ดิโอโก้ โชต้า ตำนานตลอดกาล! 5 เกมสำคัญที่ยังคงตราตรึงในความทรงจำแฟนบอลลิเวอร์พูล
การไปอย่างไม่มีวันหวนกลับของ สตาร์ทีมชาติโปรตุเกส สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการลูกหนังอย่างมาก โดยเฉพาะแฟนบอล "หงส์แดง" ที่ถึงขนาดเรียกร้องให้สโสรยกเลิกเสื้อเบอร์ 20 เพื่อเป็นเกียรติให้กับนักเตะที่ชื่อว่าจงรักภักดีกับทีมนับตั้งแต่ย้ายมาเล่นในแอนฟิลด์ช่วงซัมเมอร์ปี 2020
สำหรับสาวก "เดอะ ค็อป" รู้ดีว่า โชต้า เป็นนักเตะที่รักสโมสรมาก และไม่เคยปริปากบ่นหรือเรียกร้องอะไรเลยต้นสังกัดเลย ที่สำคัญเขาพร้อมลงทำหน้าที่ตามที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ หรือ อาร์เน่อ สล็อต สั่งไม่ว่าจะเป็นตัวจริงหรือตัวสำรอง
เพื่อเป็นการไว้อาลัยและระลึกถึงหนึ่งในนักเตะที่แฟนบอลลิเวอร์พูล ให้ความเคารพและรักอย่างมาก จึงได้คัดเลือกแมตช์ที่ โชต้า มีส่วนสำคัญในการช่วยทีมคว้าชัยชนะซึ่งแน่นอนว่ามีอยู่มากมาย แต่ที่สาวก "เดอะ ค็อป" ส่วนใหญ่จดจำได้เป็นอย่างดีและไม่มีวันลืมน่าจะเป็น 5 เกมดังต่อไปนี้
1. สัมผัสแรกตีเสมอ ฟอเรสต์
แมตช์ที่ต้องไปเยือนถิ่น ซิตี้ กราวนด์ ของ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ มีความสำคัญอย่างมาก เพราะเป็นช่วงต้นปี 2025 และฟอร์ม ลิเวอร์พูล ค่อนข้างฝืดหลังทำได้แค่เสมอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-2 ที่แอนฟิลด์
ตอนนั้น อาร์เซน่อล กำลังเริ่มมีความหวังในการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก กับทัพ "หงส์แดง" เพราะพวกเขาค่อยๆ ทำแต้มไล่มาแบบห่างๆ อย่างห่วงๆ และถ้าหาก ลิเวอร์พูล สะดุดอีกเกมในแมตช์เยือน "เจ้าป่า" อาจส่งผลกระทบกับการลุ้นแชมป์ได้
เกมนั้นเจ้าบ้านได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจาก คริส วู้ด ตั้งแต่นาทีที่ 8 หลังจากนั้น "เดอะ เร้ดส์" พยายามโหมบุกกระหน่ำแต่จนแล้วจนรอดก็ยิงไม่ได้ แถมเกือบโดนประตูที่สองหลายครั้ง โดยสถานการณ์แบบนี้หากทีมแพ้จะทำให้ อาร์เซน่อล ขยับเข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้น
จนกระทั่งโค้ชอาร์เน่อ ส่ง โชต้า ลงมาพร้อมกับ คอสตาส ซิมิกาส ซึ่งตอนนั้นทีมได้เตะมุมพอดี และ "กรีก สเกาเซอร์" เปิดบอลให้ สตาร์จากแดนฝอยทอง โหม่งตีเสมอ 1-1 ในนาทีที่ 60 ซึ่งเป็นสัมผัสแรกของทั้งสองคนในเกมนั้นด้วย
แม้สุดท้ายเกมจะจบลงด้วยการแบ่งกันไป 1 คะแนน แต่ถือเป็นแต้มที่มีค่ามากๆ เพราะทำให้ ลิเวอร์พูล ยังคงรักษาระยะห่างจาก ทีมของกุนซือมิเกล อาร์เตต้า ได้พอสมควร
2. ประตูโทนคว่ำ เอฟเวอร์ตัน
สำหรับเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ เป็นที่ทราบกันดีว่าเต็มไปด้วยความตึงเครียดและกดดันอย่างมาก โดยเฉพาะการที่ ลิเวอร์พูล เพิ่งบุกแบ่งแต้มแบบดราม่าที่กูดิสัน พาร์ค หลัง "หงส์แดง" โดนยิงประตูตีเสมอในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ
ก่อนเกมที่แอนฟิลด์ ทัพ "เดอะ เร้ดส์" อยู่ในช่วงระส่ำหลังแพ้ 2 เกมติดต่อกันนั่นก็คือการตกรอบศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และแพ้นัดชิง คาราบาว คัพ นั่นทำให้สภาพจิตใจของนักเตะค่อนข้างมีปัญหา และ โค้ชอาร์เน่อ จำเป็นต้องกระตุ้นลูกทีมในเกมสำคัญนี้ เพราะถ้าหากพลาดอีกอาจจะส่งผลต่อการลุ้นแชมป์ลีกช่วงโค้งสุดท้ายได้
แมตช์นี้ โชต้า ได้รับโอกาสลงตัวจริง และทำอะไรไม่ค่อยได้มากนัก แถมเกมยังเต็มไปด้วยความอึดอัดเพราะเจ้าบ้านโหมบุกกระหน่ำตลอด แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถเจาะตาข่ายเพื่อนรักร่วมเมืองได้ แถมยังเกือบโดนส่องประตู 2-3 ครั้งด้วย
อย่างไรก็ตาม ประสานงานระหว่าง หลุยส์ ดีอาซ กับ โชต้า ที่ทำชิ่งกันอย่างสุดยอด ก่อนที่เขาจะหลุดเข้าไปในเขตโทษก่อนจะหลอกแนวรับเอฟเวอร์ตัน และซัดบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายในนาทีที่ 57 กลายเป็นประตูชัย และเป็นประตูที่แทบจะดับความหวังของ อาร์เซน่อล ในการลุ้นแชมป์ลีกเลยทีเดียว
3. ตะบันประตูชัยทดเจ็บแมตช์ดราม่า สเปอร์ส
จะว่าไปแล้ว ลิเวอร์พูล ปะทะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ถือเป็นเกมที่อยู่ในความทรงจำของแฟนบอล "หงส์แดง" หลายแมตช์ ที่เกมที่พวกเขาจะไม่มีวันลืมเลือนและอยู่ในใจตลอดไปนั่นก็คือเกมเมื่อปี 2023 เพราะมีดราม่าสำคัญในช่วงท้ายเกมจากผลงานของ โชต้า
ต้องบอกว่าเกมดังกล่าว ลิเวอร์พูล ทำผลงานได้เหนือกว่า "ไก่เดือยทอง" อย่างมาก และได้ประตูนำไปก่อน 3-0 ตั้งแต่ช่วง 15 นาทีแรก และมีโอกาสบวกสกอร์เพิ่มหลายครั้ง แต่สุดท้ายจบครึ่งแรก "หงส์แดง" นำ 3-1
ครึ่งหลังเจ้าบ้านยังมีโอกาสยิงประตูได้หลายครั้งแต่ทำไม่สำเร็จ จนกระทั่งมาโดน ซน ฮึง-มิน ซัดประตูตีตื้นเป็น 2-3 ในนาทีที่ 77 ก่อนที่ ริชาร์ลีซอน จะตะบันตีเสมอ 3-3 ในช่วงทดเจ็บนาทีที่ 90+3
อย่างไรก็ตาม อีก 1 นาทีถัดมา โชต้า สวมบทซูเปอร์ซับซัดประตูชัยช่วยให้ทีมขึ้นนำ 4-3 และเป็นประตูสำคัญที่ทำให้ "หงส์แดง" เก็บ 3 แต้มต่อหน้าสาวก "เดอะ ค็อป" ได้อย่างสุดยอด
4. แฮตทริกแรกในนามแข้ง ลิเวอร์พูล
หลังจากไม่กี่สัปดาห์ที่ย้ายมาเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล ช่วงซัมเมอร์ปี 2020 โชต้า ประกาศศักดาในฐานะยอดดาวยิงในเกมฟุตบอลถ้วยยุโรป เมื่อตะบันสามประตูให้ต้นสังกัดถลุง อตาลันต้า 5-0 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
ด้วยความรวดเร็ว, เคลื่อนที่ฉลาด และจบสกอร์เฉียบคม ทำให้เขากลายเป็นที่ชื่นชอบของแฟนบอล "หงส์แดง" ทันที โดยประตูแรกเป็นการชิพบอลข้ามผู้รักษาประตูได้อย่างเหนือชั้น
ขณะที่ประตูที่สองเป็นการโชว์ทักษะการจับบอลแรกอย่างยอดเยี่ยม ก่อนวอลเลย์จบสกอร์อย่างสวยงาม ส่วนประตูที่สามแสดงให้เห็นถึงไหวพริบชั้นยอด ด้วยการวิ่งทำทางได้อย่างแม่นยำ หลอกผู้รักษาประตูแล้วส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายแบบง่ายดาย
ผลงานในแมตช์นั้นเป็นการยืนยันอย่างชัดเจนว่า โชต้า ไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวสำรองของสามแนวรุก "หินเหล็กไฟ" (SMF) โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และซาดิโอ มาเน่ เท่านั้น แต่พร้อมที่จะสอดแทรกขึ้นมาเป็นความหวังใหม่ในการยิงประตูให้ทีม
5. ฮีโร่ที่เซลเฮิร์สท์ พาร์ค
แมตช์นี้ โชต้า ได้รับโอกาสจาก โค้ชอาร์เน่อ ลงเป็นตัวจริง และเขาก็ไม่ทำให้กุนซือชาวดัตช์ต้องผิดหวัง เมื่อเป็นคนนำชัยชนะมาสู่ทีม และเป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นการยึดจ่าฝูงแบบม้วนเดียวจบของ ลิเวอร์พูล
ประตูชัดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจาก สตาร์ชาวโปรตุกีส ที่ส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายตั้งแต่นาทีที่ 9 ของเกมที่เวสต์ ลอนดอน ขณะเดียวกับแนวรับของ "หงส์แดง" สามารถป้องกันเกมรุกของ คริสตัล พาเลซ เอาไว้ได้อยู่หมัด
สำหรับประตูโทนในแมตช์นั้นเป็นการประสานงานอย่างยอดเยี่ยมจากทางฝั่งซ้ายของสนาม โดยเริ่มจาก ซิมิกาส ที่ทิ่มบอลทะลุช่องให้ โกดี้ คักโป ซึ่งโชว์ความฉลาดด้วยการผ่านบอลเร็วแบบไม่จับเข้าไปในกรอบเขตโทษ ก่อนที่ โชต้า จะวิ่งแซง เทรโวห์ ชาโลบาห์ ส่งบอลซุกก้นตาข่ายอย่างงดงาม
ทั้งนี้ ผลงาน 65 ประตูจากการเล่น 182 เกมให้กับ ลิเวอร์พูล จะอยู่ในความทรงจำของแฟนบอล "หงส์แดง" ตลอดไป ขอให้ไปสู่สุคติ ดิโอโก้ โชต้า กองหน้าที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อทีม
TOMMY TEE.