“อิ๊งค์” เข้ามุมอับ !?
ทีมข่าวคิดลึก
การชุมนุมกดดันให้ “แพทองธาร ชินวัตร” ประกาศลาออก โดย “ม็อบรวมพลังแผ่นดิน” เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 68 ที่ผ่านมา นับเป็นวันแรกของการเปิดปฏิบัติการ “นับหนึ่ง” ปลุกแรงกดดันบน “ท้องถนน”
และกำลังดำเนินควบคู่ไปกับความยุ่งยาก เมื่อรัฐบาลต้องเผชิญกับ “เกมในสภา” เมื่อเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยสามัญ ในวันที่ 3 ก.ค.เป็นต้นไป เพราะอย่าลืมว่า “พรรคภูมิใจไทย” ที่บัดนี้เปลี่ยนสถานะจาก “รัฐบาล” ไปสู่ “ฝ่ายค้าน” เต็มตัว และยังประกาศด้วยว่าพวกเขาจะทำหน้าที่ ฝ่ายค้านเต็มรูปแบบ ด้วยผสมกับ “ความแค้น” ที่ถูกปรับออก
การปรับครม.จาก “อิ๊งค์ 1” ไปสู่ “อิ๊งค์ 2” ได้มีการนำรายชื่อ “รัฐมนตรีใหม่”ขึ้นทูลเกล้าฯไปแล้วเมื่อวันที่ศุกร์ที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา แม้ “พรรคเพื่อไทย” จะได้ควบคุม “กระทรวงมหาดไทย” เอาไว้ในมือ ตามประกาศิตของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ แล้วก็ตาม
แต่จะมีประโยชน์อันใด เมื่อวันนี้ภารกิจการผลักดัน “ร่างพ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ต้องถูก “เลื่อนออกไป” จะด้วยเพราะมีเสียงวิจารณ์ว่า ส่วนหนึ่งมาจากการ “ขอ” จาก “ฝั่งกัมพูชา” และอีกด้านหนึ่งเพราะเพื่อไทย ย่อมรู้ดีว่าการเป็น “รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ” เมื่อมีเสียงมากกว่า “ฝ่ายค้าน” เพียง “17 เสียง” โอกาสเพลี่ยงพล้ำใช่ว่าจะไม่เกิดขึ้น
แม้ทักษิณ จะมี “มือทำงาน” อย่าง “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” สส.พะเยา ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ทำหน้าที่สะสมกำลังพล หาสส.จาก “ฝั่งฝ่ายค้าน” มาตุนเอาไว้ในมือ ระบุตัวเลขว่ามีมากถึง 37เสียง ในสภาฯ
แต่อย่าลืมว่า การเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ คือการพาตัวเองไปยืนอยู่ในทุกความเสี่ยง ยังไม่นับรวม “อำนาจต่อรอง” ที่พรรคเพื่อไทย ตกเป็นฝ่าย “เสียเปรียบ” เมื่อต้องง้อ พรรคร่วมรัฐบาลที่ยังเหลืออยู่ให้ร่วมกันประคอง เก้าอี้นายกฯแพทองธาร ต่อไป
การปรับครม.ใหม่ นอกจากไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ภายในรัฐบาลผสม ดีขึ้นแล้ว ยังกลายเป็นการ “สร้างปัญหาใหม่” ทำให้ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ในสภาพที่อ่อนแอ และอ่อนแรงลงทุกขณะ ไม่เว้นแม้แต่ตัวนายกฯเอง ที่ต้องเตรียมตัว “ตั้งรับ” กับ “คดีความ” ที่กำลังจ่อคิว โดยเฉพาะการลุ้นระทึกว่าในวันที่ 1 ก.ค.นี้ ในการประชุมพิจารณาหารือกันของ “ศาลรัฐธรรมนูญ” จะมีมติรับคำร้องจากสว.สายสีน้ำเงิน ให้มีคำวินิจฉัยถอดถอน ออกจากตำแหน่ง กรณี “คลิปเสียง” สนทนากับ “ฮุน เซน” อดีตผู้นำกัมพูชา หรือไม่
และหากรับ ศาลรัฐธรรมนูญ จะสั่งให้นายกฯแพทองธาร “หยุดปฏิบัติหน้าที่” ตามมาหรือไม่ ด้วยเหตุนี้การปรับครม.ครั้งนี้ พรรคเพื่อไทยจึงต้องใช้ “แผนรับมือ” ให้นายกฯอิ๊งค์ ต้องนั่งควบ “รมว.วัฒนธรรม” ใช้ “ประยุทธ์โมเดล” !