สะเทือน "ดงขมิ้น" ผ้าเหลืองร้อน ถูก "สีกา" สอยร่วง 19 รูป
สะเทือน "ดงขมิ้น" จนยากปฏิเสธ หลังพบพระสงฆ์ระดับชั้นผู้ใหญ่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมจนถึงขณะนี้ ต้องลาสิกขา ไปแล้ว 8 รูป แม้มหาเถรสมาคมจะมีหน้าที่โดยตรงในการดูแลคณะสงฆ์ แต่การขับเคลื่อนเพื่อฟื้นวิกฤตศรัทธาพุทธศาสนิกชน ยังคงเป็นไปอย่างเชื่องช้า จนดูเหมือนเป็นภารกิจหลักของตำรวจป.ป.ท.และป.ป.ท.ไปโดยปริยาย
แม้เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2568 ที่ผ่านมา "บิ๊กเต่า" พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก. และนายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. และคณะได้เดินทางเข้าพบสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก กรรมการมหาเถรสมาคมเพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางแก้ปัญหา พระภิกษุกระทำผิด และถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดพระธรรมวินัย
ต่อมามีการประชุมวาระพิเศษ จนนำไปสู่ข้อสรุปเบื้องต้น 2 มาตรการ โดย นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ระบุว่า มีทั้งมาตรการเร่งด่วนเฉพาะหน้าและการกำหนดแนวทางป้องกันในอนาคต เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก เนื่องจากพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ เกิดขึ้นตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2505 ทำให้ไม่ทันต่อสถานการณ์ปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงกฎของมหาเถรสมาคมที่ต้องปรับปรุงแก้ไขให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
ทั้งนี้ ข้อมูลปัจจุบันพบว่า มีพระสงฆ์เกี่ยวข้องกับสีกากอล์ฟ จำนวน 11 รูป กลุ่มที่ลาสิกขาไปแล้ว มี จำนวน 8 รูป คือ
1.พระเทพวชิรปาโมกข์ (เจ้าคุณอาชว์) วัดตรีทศเทพ กทม.ลาสิกขา 29 มิ.ย.2568
2.พระปลัดสุรพล อดีตเจ้าอาวาส วัดพรหมเกษร จ.พิษณุโลก ลาสิกขา 5 ก.ค. 2568
3.พระเทพวชิรธีราภรณ์ (ประดิษฐ์) อดีตเจ้าอาวาส วัดพระพุทธฉาย ลาสิกขา 9 ก.ค.2568
4.พระเทพวชิรธีรคุณ(เจ้าคุณนิกร) อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดปากน้ำภาษีเจริญ ลาสิกขา 9 ก.ค. 2568
5.พระมหาบุญเลิศ อดีตพระลูกวัด วัดใหม่ยายแป้น ลาสิกขา 9 ก.ค. 2568
6.พระครูสิริวิริยธาดา อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดโสธรวรารามวรวิหาร ลาสิกขา 10 ก.ค. 2568
7.พระปริยัติธาดา ( สมนึก ฐิตเมโธ) อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร กทม. ลาสิกขาที่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง 14 ก.ค. 2568
8. พระเทพพัชรภรณ์ (สมพงษ์ ฐิตวํโส) เจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม ลาสิกขา วันที่ 14 ก.ค. 2568
อ่านข่าว : ลาสิกขาแล้ว อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ปมเงิน 12 ล้านเอี่ยว สีกา ก.
กลุ่มนี้ ถือว่าสิ้นสุดสถานภาพการเป็นพระสงฆ์ไปแล้ว และไม่สามารถเอาผิดในส่วนของพระธรรมวินัยได้ยกเว้นหากมีมีส่วนเกี่ยวข้องกับเส้นเงิน หรือความผิดอาญา เป็นหน้าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจในการดำเนินการต่อไป
สำหรับกลุ่มที่ 2 คือ พระสงฆ์ที่ยังไม่สามารถยืนยันสถานะได้ ขณะนี้มีจำนวน 8 รูป เนื่องจากขณะนี้ทางกรรมการมหาเถรสมาคม ได้มอบหมายให้เจ้าคณะหนในพื้นที่ปกครอง ให้ทำหนังสือเรียกตัวพระที่มีรายชื่อเพื่อเข้ามาชี้แจงต่อเจ้าคณะผู้ปกครอง หากไม่มาตามระยะเวลาที่กำหนด ถือว่าเป็นการละทิ้งการปฎิบัติหน้าที่ ทำให้เกิดความเสียหายต่อพระสงฆ์อย่างร้ายแรง อาจจะถูกปลดหรือถูกถอดถอน ตามระเบียบของคณะปกครอง
ในขณะพระสงฆ์บางรูป ชี้แจงว่า ไม่เกี่ยวข้องด้วย เพียงแต่ให้เงินตามที่สีกามาขอเพื่อช่วยทำบุญเท่านั้นประกอบด้วย
1.เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท จ.สมุทรสาคร
2.รองเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่ง ใน จ.ขอนแก่น
3.เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่ง ใน จ.พิจิตร
4.ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพมหานคร
5.ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่ง ใน จ.เพชรบูรณ์
6.ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพมหานคร
7.เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่ง ใน จ.พิจิตร
8.เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพมหานคร
อ่านข่าว : "เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร" ยันไม่สึก พร้อมชี้แจงความบริสุทธิ์ปมโยง สีกา ก.
และกลุ่มที่ 3 เป็นพระสงฆ์ที่ยังคงสถานะปกติ โดยมส.มีมติ ให้ขอข้อมูลเพิ่มเติมจากพนักงานสืบสวนสอบสวน ที่เป็นเอกสารหลักฐานหรือรูปภาพ เพื่อส่งให้กับเจ้าคณะหนโดยตรง ซึ่งทั้งสองรูปสังกัด ภายใต้เจ้าคณะใหญ่หนกลาง มีจำนวน 3 รูป ประกอบด้วย
1.พระเทพวัชระสิทธิเมธี (วิรัช วิโรจโน) เจ้าคณะจังหวัดพอจิตร เจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร
2.พระเทพปวรเมธี (ประสิทธิ์ พฺรหฺมรํสี) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวงวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร
3.พระราชรัตนสุธี (ขวัญรัก มหาวายาโม) เจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.พิษณุโลก
ท่ามกลางปมกังขา หลังมีข้อมูลระบุว่า ก่อนหน้าที่จะเกิดปัญหาดังกล่าว เคยมีการทำหนังสือร้องเรียนไปยังมหาเถรสมาคมเกี่ยวกับพฤติกรรมของพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่หลายครั้ง มานานหลายเดือน แต่สัญญาณการตอบรับเสมือนคลื่นกระทบฝั่ง
พระครูวินัยธรวิเชียร วชิรธัมโม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ผู้แทนวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร กล่าวว่า ขณะนี้คณะสงฆ์ได้ตั้งคณะกรรมการในการพิจารณาข้อเท็จจริงเพื่อตรวจสอบ พระเทพปวรเมธี หรือ เจ้าคุณประสิทธิ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดประยุรฯ แล้ว โดยต้องเรียกมาชี้แจงข้อเท็จจริง และต้องมีข้อมูลที่เป็นนิติวิทยาศาสตร์มาประกอบการพิจารณาทางพระวินัย
โทษทางพระวินัย หากละเมิดข้อกำหนดทางพระพุทธศาสนาจะต้องอาบัติปราชิก โดยข้อกำหนดในการอาบัติปราชิก ประกอบด้วย เสพเมถุน, การลักขโมย, การฆ่ามนุษย์ หรือพูดให้คนอื่นฆ่าตัวตายสำเร็จ, ผู้อวดคุณวิเศษ หรืออวดอุตริ ถ้าละเมิดในสี่ข้อนี้ จะต้องสึกอย่างเดียว
และย้ำว่า สำหรับกรณีที่ภิกษุใดมีความสัมพันธ์จับต้องกายสุภาพสตรีด้วยความกำหนัด พูดเกี้ยวพาราสี เซ็กซ์โฟน เป็นพ่อสื่อแม่ชัก หรือช่วยตัวเองสำเร็จ จะถือว่าเป็นสังฆาทิเสส หรือโทษทางวินัยอีกรูป แบบหนึ่ง ส่วนโทษทางโลกก็จะเป็นคดีอาญา ซึ่งโทษทางโลกถือเป็นจริยาพระสังฆาธิการ สำหรับผู้ที่มีตำแหน่งตั้งแต่ผู้ช่วยเจ้าอาวาสขึ้นไป
"ขณะนี้เจ้าอาวาสฯ ติดต่อไปยังเจ้าคุณประสิทธิ์ เพื่อให้มาให้ปากคำกับคณะกรรมการ ฯแล้ว คาดว่า ไม่เกิน 7 วัน จะทราบผล ..เจ้าคุณประสิทธิ์ เป็นพระที่เรียบร้อย ยึดมั่นกฎระเบียบ เป็นพระที่กล้าชน และเป็นคนนิ่ง ที่เคยเห็นมาตลอด 40 ปี"
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดประยุร ฯ กล่าวอีกว่า ส่วนการดูแลบัญชีวัดและการเบิกจ่าย จะมีการกลั่นกรอง ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าคุณประสิทธิ์ เนื่องจากไม่ได้มีอำนาจในการเบิกจ่ายเงินวัด ซึ่งที่ท่านใช้ท่านหามาเอง ไม่ได้ใช้เงินวัด แม้กระทั่งเงินซ่อมแซมกุฏิ
ส่วนสีกากอลฟ์นั้น พระครูวินัยธรวิเชียร บอกว่า จำได้ว่า เคยเห็น แต่หายไป 2 ปีแล้ว ตอนนั้นมีการตั้งโรงทานเลี้ยงน้ำปานะ ทั้งพระและโยม โดยเป็นโยมอุปถัมภ์ เป็นนักบุญ แต่งตัวโอเค โปรไฟล์ดี รถที่ใช้ก็ดี ซึ่งผู้ที่มาตั้งโรงทาน คือ อดีตเจ้าอาวาสวัดพระพุทธฉาย นำพามา แต่ก็ไปหลายวัด ไม่ใช่แค่ที่นี่ จึงเป็นที่คุ้นเคยของพระผู้ใหญ่หลายวัด
เขาก็อาศัยคราบนักบุญ ขุดบ่อล่อปลา เพื่อจับพระตัวใหญ่ จึงเป็นที่มาของการรู้จักพระหลายวัด
ขณะที่ หลวงพ่อปราโมชย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ได้เทศน์เตือนสติพุทธศาสนิกชน ไว้เมื่อวันที่ 13 ก.ค.2568 ตอนหนึ่งว่า ตอนนี้ วงการสงฆ์ทรุดโทรม เรียกได้ว่า ซวนเซ ดังนั้น พุทธบริษัทที่เหลือ คือ ฆราวาสต้องเข้มแข็ง ช่วยกันประคับประคอง ไม่ใช่ซ้ำเติม อย่าเห็นพระผิดพลาดสัก 10 รูป แล้วก็ด่าพระสงฆ์ทั้งหมด ไม่ทำบุญ ไม่ใส่บาตร จะเป็นการซ้ำเติมทำลายศาสนาให้เร็วขึ้น หน้าที่เราต้องประคับประคองและพัฒนาตัวเองให้ดี ศึกษาธรรมให้รู้ ให้เข้าใจ
จริง ๆ พระส่วนใหญ่บวชนาน ๆ ท่านไม่เข้าใจโลกหรอก พูดตรง ๆ ฆราวาสต้องช่วยกัน ….มีพระถูกผู้หญิงหลอก 18-19 รูป และอาจจะมีมากกว่านั้น
เจ้าอาวาสวัดสวนสันติธรรม เทศน์ว่า พระสงฆ์ทั่วประเทศมีจำนวน 3 แสนรูป มีพระเกเรส่วนหนึ่ง แล้วสรุปว่า เป็นพระทั้งหมดใช้ไม่ได้ คนไทยมีเกือบ 70 ล้านคน มีคนติดคุก หมื่นคน บอกว่า คนไทยนี้เลว คบไม่ได้ทั้งประเทศ นี่เป็นตรรกะวิบัติ…เราหาพระดี กราบไม่ได้ คนไม่มีบุญ มันไม่ได้เจอพระดีต่างหากล่ะ
"พระที่ผ่านบวชนาน ๆ ไม่ใช่ท่านโง่ แต่ท่านรู้เท่าไม่ทันโลก" คำเทศน์เตือนสติของพระอาจารย์ปราโมชย์
อ่านข่าว :