หนุ่มนักธุรกิจ ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ซื้อเครื่องจักรเก่าจากโรงงานแต่ของมาไม่ครบ
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 19 ส.ค. 2568 นายธะเร ภูเขาทองคำ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งดินทางมาที่ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล1111 สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม และให้ตรวจสอบคุณธรรม จริยธรรม บริษัท ชิ้นส่วนรถยนต์แห่งหนึ่ง โดยนายธะเร กล่าวว่า บริษัทตน ประกอบกิจการเกี่ยวกับการซื้อขายทรัพย์สินโรงงานทุกชนิดทั่วประเทศ ในช่วงปี2567-2568 เราได้ไปซื้อทรัพย์สินของโรงงานดังกล่าว ซึ่งมีการเลิกกิจการไปหลายแห่ง เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจ เขาก็มีการเชิญให้ไปซื้อ
ซึ่งเราก็ซื้อไปหลายที่เป็นวงเงินหลายสิบล้านบาท ในระยะเวลาปีกว่าๆ เราก็พบความผิดปกติที่ไม่เรียบร้อย ในช่วงแรกตนก็มองว่าไม่ใช่ปัญหาของตน ไปซื้อรับของแล้วก็จบกัน แต่ในช่วงหลังๆมีเรื่องอื่น ของความไม่ถูกหลักธรรมภิบาลในเรื่องของการค้าขาย ตนได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้ซื้อหลายๆเจ้า ซึ่งก็ไม่ได้มีตนเจ้าเดียว ปรากฎว่าแต่ละรายเจอเหตุการณ์คล้ายๆกัน ซึ่งมีมูลค่าเป็นร้อยล้านแบ่งเป็นจำพวกเหล็กเก่า เครื่องจักรเก่าและโกดังเก่า แต่ไม่มีใครกล้าเพราะอยากจะซื้อขายกันต่อและเกรงกลัวอิทธิพลของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้วย ซึ่งที่โดนกันจะมีประมาณ 4 ประเด็นคือ 1.อ้างของหาย 2.หลอกใช้ฟรี 3.หนีเปิดซอง 4.ดองเงินลูกค้า
ประเด็นแรก ตนมีการซื้อทรัพย์สินพวกเครื่องจักรเก่าจากโรงงานชุดแรกมาประมาณสิบล้านปรากฏว่าของมาไม่ครบ ซึ่งเครื่องจักรเก่าถ้าได้มาไม่ครบมันจะกลายเป็ฯเศษเหล็กทันที ซึ่งเราได้แจ้งเขาไปแล้วแต่เขาอ้างว่าคุณตกลงซื้อขายของชุดนี้ไปเรียบร้อยแล้ว ถ้าของที่คุณไปเจอใหม่คุณจะต้องจ่ายเงินเพิ่มซึ่งในความเป็นจริงเข้าบริษัทมันเป็นของชุดเดียวกันก็ควรจะต้องเอาให้เพราะมันเป็นของของในชุดเดียวกันมันเป็นอะไหล่ของเครื่องจักรเท่านั้นแต่ที่นี่เขาเรียกเงินเพิ่มครับเราไม่จ่ายเขาไม่ได้แล้วตรงนั้นผมก็ต้องเพิ่มเงินอีกเกือบขาดทุนเพราะว่าถ้าเกิดไม่อย่างนั้นเราก็ไม่สามารถที่จะประกอบเครื่องและส่งลูกค้าได้
ประเด็นต่อมา เขาให้เราช่วยทำรายการให้เพราะโรงงานเขาเลิกหลายโรงงาน เขาทำรายการทรัพย์สินออกไม่ทันเวลาในการประเมินราคา เขาก็เลยบอกว่าขอให้เราไปทำรายการทรัพย์สิน ซึ่งเราจะต้องเดินทางไปตรวจเช็ก ไปเขียนสเป๊ค ไปทำรายละเอียดให้ ตรงนี้ใช้เวลาหลายวันกว่าจะหมด พอทำเสร็จแล้วก็ส่งให้เขา แล้วเขาบอกว่าเขาก็จะดิวกับเราแค่คนเดียวแล้วก็มาคุยกัน ถ้าเราทำเสร็จเขาให้เราทำใบเสนอราคาแล้วก็ทำไป แต่ปรากฏว่าว่าเขาเอารายการที่เราทำเสร็จไปให้ผู้ซื้อรายอื่น ทั้งๆที่เขาให้เราตรวจสอบทำให้หมดเลย และที่แย่คือเขาก็ขายที่ดินแปลงนี้โดยไม่บอกเรามันเป็นการเสียมารยาทมากๆ ค่าใช้จ่ายในการไปทำ มันก็ไม่ใช่น้อย พอเราทำหนังสือทวงถามก็ไม่มีการตอบกลับ
ประเด็นที่ 3 หนีเปิดซองคือบริษัทเค้าจะมารายการสินค้าให้ยื่นทางอินเตอร์เน็ตซึ่งมีแค่ไม่กี่บริษัท เราก็ทำการเสนอราคายื่นไปทางอินเตอร์เน็ต แต่ปรากฏว่ามีบริษัทอื่นที่มามายื่นประมูลกับทางบริษัทเรานำใบเสนอราคาที่เราเสนอไปนั้น มายื่นเสนอกลับมาที่บริษัทเรา ทำให้เราจับได้ว่ามีการนำราคาของซัพพลายเออร์ไปเสนอบริษัทผู้ซื้อรายอื่น เพื่อให้ได้ราคาที่สูงที่สุด ซึ่งเป็นการผิดจริยธรรมอย่างมาก เมื่อเราทำหนังสือสอบถามไป ทางบริษัทดังกล่าวก็อ้างว่าไม่รู้เรื่อง แม้กระทั่งมีคลิปหลักฐานไปให้เค้าดูเขาก็อ้างว่าไม่รู้เรื่อง อ้างว่าคงจะมีพนักงานคนอื่นแอบไปทำ
ประเด็นสุดท้าย รื่องดองเงินลูกค้า คือการประมูลตรงนี้เป็นจุดที่ทำให้ทางบริษัทเราจะได้ตัดสินใจดำเนินคดีนกับผู้บริหารทั้งหมดเลย โดยเวลามีการทำหรือมีการดำเนินเรื่องอะไรก็แล้วแต่เขาจะให้ฝ่ายจัดซื้อเขาจะให้ฝ่ายบัญชีเขาจะให้พนักงานอย่างเช่นผู้จัดการโรงงานเนี่ยเข้ามาคุยกับเรา ตัวกรรมการไม่เคยออกมา ทุกครั้งจะให้พนักงานแจ้งว่ากรรมการคนนั้นชื่อนี้ชื่อนี้ชื่อนี้มาแต่ละครั้งที่ก็หมุนเวียนมาบอกว่าขอให้ทำแบบนั้น ขอให้ทำแบบนี้เราก็ได้ยินแล้วแต่เป็นเรื่องที่บริษัทอื่นก็ไม่ได้เหมือนกัน แต่ว่าเราเป็นรายเดียวที่สู้ก็คือประมูลได้ ชนะการประมูลแล้ว จ่ายตังค์บริษัทเก็บเงินไปล้าน 5.5 ล้าน เรียบร้อยแล้ว
เราก็เข้าหน้างานเพื่อเตรียมทำงานทำการหรือต้องมีการจัดตั้งซึ่งก่อนที่จะไปเนี่ยเราต้องมีการเตรียมเรื่องคนเรื่องการวางแผนการขนส่งและตอนนี้เลยค่าใช้จ่ายเยอะ พอหลังจากเราจ่ายตังค์ไปแล้วปรากฏว่าผ่านไป 4 วันเขาให้รปภ.มาเชิญทีมงานของบริษัทไม่ว่าจะเป็นวิศวกรไม่ว่าจะเป็นคนงานไม่ว่าจะเป็นผู้ดูแลลูกเขาบอกว่ามีกรรมการท่าน 2-3 คนที่นี้จะขอรีไรท์ราคาใหม่ราคาใหม่มันหมายความว่าอะไรก็คือประมูลเสร็จไปแล้วเปิดราคาและรับเงินไปแล้ว
ที่ตลกคือวันที่เราไปจ่ายตังค์เอกสารแล้วก็นัดแล้วก็ไปจ่ายตังค์แต่พอไปถึงเขาบอกว่าเอกสารกรรมการยังไม่เซ็นเดี๋ยวจะให้เราก็เชื่อก็เชื่อจนถึงปัจจุบันเนี่ยเรามีแค่หลักฐานการโอนเงินเข้าบริษัทพรุ่งนี้เราก็ยังเดินหน้าต่อตกลงจะเอายังไง ขอนัดเข้าไปคุยบางทีเลื่อนไปอาทิตย์หน้า พอถึงวันก็เลื่อนไปอีก 5 วันกว่าจะได้เจอกันอีกเดือนนึงเรามีความรู้สึกว่าเขาไม่มีความตั้งใจที่จะรับผิดชอบ แล้วเราได้ยินมาว่าเรื่องที่เราไปประมูลมา แจ้งว่าเขาเอาไปหมุนประมูลอีกรอบนึง บริษัทเค้าได้เชิญผมไปตรวจ ไปเช็คราคา จุดนี้ตนยอมไม่ได้ พอผมทราบผมก็เลยไปลงบันทึกประจำวันไว้ สุดท้ายตนคุยกับเขาแล้วไม่มีความรับผิดชอบกรรมการใดๆลงมาเลย ตนก็เลยตัดสินใจเอาเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมคือในส่วนของเรื่องที่เป็นเรื่องผิดกฎหมาย
อีกประเด็นที่แปลกประหลาด ตนทำธุรกิจนี้มา 30 กว่าปี คือโรงงานเขาใหญ่โตมาก แต่ทำงานเหมือนโรงงานห้องแถว ผู้ประกอบการรายอื่นเจอเหมือนกันหมดเลย ทุกครั้งที่มีการจ่ายเงิน ไม่ว่าจะวงเงินเท่าไหร่ ฝ่ายการเงินของเขาจะบอกว่า ให้แบ่งเงินเป็น 2 ก้อน สมมติว่า 10 ล้าน เขาให้เราแบ่งครึ่งออกมา 5 ล้าน ส่งนอีก 5 ล้านเขาให้เราถอนเป็นเงินสด แล้วก็เอาเงินสดนี้หิ้วไปให้ผู้บริหารของเขา ห้ามโอน ห้ามทำเช็ค เรามานึกก็คิดว่าเขาน่าจะมีเรื่องอะไรไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับเรื่องของภาษีอย่างแน่นอน ซึ่งตนมองว่ามันแปลกประหลาดมาก