แอมเนสตี้แฉ! กัมพูชาล้มเหลวหนัก ปล่อยแก๊งคอลเซ็นเตอร์-ค้ามนุษย์อาละวาดเป็นธุรกิจชาติ
เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.องค์กรนิรโทษกรรมสากล (Amnesty International) เผยแพร่รายงานฉบับใหม่สุดสะเทือนใจในชื่อ “I was someone else’s property: slavery, human trafficking and torture in Cambodia’s scamming compounds” หรือ “ฉันเคยเป็นทรัพย์สินของคนอื่น” เปิดโปงปัญหาการค้ามนุษย์ แรงงานทาส และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา ที่มีความเกี่ยวโยงกับอาชญากรทุนจีนและภาครัฐอย่างลึกซึ้ง
แอมเนสตี้ใช้เวลาสืบสวนกว่า 1 ปีครึ่ง ลงพื้นที่กว่า 50 จุดทั่วกัมพูชา และสัมภาษณ์เหยื่อจำนวนมาก สรุปว่า รัฐบาลกัมพูชาล้มเหลวโดยสิ้นเชิงในการจัดการปัญหานี้ แถมยัง "หลิ่วตา" ยอมให้ธุรกิจมืดดำเนินไปได้อย่างเปิดเผย
หนึ่งในเหยื่อคือ “ลิซ่า” หญิงสาวชาวไทยที่ถูกหลอกให้ข้ามแดนไปทำงานโรงแรม แต่กลับถูกขังทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์นาน 11 เดือน ถูกซ้อมด้วยท่อนเหล็กจนช้ำทั้งตัว ทุกครั้งที่เธอร้อง ก็ยิ่งถูกซ้อมหนักขึ้น
สถานที่กักขังเหยื่อมักเป็นตึกเก่าที่เคยเป็นโรงแรมหรือคาสิโน ก่อนจะถูกดัดแปลงติดลวดหนามและกล้องวงจรปิด กลายเป็น “ค่ายแรงงานนรก” มีรายงานว่ามีคนเสียชีวิตบ่อยครั้ง บ้างกระโดดตึกเพราะถูกบังคับหรือหมดหวัง
ที่เลวร้ายไปกว่านั้น บางกรณีเหยื่อที่หนีออกมาแล้วขอความช่วยเหลือจากตำรวจ กลับถูกเจ้าหน้าที่แจ้งให้แก๊งมารับตัวกลับไป ขณะเดียวกัน นักข่าวและนักสิทธิมนุษยชนที่พยายามเปิดโปงก็ถูกจับกุมแทบทุกราย
แม้รัฐบาลกัมพูชาจะอ้างว่าให้ความร่วมมือนานาชาติในการกวาดล้างขบวนการนี้ แต่ความจริงคือ เมื่อสื่อจับตา รัฐบาลอาจช่วยเหยื่อบางส่วนออกมา แต่กิจกรรมของแก๊งกลับยังดำเนินต่อในอาคารเดิม
แอมเนสตี้ระบุว่า มีผู้คน “นับล้าน” ทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบจากขบวนการนี้ ทั้งในฐานะเหยื่อโดยตรง และเหยื่อทางอ้อมจากการถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง
อ่านฉบับเต็มที่นี่ อ้างอิง : www.amnesty.org