ชาวบ้านยังผวา กลัวทหารเขมรยิงมั่วอีก ยังหลอนรอยสะเก็ดระบิด BM 21 พรุนสังกะสี เหลือให้เห็น สงครามไทย-กัมพูชา ปี 54และรพ.
สุรินทร์ –รอยสะเก็ดระบิด BM 21 พรุนสังกะสี เหลือให้เห็น สงครามไทย-กัมพูชา ปี 54 ทหารเขมรยิงจรวด BM 21 ใส่หมู่บ้านร่มเย็น เหตุการณ์ตามหลอกหลอน ชาวบ้านยังผวา ไม่อยากให้เกิดสงคราม กลัวทหารเขมรยิงมั่วอีก ไม่สนเขตนอกพื้นที่สู้รบ หมู่บ้าน โรงเรียนและโรงพยาบาล
วันนี้ 7 ก.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์สงครามชายแดนไทย-กัมพูชา เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เมื่อ ปี พ.ศ.2554 ในพื้นที่ จ.สุรินทร์ ครั้งนั้นทหารกัมพูชาได้ยิงถูกจรวด BM 21 มาตกในพื้นที่หมู่บ้านเขื่อนแก้ว ต.กาบเชิง จ.สุรินทร์ โดยลูกระเบิดตกใส่ที่บริเวณต้นไม้ใหญ่หน้าบ้านของนางจิตร ศรีดาพันธ์ อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21 ม.13 บ.เขื่อนแก้ว ต.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ทำให้ต้นใม้หักโค่น และเกิดสะเก็ดระเบิดแตกกระจายไปถูกที่บริเวณหน้าบ้านและร้านค้าของนางจิตร ศรีดาพันธ์ ที่อยู่ติดถนนทางหลวงสายหลัก อ.ปราสาท-ช่องจอม รวมทั้งศาลาที่พักริมทางที่อยู่หน้าบ้าน พังเสียหายทั้งแถบ สร้างความเสียหายกับทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก หน้าบ้าน ผนังบ้าน หลังคา ถูกสะเก็ดระเบิดเป็นรูพรุนเต็มไปหมด โชคดีที่ขณะเกิดเหตุนางจิตร ศรีดาพันธ์ และคนในครอบครัวไม่ได้อยู่บ้าน ไปนั่งเล่นอยู่ที่บ้านเพื่อนบ้านอีกหลัง อยู่เพียงลูกชายคนเดียวที่รอดออกมาได้ คลานหนีตายออกมา โชคดีที่ลูกระเบิดไม่ลงกลางบ้าน
โดยนางจิตร ศรีดาพันธ์ ยังได้ชี้ร่องรอยของสังกะสีหลังคาบ้าน ที่ถูกสะเก็ดระเบิดเป็นรูพรุ่น ที่หลงเหลือให้เห็น ก่อนจะนำมทำเป็นผนังร้านอาหารตามสั่งในปัจจุบัน พร้อมกับพาไปดูร่องรอยสะเก็ดระเบิดตามเสาหน้าบ้านและโต๊ะไม้ที่เป็นรูพรุนต่างๆและได้ซ่อมแซมอุดรอยแล้ว เหตุการณ์ครั้งนั้น ยังตามหลอกหลอนนางจิตร ศรีดาพันธ์ และครอบครัวจนถึงทุกวันนี้ และไม่อยากให้เกิดสงครามอีก อีกอย่างไม่ค่อยเชื่อมั่นทหารกัมพูชา หากสู้รบกันแล้ว มักจะยิงมั่วเข้ามาฝั่งไทยไม่สนใจว่าจะถูกบ้านเรือน โรงเรียน โรงพยาบาลของประชาชนหรือไม่ อีกด้วย ซึ่งหมู่บ้านเขื่อนแก้ว ก็อยู่ไม่ไกลจาก รพ.กาบเชิง เพียงแค่ 2 กิโลเมตรเท่านั้นก็ยังจะยิงเข้ามา
นางจิตร ศรีดาพันธ์ ผู้เคยประสบเหตุสงครามไทย-กัมพูชา กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุก็ได้ยินเสียงปืนใหญ่สู้รบดังขึ้นฝั่งปราสาทตาควาย ก็มีการประกาศให้อพยพก่อน 6 โมงเย็น หกโมงกว่าตนอยู่ที่บ้านของเพื่อนบ้าน เขมรก็ยิงมาลงที่หน้าบ้าน โดนต้นไม้ใหญ่ สะเก็ดก็กระจายโดยบ้านพังทั้งแถบ รอยสะเก็ดที่เห็นด้านหลัง เสียงดังมาก ลูกชายอยู่บ้านตอนเกิดเหตุ เขาคลานออกจากบ้านไปขอความช่วยเหลือ ตอนที่เขมรยิงเห็นแดงโล่บนท้องฟ้ามาเลยหลายลูกมาเป็นแผงเลย ตอนเกิดเหตุก็เป็นห่วงลูกชายและญาติที่อยู่บ้านใกล้ๆ แฟนก็พาขับฝ่าเข้ามากลัวก็กลัว มาถึงหน้าบ้านก็เห็นไฟไหม้หญ้า ควันขึ้นขโมงบนต้นไม้ ไฟก็ดับ ต้นไม้หักล้มระเนระนาดหมด รีบพากันหนีเข้าบังเกอร์ร่วมชั่วโมง ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงปืนทหารไทยระดมยิงใส่ไปฝั่งเขมรเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ตนไม่เคยคิดว่าเขมรจะยิงเข้ามาแถวนี้ เพราะบริเวณนี้ไม่ได้มีข้อพิพาทย์อะไร ทหารเขมรยิงสาดมาเลย โดนตรงไหนก็ช่างขอให้ได้ยิง เหตุการณ์ผ่านไปสิบกว่าปีก็ยังกลัวอยู่ เวลาฝนตกฟ้าผ่าก็ยังรู้สึกตกใจกลัวอยู่ ยังติดตามอยู่ ไม่อยากให้มีสงคราม ฝากให้รัฐบาลหาทางเจรจา อย่างสันติวิธี อย่าให้เขามายุ่งกับปราสาทของเรา ชาวบ้านจะได้ทำมาหากิน แค่นี้การค้าขายก็แย่อยู่แล้ว เงียบเหงามาก ขายของไม่ได้เลย ส่วนที่พักของ จนท.นิคมสร้างตนเองเลี้ยงไหม อ.กาบเชิง ที่อยู่ข้างบ้านตนก็พังเสียหาย จนถูกรื้อถอนออกเห็นแต่ซากถึงทุกวันนี้