เที่ยว “สมุย-พะงัน” ตามรอยพระพันปีหลวง
การเสด็จพระราชดำเนินในครั้งนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการเสด็จประพาสภาคใต้ ระหว่างวันที่ 22-24 เมษายน พ.ศ. 2505 โดยทรงใช้ เรือพระที่นั่งจันทร เมื่อเสด็จถึงบริเวณอ่าวหน้าทอนทรงเปลี่ยนจากเรือพระที่นั่งจันทรมาประทับเรือขนาดเล็ก เพื่อขึ้นเทียบท่าที่สะพานขึ้นสู่เกาะสมุย ทรงประทับ รถยนต์พระที่นั่งเพื่อเสด็จฯไปยังสถานที่ต่าง ๆ บนเกาะสมุย
“อ่าวหน้าทอน” เป็นจุดที่เสด็จขึ้นเกาะสมุยและทรงมีพระราชปฏิสันถารกับราษฎรที่มารอเฝ้ารับเสด็จ ปัจจุบันบริเวณหาดหน้าทอนยังคงทำหน้าที่เป็นเสมือนชานบ้านที่ต้อนรับผู้มาเยือน เพราะด้วยความที่มีท่าเทียบเรือรับ-ส่งนักท่องเที่ยว ทั้งที่เดินทางท่องเที่ยวบนเกาะและไปยังเกาะบริวารอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นเกาะพะงัน อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง เกาะเต่า และเกาะนางยวนใน ขณะเดียวกันที่นี่คือย่านชุมชนชาวเกาะเก่าแก่ที่ยังคงเต็มไปด้วยบรรยากาศของวันวาน เพิ่มเติมด้วยสตรีทอาร์ทที่บอกเล่าเรื่องราวของคนหน้าทอนแห่งเกาะสมุย มีร้านอาหารเก่าแก่ มีคาเฟ่เปิดใหม่ริมทะเลที่ตั้งใจให้มานั่งชิลเพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศยามเย็น เพราะที่นี่คืออีกหนึ่งแห่งที่มีภาพพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม ต่อเนื่องไปถึงยามค่ำคืนมีตลาดโต้รุ่งที่สามารถหาอาหารท้องถิ่นลิ้มลองได้มากมาย
ที่ “น้ำตกหน้าเมือง” ทั้งสองพระองค์ทรงประทับสำราญพระราชอิริยาบถ และเสวยพระกระยาหารกลางวัน ณ บริเวณน้ำตก ที่นี่เป็นสถานที่เคยเสด็จประพาสของพระมหากษัตริย์ของไทยหลายพระองค์ ทั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7
ปัจจุบันกรมป่าไม้จัดตั้งให้เป็นวนอุทยานน้ำตกหน้าเมือง เป็นน้ำตกที่เกิดจากภูเขาใหญ่ที่อยู่ใจกลางเกาะ โดยสายน้ำตกจะไหลจากหน้าผาสูงกว่า 30-40 เมตร กว้าง 20 เมตร ด้านล่างมีลักษณะเป็นแอ่งน้ำนักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำสัมผัสความเย็นช่ำได้ มีโขดหินใหญ่น้อยเรียงรายตลอดธารน้ำไหล บริเวณรอบ ๆ รายล้อมไปด้วยสวยผลไม้ สวนมะพร้าวของชาวเกาะสมุย
นอกจากนี้ยังเสด็จพระราชดำเนินไปสักการะพระธาตุเจดีย์วัดศิลางูก่อนกลับด้วย “วัดศิลางู” มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “วัดราชธรรมาราม” เป็นวัดราษฎร์เก่าแก่ที่ตั้งอยู่ในตำบลมะเร็ต อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี บางคนรู้จักในชื่อ “วัดพระธาตุหินงู” เพราะชาวชาวบ้านเรียกตามลักษณะของศิลาที่อยู่บริเวณชายหาดของวัด ซึ่งมีรูปร่างคล้ายเกล็ดงู เมื่อน้ำขึ้นจะดูเหมือนมีงูนอนอยู่ในทะเล ก่อตั้งเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2415
เจดีย์สีทองริมชายทะเลที่เป็นเอกลักษณ์ของวัดบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ภายใน เล่าว่าเป็นเจดีย์ที่หลวงพ่อเพ็ขร์ ติสฺโส เป็นผู้ริเริ่มสร้างขึ้น โดยให้หลวงพ่อศรีทอง ศรีชาย ร่วมกับพระดำ ใจกว้าง (หมื่นพยาธิบำบัด) เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างเพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุซึ่งได้มาจากการเดินทางไปธุดงค์ที่ลังกา และมีพิธีบรรจุ พระบรมสารีริกธาตุ เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ.2478 โดยเจ้าคุณพระอรรถทัศสิสุทธิพงศ์ แห่งวัดชีโทน อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นผู้มอบให้ ทุกปีจะมีการจัดงานสมโภชน์และนมัสการพระธาตุทุกวันที่ 24 เมษายน ของทุกปี ในวันเดียวกับที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จมาตั้งแต่ครั้งที่ยังเป็น “สำนักสสงฆ์ศิลางู”
ในภายหลังมีการก่อสร้างอุโบสถสีแดงขึ้นในปี พ.ศ.2550 โดยนำหินปูนเค็มนำมาทุบแล้วบดให้ละเอียด ก่อนนำมาผสมกับปูนก่อสร้างขึ้น โดยมีการผสมสีแดงเข้าไปด้วยจึงทำให้ได้สีแปลกตาอย่างที่เห็น ก่อสร้างในแบบศิลปะศรีวิชัยกึ่งบายน มหาอุด ผู้คนทั่วไปมักมาสักการะขอพรด้านโชคลาภและธุรกิจค้าขาย โดยมีการกล่าวถึงพญาเพชรภัทรนาคราชและพญานาคิณีอัญญารินทร์ธาสินีเทวีด้วย
ก่อนที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จะเสด็จมาถึงเกาะสมุย ในวันที่ 23 เมษายน พ.ศ.2505 ได้เสด็จพระราชดำเนินประภาส “เกาะพะงัน” ก่อน โดยเสด็จพระราชดำเนินไปที่ “น้ำตกธารเสด็จ” น้ำตกที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเกาะพะงัน ที่ซึ่งพระมหากษัตริย์ไทยในราชวงศ์จักรีเคยเสด็จประพาสหลายรัชกาล ตั้งแต่รัชกาลที่ 5 รัชกาลที่ 6 รัชกาลที่ 7 และรัชกาลที่ 9
ปัจจุบันน้ำตกธารเสด็จเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติธารเสด็จ เป็นป่าสงวนแห่งชาติ มีธารน้ำตก ชายหาด ป่าไม้ และสัตว์ป่าที่อุมดสมบูรณ์ไทยมีพื้นที่ 26,866 ไร่ ชื่ออุทยานแห่งชาติธารเสด็จ แปลว่า “แม่น้ำหลวง” พระราชทานนามตามการเสด็จพระราชดำเนินเยือนของ รัชกาลที่ 5 ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2431 และเสด็จกลับมาอีกถึง 14 ครั้งในช่วง 21 ปีต่อมา ซึ่งมีหลักฐานที่ทรงจารึกไว้ที่ก้อนหินบริเวณใกล้ ๆ น้ำตกธารเสด็จ ทั้งพระปรมาภิไธยย่อ จปร. ตัวเลข และตัวอักษรต่าง ๆ ที่มีจารึกไว้นับ 10 แห่ง และมีพลับพลาที่ประทับริมหาดธารเสด็จ ซึ่งเป็นจุดที่น้ำตกไหลลงสู่ทะเลที่อ่าวธารเสด็จ มี “เขาระ” เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของอุทยานและของเกาะพะงันทั้งหมด โดยมีความสูง 635 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
ส่วน “หาดธารเสด็จ” ณ จุดสิ้นสุดของน้ำตกที่ไหลมาจากอุทยานแห่งชาติธารเสด็จจนมาบรรจบกับทะเล ทำให้ละแวกนี้มีความหลากหลายทางชีวภาพ และสิ่งมีชีวิตพันธุ์หายากบางชนิดอาศัยอยู่ แม้จะเป็นหาดเล็ก ๆ สงบเงียบแต่กลับมีร้านอาหารติดทะเลที่ตั้งโต๊ะเก้าอี้บนหาดให้นั่งเอาเท้าจุ่มลงบนทรายสีเหลืองทอง
นอกจากนี้ทั้งสองพระองค์ยังเสด็จพระราชดำเนินไปเยือน “อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง” ด้วย ประกอบด้วยเกาะ 42 เกาะ กระจายตัวท่ามกลางทะเลใสสีมรกตที่ล้วนมีความสวยงามทางธรรมชาติและระบบนิเวศน์ โดยมีจุดไฮไลท์ ได้แก่ จุดชมวิวผาจันทร์จรัส จุดชมวิวทะเลใน กิจกรรมเดินป่าสำรวจเส้นทางธรรมชาติและกิจกรรมพายเรือคายัคชมเกาะน้อยใหญ่ลัดเลาะผ่านผาหินปูน หรือจะเดินสำรวจถ้ำหินงอกหินย้อย
“เกาะวัวตาหลับ” เป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานฯ ด้านหน้าเป็นหาดทรายขาวสะอาด ถัดไปเป็นทางเดินขึ้นไปบนยอดเขาระยะทาง 400 เมตร ซึ่งเป็นจุดชมทัศนียภาพของหมู่เกาะอ่างทองที่ทอดตัวเป็นแนวยาว ส่วน “ทะเลใน” หรือทะเลสาบกลางภูเขาอยู่บนเกาะแม่เกาะ มีเส้นทางเดินเป็นบันไดขึ้นไปชมทะเลใน มีน้ำทะเลสีเขียวมรกต โอบล้อมด้วยผาหินสูงชันและแมกไม้เขียวขจี มีทัศนียภาพที่สวยงาม
นอกจากนี้ยังมีเกาะที่เหมาะกับการดำน้ำชมปะการัง เช่น เกาะสามเส้า เกาะท้ายเพลา เกาะวัวกันตัง และเกาะหินดับ ซึ่งเป็นเกาะที่มีหาดทรายยาวที่สุดในอุทยานฯ อย่าลืมไปไปเช็คอิน “เกาะพะลวย” ที่มีทั้งทะเลแหวกบริเวณ “อ่าวเทียน” ของเกาะพะลวยเชื่อมไปยังเกาะหัวค่างทักที่จะพบเห็นได้ในช่วงต้นปี ฝูงนกแก็กหรือนกแกง นกเงือกขนาดเล็กที่สุดซึ่งเป็นเจ้าถิ่น “ถ้ำคอม้า” ช่องผาหินปูนเหนือผิวน้ำทะเลใสที่มีรูปร่างคล้ายคอม้าที่เชื่อกันว่าหากใครนั่งเรือลอดผ่านถ้ำคอม้าจะประสบพบเจอโชคดี หรือขอพรแล้วสมหวังตามใจต้องการ