โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ท่องเที่ยว

เที่ยว “สมุย-พะงัน” ตามรอยพระพันปีหลวง

เดลินิวส์

อัพเดต 30 พ.ย. เวลา 07.09 น. • เผยแพร่ 30 พ.ย. เวลา 03.30 น. • เดลินิวส์
เมื่อวันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2505 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนเกาะสมุยและเกาะใกล้เคียง

การเสด็จพระราชดำเนินในครั้งนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการเสด็จประพาสภาคใต้ ระหว่างวันที่ 22-24 เมษายน พ.ศ. 2505 โดยทรงใช้ เรือพระที่นั่งจันทร เมื่อเสด็จถึงบริเวณอ่าวหน้าทอนทรงเปลี่ยนจากเรือพระที่นั่งจันทรมาประทับเรือขนาดเล็ก เพื่อขึ้นเทียบท่าที่สะพานขึ้นสู่เกาะสมุย ทรงประทับ รถยนต์พระที่นั่งเพื่อเสด็จฯไปยังสถานที่ต่าง ๆ บนเกาะสมุย

อ่าวหน้าทอน” เป็นจุดที่เสด็จขึ้นเกาะสมุยและทรงมีพระราชปฏิสันถารกับราษฎรที่มารอเฝ้ารับเสด็จ ปัจจุบันบริเวณหาดหน้าทอนยังคงทำหน้าที่เป็นเสมือนชานบ้านที่ต้อนรับผู้มาเยือน เพราะด้วยความที่มีท่าเทียบเรือรับ-ส่งนักท่องเที่ยว ทั้งที่เดินทางท่องเที่ยวบนเกาะและไปยังเกาะบริวารอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นเกาะพะงัน อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง เกาะเต่า และเกาะนางยวนใน ขณะเดียวกันที่นี่คือย่านชุมชนชาวเกาะเก่าแก่ที่ยังคงเต็มไปด้วยบรรยากาศของวันวาน เพิ่มเติมด้วยสตรีทอาร์ทที่บอกเล่าเรื่องราวของคนหน้าทอนแห่งเกาะสมุย มีร้านอาหารเก่าแก่ มีคาเฟ่เปิดใหม่ริมทะเลที่ตั้งใจให้มานั่งชิลเพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศยามเย็น เพราะที่นี่คืออีกหนึ่งแห่งที่มีภาพพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม ต่อเนื่องไปถึงยามค่ำคืนมีตลาดโต้รุ่งที่สามารถหาอาหารท้องถิ่นลิ้มลองได้มากมาย

ที่ น้ำตกหน้าเมือง” ทั้งสองพระองค์ทรงประทับสำราญพระราชอิริยาบถ และเสวยพระกระยาหารกลางวัน ณ บริเวณน้ำตก ที่นี่เป็นสถานที่เคยเสด็จประพาสของพระมหากษัตริย์ของไทยหลายพระองค์ ทั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7

ปัจจุบันกรมป่าไม้จัดตั้งให้เป็นวนอุทยานน้ำตกหน้าเมือง เป็นน้ำตกที่เกิดจากภูเขาใหญ่ที่อยู่ใจกลางเกาะ โดยสายน้ำตกจะไหลจากหน้าผาสูงกว่า 30-40 เมตร กว้าง 20 เมตร ด้านล่างมีลักษณะเป็นแอ่งน้ำนักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำสัมผัสความเย็นช่ำได้ มีโขดหินใหญ่น้อยเรียงรายตลอดธารน้ำไหล บริเวณรอบ ๆ รายล้อมไปด้วยสวยผลไม้ สวนมะพร้าวของชาวเกาะสมุย

นอกจากนี้ยังเสด็จพระราชดำเนินไปสักการะพระธาตุเจดีย์วัดศิลางูก่อนกลับด้วย วัดศิลางู มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า วัดราชธรรมาราม เป็นวัดราษฎร์เก่าแก่ที่ตั้งอยู่ในตำบลมะเร็ต อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี บางคนรู้จักในชื่อ วัดพระธาตุหินงู เพราะชาวชาวบ้านเรียกตามลักษณะของศิลาที่อยู่บริเวณชายหาดของวัด ซึ่งมีรูปร่างคล้ายเกล็ดงู เมื่อน้ำขึ้นจะดูเหมือนมีงูนอนอยู่ในทะเล ก่อตั้งเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2415

เจดีย์สีทองริมชายทะเลที่เป็นเอกลักษณ์ของวัดบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ภายใน เล่าว่าเป็นเจดีย์ที่หลวงพ่อเพ็ขร์ ติสฺโส เป็นผู้ริเริ่มสร้างขึ้น โดยให้หลวงพ่อศรีทอง ศรีชาย ร่วมกับพระดำ ใจกว้าง (หมื่นพยาธิบำบัด) เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างเพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุซึ่งได้มาจากการเดินทางไปธุดงค์ที่ลังกา และมีพิธีบรรจุ พระบรมสารีริกธาตุ เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ.2478 โดยเจ้าคุณพระอรรถทัศสิสุทธิพงศ์ แห่งวัดชีโทน อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นผู้มอบให้ ทุกปีจะมีการจัดงานสมโภชน์และนมัสการพระธาตุทุกวันที่ 24 เมษายน ของทุกปี ในวันเดียวกับที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จมาตั้งแต่ครั้งที่ยังเป็น “สำนักสสงฆ์ศิลางู”

ในภายหลังมีการก่อสร้างอุโบสถสีแดงขึ้นในปี พ.ศ.2550 โดยนำหินปูนเค็มนำมาทุบแล้วบดให้ละเอียด ก่อนนำมาผสมกับปูนก่อสร้างขึ้น โดยมีการผสมสีแดงเข้าไปด้วยจึงทำให้ได้สีแปลกตาอย่างที่เห็น ก่อสร้างในแบบศิลปะศรีวิชัยกึ่งบายน มหาอุด ผู้คนทั่วไปมักมาสักการะขอพรด้านโชคลาภและธุรกิจค้าขาย โดยมีการกล่าวถึงพญาเพชรภัทรนาคราชและพญานาคิณีอัญญารินทร์ธาสินีเทวีด้วย

ก่อนที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จะเสด็จมาถึงเกาะสมุย ในวันที่ 23 เมษายน พ.ศ.2505 ได้เสด็จพระราชดำเนินประภาส “เกาะพะงัน” ก่อน โดยเสด็จพระราชดำเนินไปที่ “น้ำตกธารเสด็จ” น้ำตกที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเกาะพะงัน ที่ซึ่งพระมหากษัตริย์ไทยในราชวงศ์จักรีเคยเสด็จประพาสหลายรัชกาล ตั้งแต่รัชกาลที่ 5 รัชกาลที่ 6 รัชกาลที่ 7 และรัชกาลที่ 9

ปัจจุบันน้ำตกธารเสด็จเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติธารเสด็จ เป็นป่าสงวนแห่งชาติ มีธารน้ำตก ชายหาด ป่าไม้ และสัตว์ป่าที่อุมดสมบูรณ์ไทยมีพื้นที่ 26,866 ไร่ ชื่ออุทยานแห่งชาติธารเสด็จ แปลว่า “แม่น้ำหลวง” พระราชทานนามตามการเสด็จพระราชดำเนินเยือนของ รัชกาลที่ 5 ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2431 และเสด็จกลับมาอีกถึง 14 ครั้งในช่วง 21 ปีต่อมา ซึ่งมีหลักฐานที่ทรงจารึกไว้ที่ก้อนหินบริเวณใกล้ ๆ น้ำตกธารเสด็จ ทั้งพระปรมาภิไธยย่อ จปร. ตัวเลข และตัวอักษรต่าง ๆ ที่มีจารึกไว้นับ 10 แห่ง และมีพลับพลาที่ประทับริมหาดธารเสด็จ ซึ่งเป็นจุดที่น้ำตกไหลลงสู่ทะเลที่อ่าวธารเสด็จ มี “เขาระ” เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของอุทยานและของเกาะพะงันทั้งหมด โดยมีความสูง 635 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล

ส่วน “หาดธารเสด็จ” ณ จุดสิ้นสุดของน้ำตกที่ไหลมาจากอุทยานแห่งชาติธารเสด็จจนมาบรรจบกับทะเล ทำให้ละแวกนี้มีความหลากหลายทางชีวภาพ และสิ่งมีชีวิตพันธุ์หายากบางชนิดอาศัยอยู่ แม้จะเป็นหาดเล็ก ๆ สงบเงียบแต่กลับมีร้านอาหารติดทะเลที่ตั้งโต๊ะเก้าอี้บนหาดให้นั่งเอาเท้าจุ่มลงบนทรายสีเหลืองทอง

นอกจากนี้ทั้งสองพระองค์ยังเสด็จพระราชดำเนินไปเยือน อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง” ด้วย ประกอบด้วยเกาะ 42 เกาะ กระจายตัวท่ามกลางทะเลใสสีมรกตที่ล้วนมีความสวยงามทางธรรมชาติและระบบนิเวศน์ โดยมีจุดไฮไลท์ ได้แก่ จุดชมวิวผาจันทร์จรัส จุดชมวิวทะเลใน กิจกรรมเดินป่าสำรวจเส้นทางธรรมชาติและกิจกรรมพายเรือคายัคชมเกาะน้อยใหญ่ลัดเลาะผ่านผาหินปูน หรือจะเดินสำรวจถ้ำหินงอกหินย้อย

“เกาะวัวตาหลับ” เป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานฯ ด้านหน้าเป็นหาดทรายขาวสะอาด ถัดไปเป็นทางเดินขึ้นไปบนยอดเขาระยะทาง 400 เมตร ซึ่งเป็นจุดชมทัศนียภาพของหมู่เกาะอ่างทองที่ทอดตัวเป็นแนวยาว ส่วน “ทะเลใน” หรือทะเลสาบกลางภูเขาอยู่บนเกาะแม่เกาะ มีเส้นทางเดินเป็นบันไดขึ้นไปชมทะเลใน มีน้ำทะเลสีเขียวมรกต โอบล้อมด้วยผาหินสูงชันและแมกไม้เขียวขจี มีทัศนียภาพที่สวยงาม

นอกจากนี้ยังมีเกาะที่เหมาะกับการดำน้ำชมปะการัง เช่น เกาะสามเส้า เกาะท้ายเพลา เกาะวัวกันตัง และเกาะหินดับ ซึ่งเป็นเกาะที่มีหาดทรายยาวที่สุดในอุทยานฯ อย่าลืมไปไปเช็คอิน “เกาะพะลวย” ที่มีทั้งทะเลแหวกบริเวณ “อ่าวเทียน” ของเกาะพะลวยเชื่อมไปยังเกาะหัวค่างทักที่จะพบเห็นได้ในช่วงต้นปี ฝูงนกแก็กหรือนกแกง นกเงือกขนาดเล็กที่สุดซึ่งเป็นเจ้าถิ่น “ถ้ำคอม้า” ช่องผาหินปูนเหนือผิวน้ำทะเลใสที่มีรูปร่างคล้ายคอม้าที่เชื่อกันว่าหากใครนั่งเรือลอดผ่านถ้ำคอม้าจะประสบพบเจอโชคดี หรือขอพรแล้วสมหวังตามใจต้องการ

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...