไป

ปัญหาใหญ่ของ เอสปันญ่อล ซึ่งยังคุมทีมโดย มาโนโล่ กอนซาเลซ เมื่อฤดูกาลที่แล้วก็คือเกมเยือน พวกเขาเก็บได้เพียง 12 แต้มจาก 19 นัด และเป็นชัยชนะเพียง 3 เกมเท่านั้น

………………………….

เคตาเฟ่

สถานการณ์ของ เคตาเฟ่ ตรงกันข้ามกับ เอสปันญ่อล โดยสิ้นเชิง ซีซั่นก่อนเป็นซีซั่นที่ไม่ปกตินักของ โลส อาซูโลเนส ที่เคยขึ้นชื่อว่าเล่นในบ้านได้อย่างเเข็งแกร่ง แต่เมื่อซีซั่นที่ผ่านมาทีมของ โฆเซ่ บอร์ดาลาส กลับเก็บได้เพียง 19 แต้มและมีเพียง 2 ทีมเท่านั้นที่เก็บแต้มในบ้านได้น้อยกว่าพวกเขา

มาปีนี้ หากหวังที่จะยืนระยะใน ลา ลีกา พร้อมๆกับลุ้นทำอันดับไปเล่นฟุตบอลยุโรป เคตาเฟ่ จะต้องทำให้ โกลีเซียม อัลฟองโซ่ เปเรซ กลับมาเป็นป้อมปราการอันแข็งแกร่งให้ได้อีกครั้ง

………………………….

จีโรน่า

หลังจากประสบความสำเร็จอย่างไม่น่าเชื่อในฤดูกาล 2023/24 ได้ไปเล่นใน แชมเปี้ยนส์ลีก ครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร จีโรน่า ก็มีผลงานดร็อปลงในปีที่ผ่านมาด้วยการจบอันดับที่ 16 หมิ่นเหม่ที่จะตกชั้น

มาปีนี้การเสริมทัพใหม่ของทีมเกิดขึ้นภายใต้ข้อจำกัดของงบประมาณ ทีมยืมตัว โตมาร์ เลอมาร์ และเซ็นฟรี อั๊กเซิ่ล วิตเซิ่ล มาจาก แอต.มาดริด ซึ่งต่างเป็นแข้งประสบการณ์สูง ทว่าสภาพร่างกายก็อยู่ในช่วงโรยรา

จีโรน่า จะกลับมาสร้างปาฏิหารย์เมื่อ 2 ซีซั่นก่อน หรือจะดิ้นรนหนีการตกชั้น ปีนี้เรามาหาคำตอบไปพร้อมๆกัน

………………………………..

เลบันเต้

เลบันเต้ จบฤดูกาลในเซกุนด้าด้วยการเป็นทีมที่มีเกมรุกดุดันที่สุดเป็นลำดับสองของลีก ยิงไป 69 ประตูจาก 42 เกม และมีนักเตะถึง 13 ในทีมที่ทำประตูได้ การคัมแบ็กสู่ ลา ลีกา ในปีนี้ เลบันเต้ ยังนำทีมโดยกัปตันคนเก่ง โฆเซ่ หลุยส์ โมราเลส หนึ่งในดาวยิงที่ว่ากันว่า อันเดอร์เรตที่สุดคนนึงของวงการฟุตบอลสเปน มาครั้งนี้ โมราเลส ในวัย 38 จะยังมีเขี้ยวเล็บที่แหลมคมเหมือนเดิมหรือไม่ เดี๋ยวเราคงได้รู้กัน

…………………………….

เรอัล มายอร์ก้า

เรอัล มายอร์ก้า จบอันดับ 10 เมื่อซีซั่นที่แล้ว ถือว่าเป็นหนึ่งในผลงานที่น่าประทับใจของสโมสร กระนั้นก็นับว่าน่าเสียดายที่พวกเขาพลาดโควต้าฟุตบอลยุโรปไปอย่างเฉียดฉิวโดยมีแต้มน้อยกว่า ราโย บาเยกาโน่ ที่คว้าสิทธิ์ไปเล่นยูฟ่า คอนเฟอร์เรนซ์ลีกเพียง 4 แต้มเท่านั้น

มาปีนี้ภายใต้การนำทีมของ ยาโกบา อาร์ราซาเต้ น่าจับตามองว่า ทีมชาวเกาะจะยกระดับขึ้นไปสู่เวทียุโรปได้หรือไม่

……………………………..

โอซาซูน่า

จบอันดับที่ 9 เมื่อซีซั่นที่แล้ว มาปีนี้ โอซาซูน่า เปลี่ยนมาอยู่ในของ อเลสซิโอ ลิสชี่ หนึ่งในกุนซือที่อายุน้อยที่สุดใน ลา ลีกา (40ปี)

ปีที่แล้วในเซกุนด้า ลิสชี่ สร้างผลงานโดดเด่นด้วยการพา มิรานเดส ได้สิทธิ์เพลย์ ออฟ เลื่อนชั้นสู่ ลา ลีกา เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์โมสร มาครั้งนี้ กุนซือหนุ่มอิตาเลี่ยนหวนคืนสู่เวทีสูงสุดของประเทศอีกครั้งหลังเคยคุม เลบันเต้ ช่วงสั้นๆระหว่างซีซั่น 2021-22

จาก เลบันเต้ สู่ มิรานเดส สู่กับทีมที่ใหญ่ขึ้นอย่าง โอซาซูน่า คงเป็นฤดูกาลที่ประสบความสำเร็จ ถ้าคว้าตั๋วลุยยูโรปได้สักใบ

………………………………

เรอัล โอเบียโด้

มีนักเตะสเปนไม่มากนักที่ได้รับความรักจากแฟนๆทั้งประเทศอย่างเป็นเอกฉันท์ หนึ่งในนั้นก็คือ ซานติ กาซอร์ล่า และตอนนี้เขาคัมแบ็กสู่ลา ลีกา อีกครั้งกับทีมในวัยเด็กอย่าง เรอัล โอเบียโด้ , กาซอร์ล่า กลับมาเล่นให้ โอเบียโด้ ในปี 2023 ทุ่มเทช่วยทีมทุกทางทั้งในสนามและด้านการเงิน กระทั่งพา โอเบียโด้ เลื่อนชั้นสู่ ลา ลีกา ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกนับแต่ฤดูกาล 2000/01 ในวัย 40 ปี กาซอร์ล่า พร้อมลุย ลา ลีกา อีกครั้ง แน่นอนว่าความหวังของทีมนั้นไม่มีอะไรซับซ้อน "อยู่รอด" ให้ได้

………………………………

ราโย บาเยกาโน่

ฤดูกาลที่แล้วต้องบอกว่า รายิสต้าส มีความสุดกันแบบสุดๆไปเลยเพราะทีมจบอันดับที่ 8 ได้ตั๋วลุยคอนเฟอร์เรนซ์ลีกในปีนี้ ซึ่งนับเป็นเพียงครั้งที่ 2 นับแต่ก่อตั้งสโมสรมาตั้งแต่ปี 1924(101 ปี)

ซีซั่นที่แล้ว ราโย เล่นเกมเยือนได้เยี่ยม เก็บ 26 แต้ม โดยชนะถึง 7 เกมนอกรังซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สำหรับทีมไซส์เล็กอย่างพวกเขา มาปีนี้ ราโย ยังคุมทีมโดย อินญิโก้ เปเรซ ที่นับวันยิ่งฉายแสงโดดเด่นขึ้นเรื่อยๆ เขาทำให้แฟนๆฝันได้ไกลยิ่งกว่ายุคเกรียงไกรของ อันโดนี่ อิราโอล่า เสียอีก

…………………………….

เรอัล มาดริด

โลส บลังโกส พลาดทุกแชมป์เมื่อซีซั่นที่แล้ว ทำให้สโมสรเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ คาร์โล อันเชล็อตติ อำลาทีมไป และเป็น ชาบี อลอนโซ่ ที่ก้าวเข้ามา

การเข้ามาของ อลอนโซ่ เต็มไปด้วยความคาดหวัง และหลายคนคาดว่าจะได้เห็น เรอัล มาดริด เล่นฟุตบอลในแนวทางใหม่ที่น่าสนใจกว่า เหมือนที่ อลอนโซ่ เคยฝากผลงานไว้ที่เยอรมันกับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น

พูดกันเยอะมากว่าการเปลี่ยนแปลงแนวทางการเล่นของ มาดริด และการผสมผสานแข้งใหม่กับแข้งเก่าอาจไม่ใช่งานที่ยากที่สุดของกุนซือวัย 43 หากแต่เป็นการลดอีโก้ของแข้งซูเปอร์ตาร์ภายในทีมที่เคยอยู่กันอย่างสบายในยุคของกุนซืออิตาเลี่ยน

ฟุตบอลของ อลอนโซ่ เรียกร้องให้ทุกคนต้องทำงานหนักเพื่อทีม ใครไม่วิ่งคนนั้นนั่ง ดูเหมือนเป็นแนวทางที่เด็ดขาดดี แต่จะปฏิบัติจริงได้หรือไม่ ส่วนนี้มีผลต่อการกลับชิงแชมป์คืนจาก บาร์ซ่า อย่างยิ่ง

………………………

เรอัล โซเซียดาด

อีมานอล อัลกวาซิล โบกมืออำลา เรอัล โซเซียดาด หลังจากสร้างยุคทองทิ้งไว้ ทั้งการคว้าแชมป์โกปา เดล เรย์ และได้เล่นใน แชมเปี้ยนส์ลีก แน่นอนว่าผู้เข้ามารับไว้ต่ออย่าง เซร์คิโอ ฟรานซิสโก้ ย่อมเต็มไปด้วยความกดดัน แถมปีนี้ทีมยังเสียห้องเครื่องชั้นดีอย่าง มาร์ติน ซูบิเมนดี้ ไปอีก

อย่างไรก็ตาม ฟรานซิสโก้ ก็รู้จัก ลา เรอัล ไม่น้อยไปกว่า อัลกวาซิล เขาอยู่กับทีมตั้งแต่สมัยเป็นนักเตะเยาวชนก่อนขึ้นสู่นักเตะชุดใหญ่ ก่อนจะมาจับงานโค้ชให้กับสโมสร

การโปรโมทขึ้นมาจาก โซเซียดาด เบ คือพื้นฐานของความไว้เนื้อเชื้อใจที่สโมสรมีให้กับเขาว่าสามารถพาทีมประสบความสำเร็จไม่น้อยไปกว่ายุค อัลกวาซิล

……………………………

เซบีย่า

ทุกคนต่างรู้ดีว่า เซบีย่า ไม่เหมือนเดิม หลังจากอยู่ในระดับสูงของลีกามาตลอด 21 ปี มา 3 ซีซั่นหลังทีมร่วงลงไปที่อันดับ 12,14และ 17 และ มาตีอัส อัลเมด้า คือคนที่จะต้องเข้ามากอบกู้สโมสร

เซบีย่า มีปัญหาเรื่องการเงิน การเสริมทัพจึงไม่สามารถทำได้อย่างที่ต้องการ ทั้งยังเป็นหนึ่งในทีมที่มีปัญหาการลงทะเบียนมากที่สุดของลีก ด้วยผลงานที่ผ่านมา ด้วยบรรยากาศ และศักยภาพทางด้านการเงิน เห็นได้ชัดว่า อัลเมด้า มีงานหนักรออยู่ในซีซั่นนี้

……………………………

บาเลนเซีย

ไอ้ค้างคาวในยุคของ การ์ลอส กอร์เบราน กลับมาซาบซ่านสดใสอีกครั้ง หลังออกสตาร์ทซีซั่นก่อนผลงานย่ำแย่จมอยูในโซนตกชั้น ก่อนจะฟื้นคืนกลับมาภายใต้การคุมทัพของ กอร์เบราน จนท้ายๆซีซั่นมีลุ้นไปเล่นฟุตบอลยุโรป หากแต่ก็พลาดไป

มาซีซั่นนี้ แน่นอนว่าเบื้องต้นคงต้องมองไว้ที่การอยู่รอดก่อนเป็นลำดับแรก แต่หากออกสตาร์ทได้ดี ถึงแม้จะไม่มีบิ๊กเนมเข้ามาในช่วงซัมเมอร์ แต่ บาเลนเซีย ก็มีสิทธิ์ฝันถึงการทำอันดับไปเล่นฟุตบอลยุโรปได้เช่นกัน

……………………………

บียาร์เรอัล

แม้จะเสีย อเล็กซ์ บาเอน่า ไปให้กับ แอต.มาดริด แต่ มาร์เซลีโน่ การ์เซีย โตรัล ก็ได้อ้าแขนต้องรับ อัลเบร์โต้ โมเรโร่ ตัวรุกดาวรุ่งจาก ลาส ปัลมาส เข้ามา ที่หนุ่มกว่า และถูกกว่า ไม่ต้องสงสัยเลยนี่คือตัวแทนของ บาเอน่า กระนั้นแข้งใหม่คนอื่นๆอย่าง การ์ลอส มูรินโญ่ และ ราฟา มาริน ที่เข้ามาเสริมกำลังในแนวรับก็รับว่าน่าสนใจเช่นกัน

ทีมต้องลงเล่นในรายการใหญ่อย่าง แชมเปี้ยนส์ลีก และรักษาระดับใน ลา ลีกา ไปด้วย พวกเขามีขนาดทีมที่ใหญ่พอหรือยังนะ ?

#เจมส์ลาลีกา