BRICS กับศึกเศรษฐกิจโลก
ร้อยเอก ดร.จารุพล เรืองสุวรรณ
ผู้อำนวยการหลักสูตรมหาบัณฑิต
คณะการทูตการต่างประเทศ มหาวิทยาลัยรังสิต
“เมื่อพวกเราซื้อขายกันเอง แล้วจะต้องใช้เงินของเขาทำไม?” นี่คือประโยคจากรัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซียในที่ประชุมกลุ่ม BRICS เมื่อกลางปี 2023 กลายเป็นคำถามที่เขย่าระบบเศรษฐกิจของโลกที่ยึดโยงกับเงินดอลลาร์สหรัฐอย่างรุนแรง
เมื่อพูดถึงสถานการณ์โลกในวันนี้ คงจะหนีการพูดถึงกลุ่ม BRICS ไปไม่ได้…วันนี้มาคุยเรื่องนี้กันครับ
BRICS นั้นเดิมประกอบด้วยประเทศบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ ตามตัวอักษรนำที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นคำว่า BRICS แต่ในปัจจุบันได้ขยายสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้น ได้แก่ อิหร่าน ซาอุดิอาระเบีย เอธิโอเปีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ดังนั้น นี่จึงไม่ใช่แค่กลุ่มเศรษฐกิจเกิดใหม่ อย่างที่ตั้งชื่อไว้ แต่มองดูดีๆจะเห็นว่า เป็นกลุ่มที่รวมไม้เบื่อไม้เมากับสหรัฐไว้ไม่น้อย จึงไม่แปลกที่การพยายามจะถีบตัวเองออกจากเงินดอลลาร์และระเบียบโลกทางเศรษฐกิจของสหรัฐจะกลายเป็นที่พูดถึงกันในกลุ่มนี้
โลกหลายขั้ว ที่ไม่ได้พึ่งพาแค่สหรัฐ จึงอาจเป็นเป้าหมายของกลุ่มนี้
หนึ่งในจุดร่วมสำคัญของกลุ่มนี้ คือความไม่พอใจต่อการครอบงำของดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งไม่เพียงแต่ควบคุมระบบการเงินของโลกผ่าน SWIFT, World Bank, และ IMF เท่านั้น แต่ยังมองว่าสหรัฐใช้เงินดอลล่าร์เป็นเครื่องมือทางการเมืองมาตลอด
ความฝันของกลุ่ม BRICS ในวันนี้ จึงอาจเป็นการสร้างสกุลเงินใหม่ที่มีพลังและอำนาจไม่แพ้ดอลลาร์สหรัฐ รวมไปถึงการใช้สกุลเงินท้องถิ่นในการซื้อขายซึ่งกันและกัน แน่นอนว่า นี่เป็นจุดไต้ตำตอที่สหรัฐยอมไม่ได้ และนำไปสู่การแสดงออกอย่างแข็งกร้าวของโดนัลด์ ทรัมป์ ในช่วงที่ผ่านมา เข้าทำนองว่า ใครเข้ากับ BRICS เอ็งกับข้า เจอกัน!!
แต่ถ้าจะวิเคราะห์กันถึงความเป็นไปได้เรื่องของการล้มดอลลาร์ ก็คงจะต้องบอกว่า “ในระยะสั้น” น่าจะยาก เพราะโลกใบนี้ยังคงผูกติดกับดอลลาร์สหรัฐฯเป็นหลัก เรียกได้ว่ามากกว่าครึ่งหนึ่งของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ในขณะที่เศรษฐกิจของสมาชิก BRICS เองก็ยังลุ่มๆดอนๆในบางครั้ง (ยกเว้นจีน) อีกทั้งระบบใหม่ใดๆที่พยายามจะคิดค้นขึ้นเพื่อให้แทนที่ระบบของสหรัฐฯ ก็ยังต้องใช้เวลาในการพัฒนา
แต่ถ้าพูดถึงระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบวกกับท่าทีของสหรัฐในปัจจุบันที่พยายามจะเล่นเกมสงครามการค้าในรูปแบบที่ตีกับผู้อื่นไปเรื่อย รวมถึงการปิดดีลแบบเอารัดเอาเปรียบชาติอื่นอย่างชัดเจน ก็เชื่อได้ไม่ยาก ว่าอนาคตข้างหน้า การล้มดอลลาร์ อาจจะเกิดขึ้นจริงๆ และไม่แน่ เงินหยวน อาจได้รับการยอมรับมากขึ้นโดยปริยายในสังคมโลก จนกลายเป็นระบบการเงินคู่ขนานไปกับสหรัฐฯในอนาคต จนอาจแซงและครองระบบเศรษฐกิจได้ในที่สุด
น่าสนใจไปกว่านั้น ต้องดูกันต่อไปยาวๆ ว่ากลุ่มนี้จะมีความร่วมมือด้านไหนเพิ่มเติมอีกหรือไม่ในอนาคต หากมีการเพิ่มเติมความร่วมมือไปสู่ด้านการเมืองและความมั่นคง โลกใบนี้แน่นอนว่าจะเดือดขึ้นอีกเป็นกอง
ในมุมของประเทศไทยเรา วันนี้เราไม่ใช่สมาชิก BRICS แต่ก็มีการค้ากับประเทศสมาชิกของ BRICS อยู่ตลอด ในขณะที่ยังผูกติดกับดอลลาร์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ท่ามกลางการแข่งขันกันของยักษ์ใหญ่ในตอนนี้ เราจึงกลืนไม่เข้าคายไม่ออกพอสมควร
ที่ผ่านมาเราพยายามใช้นโยบายแบบลู่ไปตามลม เข้ากับทุกคน ทุกกลุ่ม จนมีความพยายามที่จะเข้าเป็นสมาชิกกลุ่ม BRICS ด้วยเช่นกัน งานนี้ก็ต้องบอกว่า “คิดดีๆนะจ๊ะ” วันนี้เราพร้อมแล้วหรือยังที่จะทำเช่นนั้น ?
เพราะเมื่อใดที่เป็นสมาชิก BRICS เราจะเถียงได้ยาก โดยเฉพาะกับสหรัฐ ว่า “ฉันไม่ได้เลือกข้างนะ” เพราะมองยังไงก็เลือกข้างในสายตาสหรัฐ และแน่นอนเราต้องรับผลกระทบและแรงกระแทกที่จะตามมา (แค่เรื่องภาษีตอนนี้ก็แย่ละ) และที่สำคัญต้องถามความพร้อมของคนในชาติในด้านเศรษฐกิจและการเงินด้วย ว่าถ้าร่วมแล้ว เกิดมีข้อตกลงอะไรกันขึ้นมา เราจะปรับตัวกันไหวไหม
ดังนั้น สิ่งที่ไทยควรทำที่สุดในเวลานี้ คือการเพิ่มขีดความสามารถในตัวเอง โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจและการเงิน ทำอย่างไรจะปลดแอกตัวเองได้จากทั้งดอลลาร์และหยวน เรียกว่า จะแข็งแรงและยืนได้ด้วยตัวเองยังไง ถ้ายืนได้เมื่อไร จะจับมืออาเซียนเพื่อตีตั๋วเป็นกลาง ก็จะพูดได้เต็มปากมากขึ้น และที่สำคัญ อาจจะเล่นบท “สะพาน” ได้ดี
แต่ก็อย่างที่บอก เราต้องแข็งแกร่งในระดับหนึ่งก่อน ไม่เช่นนั้น ก็ยากที่จะเล่นบทพวกนี้ เพราะลำพังโดนลากไปซ้ายทีขวาที ก็น่วมแล้ว…
เอวัง