“ทักษิณ” รับกลัวความเสี่ยงเสถียรภาพทางการเมืองที่สุด
สำนักข่าวไทย Online
อัพเดต 18 กรกฎาคม 2568 เวลา 6.16 น. • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมทศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 17 ก.ค.- “ทักษิณ” รับ กลัวความเสี่ยงเสถียรภาพทางการเมืองที่สุด ชี้ ถ้าการเมืองเกิดการชะงักการบริหารประเทศก็จะชะงักตาม บอก เศรษฐกิจแย่มานาน จะแก้ข้ามคืนเป็นเรื่องยาก ต้องอาศัยความร่มมือ-เอาความหวังกลับให้คนไทย ลั่น
วิธีคิดไม่ตัน สิ่งที่ตนพูดทำได้ทุกอย่าง ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์พิเศษ กับ นายวีระ ธีรภัทร และ นางสาวชุติมา พึ่งความสุข พิธีกรรายการ “ฟังหูไว้หู” ของช่อง 9 MCOT HD ในงานเสวนา ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก Unlocking Thailand’s Future จัดโดยบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)
นายทักษิณ ได้ตอบคำถามถึงสิ่งที่หากทำได้สำเร็จจะทำให้ประเทศไทยพ้นกับดักได้หรือไม่ ว่า ต้องเอาเงินใหม่เข้าประเทศเยอะๆ เมื่อเงินสะพัดเกิดการใช้สอย เศรษฐกิจก็จะดี สมัยที่ตนหาเสียงไทยรักไทยมีแต่คนขายไม่มีคนซื้อ หลังจากที่เราแก้ปัญหาหนี้ได้ สร้างโอกาสใหม่ หลังจากนั้นขายดี แต่ในครั้งนี้เป็นโชคดีและโชคร้าย คือเศรษฐกิจแย่ โครงสร้างทางเศรษฐกิจเสียหายเยอะ แต่ดีที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆจึงมีทางลัดได้หลายอย่าง แต่เราต้องนำมาใช้ให้ได้ เม็ดเงินเราไม่มีโดยตรง เพราะหนี้เยอะ เราสามารถใช้เม็ดเงิน 2 ส่วน ซึ่งส่วนหนึ่งคือเม็ดเงิน ที่เกิดจากการสร้างเหรียญขึ้นมา เช่น เราเอาหนี้มาทำเป็นสภาพคล่อง เพราะปกติหนี้ไม่ใช้เป็นสภาพคล่อง แต่เราสามารถเอาหนี้มาทำเป็นสภาพคล่องด้วย จีโทเคน ( Government Token) ที่กำลังจะออก
เมื่อถามว่า สมมุติว่าหากทำได้จากที่นายทักษิณพูดจากนี้ไปอีกกี่ปีที่ประเทศไทยจะลืมตาอ้าปาก นายทักษิณ กล่าวว่า ตนคิดว่าทุกอย่างมันแย่มานาน จะให้เสร็จภายในข้ามคืนมันยาก แต่เราก็ต้องเริ่ม ระบบเราช้า ตนได้บอกกระทรวงการคลังว่าเรามาทำจีโทเคนกันหรือไม่ ซึ่งต้องใช้เวลาสักพักกว่าเขาจะเข้าใจ แล้วเมื่อเข้าใจก็กลัวแต่ไม่ทันใจ ซึ่งสมมุติว่าตนจะเอาหนี้มาขายทั่วไป และในวันนี้พันธบัตรก็ขายสถาบันต่างชาติ เมื่อขายเราก็ให้สั้นหน่อย สมมุติว่าอยากจะไปซื้อรถยนต์ และรถยนต์รับพันธบัตร ซึ่งพันธบัตรต้องเสียภาษี รัฐจะได้อยู่ที่ 7% ถ้าเอาส่วนนี้มาจ่ายดอกเบี้ย 3% จะทำให้เกิดสภาพคล่อง เศรษฐกิจหมุนเวียน
ส่วนจะทำปาฏิหาริย์ให้กลับมาเป็นครั้งที่ 2 จากปี 2532 ได้หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ถ้าเราจะทำ แล้ววันนี้เป็นลักษณะของรัฐบาล ต้องอาศัยความร่วมมือ ถ้าความร่วมมือกันมันไม่ยาก วิธีคิดเราไม่มีตันเด็ดขาด ฉะนั้น ที่สำคัญที่สุดในวันนี้คือเอาเงินในทุกสภาพเข้ามาใช้ในประเทศไทยให้มากที่สุด
เมื่อถามว่าโมเดลเหมือนเป็นสูตรเดิม มีส่วนผสมอะไรใหม่ นายทักษิณ กล่าวว่า สูตรเดิมแต่ปรุงใหม่ ยกตัวอย่างเช่น วันนี้รูปแบบการท่องเที่ยวเปลี่ยนไป เราจะดูวัตถุโบราณอย่างเดียวไม่พอแล้ว ก็ต้องสร้างสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นอะไรขึ้นมาบ้าง และที่สำคัญที่สุดคือประเทศไทยเรามีบริการที่ดีที่สุดในโลก เพียงแต่คนเหี่ยวเพราะรายได้ไม่มี ฉะนั้น ต้องให้คนไทยคึกคักขึ้นมาใหม่
เมื่อถามว่าตอนนี้ แววตาของคนไทยดูเป็นประกาย นายทักษิณ กล่าวว่าคนไทยตอนนี้ไม่มี(Hope)ความหวัง วันนี้เราต้องเอา ความหวังกลับมาให้คนไทย ตนพยายามจะพูดให้คนไทยมีความหวัง และตนไม่เคยมองอะไรยาก แต่บางอย่างต้องใช้เวลาและพยายามขอความร่วมมือสิ่งที่ตนพูดทำได้ทุกอย่าง ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้เลย
เมื่อถามว่า ตอนนี้อะไรคือความเสี่ยงหลักของประเทศ ที่ท่านกลัวที่สุดตอนนี้ นายทักษิณ กล่าวว่า วันนี้ตนเป็นห่วงเรื่องเสถียรภาพทางการเมือง ทำให้การทำงานไม่ต่อเนื่อง และบางคนเป็นประเภทแบบนกรู้ รู้ไม่รู้ก็ทำเป็นนกรู้ก่อน ซึ่งจะเกิดการชะงักเล็กน้อย ถ้าการเมืองเกิดการชะงักการบริหารประเทศก็จะชะงักตาม ฉะนั้น สิ่งที่เป็นปัญหาตอนนี้คือเสถียรภาพทางการเมือง และจริงๆแล้วจากผลสำรวจคนสนใจคำว่าความหวังถึง 62% เพราะเขากังวลเรื่องของความมั่นคงทางการเงินของเขาเองในทุกครอบครัว ส่วนเรื่องการเมืองเหลือ 3% ตอนนี้ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ตนคิดว่ารัฐบาลอ่อนที่สุดคือการสื่อสารกับประชาชน ที่ตนพยายามช่วยพูดคืออยากช่วยสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจว่างานทำอยู่และกำลังทำหลายเรื่อง ต้องอธิบายให้เข้าใจแค่นั้นเอง ส่วนเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตไม่ได้จบ ได้ทำไปบางกรุ๊ปแล้ว แต่วันนี้ถือเงินไว้เพราะเจอภาษีทรัมป์ ถ้าเจอปัญหาขึ้นมาต้องดูว่าทำอย่างไรไม่ให้โรงงานเจ๊ง
เมื่อถามถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ถือว่าจบแล้วใช่หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่ได้จบ ทำไปแล้วบางส่วน บางกรุ๊ปแล้ว แต่วันนี้ต้องเก็บเงินไว้เพราะเจอภาษีทรัมป์
เมื่อถามต่อว่าตอนที่เราจะให้เงินที่เป็นดิจิตอลทัลจริงๆ ที่มีบล็อกเชน ให้คนกลุ่มอายุ 16-20 ปี ทำไมตอนนั้นถอดใจไม่ทำต่อ นายทักษิณ กล่าวว่า เงินไม่พอ เพราะเราต้องเก็บเงินไว้เก็บเงินเพื่อแก้ปัญหา ถ้าเราจะเพิ่มเพดานหนี้ก็ได้แต่ไม่ควรทำ
ส่วนเรื่องเอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ ในเมื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้ามาใหม่ 10 กว่าคน ก็ควรให้เขารีวิวหน่อย เพราะเนื่องจากมีคนค้านอยู่จำนวนหนึ่ง ตนสนใจว่ามีหลายกลุ่มของประชาชนที่ไม่เข้าใจยังมีอยู่ และครม.ใหม่ที่เข้ามาเพื่อความเป็นธรรมควรที่รู้ว่าเป็นอย่างไร.-316 -สำนักข่าวไทย