“เท้ง” มอง นายกฯ คนนอก เลวร้ายไม่ต่างจากรัฐประหาร ชี้ “แพทองธาร” ไร้ประสิทธิภาพสื่อสาร
“เท้ง ณัฐพงษ์” มอง คะแนนนิยม “แพทองธาร” ตก เหตุขาดความเชื่อมั่นในสถานการณ์บ้านเมือง ชี้ นายกฯ คนนอก คือความเลวร้ายไม่ต่างจากรัฐประหาร เตือนม็อบระวังถูกแกนนำใช้เป็นเครื่องมือ ชี้สาเหตุนายกฯ ถูก “ฮุน เซน” ทำลาย เหตุไร้ประสิทธิภาพสื่อสาร
วันที่ 30 มิถุนายน 2569 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์รัฐสภา ถึงผลสำรวจนิด้าโพล ที่คะแนนนิยมของตนเองยังคงมีคะแนนนำ แต่กลับกันที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลดลง โดยนายณัฐพงษ์ ระบุว่ารู้สึกดีใจ ขอบคุณประชาชนทุกคนที่มอบความไว้วางใจให้ตนและประชาชนมากยิ่งขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ประมาท และเป็นห่วงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อพูดตามข้อเท็จจริงว่าคะแนนนิยมที่ตกลงของนายกรัฐมนตรี หรือการขาดความเชื่อมั่น ต้องส่งผลอีกด้านหนึ่งที่ทำให้แคนดิเดตชื่อและพรรคในโพลเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการขาดความเชื่อมั่นในรัฐบาลปัจจุบัน
ส่วนจะสะท้อนไปถึงผลในสนามการเลือกตั้งใหญ่ปี 2570 ได้หรือไม่นั้น นายณัฐพงษ์ มองว่า ผลมีขึ้นมีลง ก่อนจะถึงสนามการเลือกตั้งตนคิดว่าความคงเส้นคงวา การสื่อสารและปฏิบัติงานอยู่บนหลักการเพื่อประโยชน์ของประชาชน จะนำมาสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งในอนาคต แต่วันนี้จนถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า หากทิ้งหลักการทำงาน เลือกใช้เอาผลประโยชน์ระยะสั้นของตัวเอง ก็เชื่อว่าประชาชนจะมองออก และไม่ได้หมายความว่าผลในวันนี้จะนำมาสู่การเลือกตั้งในอนาคต
ผู้สื่อข่าวถามถึงชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรี ที่อยู่ในลำดับที่ 3 ของโพล มีนัยทางการเมืองอะไรในขณะนี้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ ตอบว่า ที่ผ่านมาไม่เคยมีชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในโพล แต่ครั้งนี้กลับมีชื่อเข้ามา ได้คะแนนไป 12% ขณะเดียวกัน คะแนนของ น.ส.แพทองธาร ที่ตกลงเป็นการสะท้อนไปถึงความไม่เชื่อมั่นของประชาชน และเลือกที่อยากจะมีนายกรัฐมนตรีที่เข้มแข็งมาจากฝ่ายทหาร แต่เราต้องสื่อสารกับประชาชนว่า สิ่งที่เราไม่อยากเห็นคือการมีนายกรัฐมนตรีที่เคยทำการรัฐประหาร ช่วงสถานการณ์หัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้อยากให้ทุกคนยืนอยู่บนหลักการปฏิเสธการรัฐประหารให้หนักแน่น ไม่เปิดช่องทางให้การกระทำเหล่านั้น
สำหรับโอกาสที่จะสภาฯ จะใช้ “นายกรัฐมนตรีคนนอก” หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองนั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่เราไม่อยากเห็น เพราะถือเป็นความเลวร้ายนอกเหนือจากการรัฐประหาร สถานการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้ ตนก็มองว่ามีความเป็นไปได้ที่จะถึงจุดนั้น ฉะนั้น พรรคประชาชนจึงพยายามประเมินสถานการณ์ ตัดสินใจอย่างมีวุฒิภาวะละเอียดรอบคอบ รวมถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 ที่พรรคก็ยืนยันว่าจะทำอย่างเต็มที่ แต่ต้องขอประเมินสถานการณ์ที่ถูกต้อง เป็นทางออกให้สังคม ซึ่งจะมีการประชุมร่วมของพรรคฝ่ายค้านคาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะได้คำตอบ
ผู้สื่อข่าวถามต่อถึงการเสนอรายชื่อเพื่อเข้ารับการเลือกเป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 2 นายณัฐพงษ์ กล่าวตอบว่า พรรคประชาชนเสนอไม่ได้ เพราะขัดกับกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ว่าผู้นำฝ่ายค้านไม่สามารถมาจากพรรคการเมืองที่ดำรงตำแหน่งประธานหรือรองประธานสภาฯ ได้ ส่วนพรรคอื่นจะเสนอหรือไม่ก็เป็นสิทธิของพรรคอื่น ทางด้านคำถามว่าหากพรรคภูมิใจไทยจะเสนอ พรรคประชาชนจะสนับสนุนหรือไม่นั้น นายณัฐพงษ์ เผยว่า ต้องมีการประชุมในสัปดาห์นี้ก่อน แต่ยังมีความกังวลใจว่าถ้าพรรคภูมิใจไทยเสนอชื่อและได้รับเลือกนั้น ทางนิตินัยจะถือว่าเป็นพรรคฝั่งรัฐบาล แม้ว่าทางพฤตินัยจะอยู่ในฝ่ายค้าน ซึ่งจะส่งผลถึงการนับเสียงในการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญด้วย จึงต้องพูดคุยอย่างรอบคอบ
นายณัฐพงษ์ ยังได้แสดงความเห็นกรณีกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย ออกมาชุมนุมเรียกร้องให้ น.ส.แพทองธาร ลาออก โดยเชื่อว่ากลุ่มผู้ชุมนุมออกมาเรียกร้องด้วยความบริสุทธิ์ใจ อยากให้มีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี เพียงแต่ว่าวิธีการในการเปลี่ยนตัวมีหลายแบบ ทั้งนายกรัฐมนตรีลาออกเอง การใช้กระบวนการนิติสงครามถอดถอน หรือการที่นายกรัฐมนตรีตัดสินใจยุบสภาเลือกตั้งใหม่ รวมถึงช่องทางที่ไม่เป็นไปตามประชาธิปไตย เช่น การปฏิวัติรัฐประหาร
แม้กลุ่มผู้ชุมนุมจะชุมนุมด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่เรามีความเป็นห่วง เพราะอาจจะมีความต้องการของบางกลุ่มก้อนที่ฉกฉวยสถานการณ์เพื่อเรียกร้องกระบวนการนอกรัฐธรรมนูญหรือกระบวนการที่เป็นไปตามประชาธิปไตย ข้อเรียกร้องอย่างเป็นทางการของกลุ่มที่ชุมนุมคือ การเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกและพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว แต่แกนนำหลายคนเป็นคนเดิมๆ ที่เคยเรียกร้องชุมนุมต่อต้านซึ่งนำไปสู่การปฏิวัติรัฐประหารในอดีต
“แม้ในเวทีชุมนุมอาจจะไม่ได้พูดชัดเจนว่า เรียกร้องให้มีการปฏิวัติรัฐประหาร แต่ก็ไม่ได้พูดชัดเจนเพียงพอว่าไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติรัฐประหาร กลับเปิดช่องว่างถ้าจะปฏิวัติก็ไม่อยากเห็นนายกฯ ที่มาจากทหาร สิ่งต่างๆ ทำให้เรามีข้อกังวลว่าการชุมนุมมีวัตถุประสงค์แอบแฝงโดยแกนนำหรือไม่ จึงขอสื่อสารไปยังทุกคน การชุมนุมเรียกร้องให้นายกฯ ลาออก เป็นสิ่งที่สามารถชุมนุมเรียกร้องได้ แต่ต้องระมัดระวังไม่ให้ตัวเราถูกเป็นเครื่องมือของคนที่เรียกร้องกระบวนการนอกรัฐธรรมนูญ”
ส่วนการออกชุมนุมเรียกร้องจะกลายเป็นเข้าทางฝั่งกัมพูชาที่ต้องการให้เปลี่ยนแปลงรัฐบาล หรือเกิดความวุ่นวายหรือไม่ นายณัฐพงษ์ มองว่า สาเหตุหลักที่ทำให้มาถึงจุดนี้ ทั้งความไร้เสถียรภาพหรือความไม่แน่นอนระหว่างปัญหาไทย-กัมพูชา คือการขาดความชัดเจนและขาดประสิทธิภาพในการสื่อสารของรัฐบาล หลายครั้งที่มีการเจรจาฝ่ายกัมพูชามักจะออกมาสื่อสารก่อนหน้าเรา ขณะที่การวางตัวของนายกรัฐมนตรี การเจรจาไม่ว่าจะเป็นหน้าบ้านหรือหลังบ้าน หากใช้บทบาทวางตนเองในฐานะผู้นำประเทศ รัฐต่อรัฐ การสนทนาก็จะไม่ได้ออกมาเป็นรูปแบบนี้ แต่ถ้าใช้วิธีการความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวต่อครอบครัว บทสนทนาก็เปลี่ยนไปอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เอามาใช้ประโยชน์ทำลายฝั่งไทย.
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath