กรมทรัพยากรน้ำเดินหน้าแก้ปัญหาภัยแล้งในต.ธรรมเสน ราชบุรี ช่วย 1,250 ครัวเรือนเพิ่มน้ำต้นทุนเกษตรกว่า 2,500 ไร่
ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 นายโอภาส ถาวร รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำคณะลงพื้นที่ ต.ธรรมเสน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เพื่อติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและเกษตรกรรม โดยมีนายอนันต์ โพธิ์พันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรน้ำที่ 7 พร้อมเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับและรายงานผลการดำเนินงาน
ซึ่งพื้นที่ตำบลธรรมเสนเผชิญปัญหาขาดแคลนน้ำในการเพาะปลูก โดยเฉพาะช่วงฤดูแล้ง แม้จะมีแหล่งน้ำต้นทุน แต่ไม่มีระบบส่งน้ำที่สามารถกระจายน้ำสู่พื้นที่เกษตรได้อย่างทั่วถึง เนื่องจากระดับพื้นที่เพาะปลูกสูงกว่าระดับน้ำต้นทุน
ทั้งนี้ กรมทรัพยากรน้ำจึงมอบหมายให้สำนักงานทรัพยากรน้ำที่ 7 สำรวจ ออกแบบ และดำเนินการปรับปรุงสถานีสูบน้ำไฟฟ้า (ของกรมชลประทานเดิม) จำนวน 1 แห่ง พร้อมก่อสร้างระบบท่อส่งน้ำด้วยท่อเหล็กตะเข็บเกลียวและท่อ HDPE ความยาวรวมกว่า 15,500 เมตร ส่งน้ำไปยังสระเก็บน้ำและลำห้วยธรรมชาติ 5 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่หมู่ 3, 4, 7 และ 11 ของตำบลธรรมเสน
สำหรับโครงการนี้สามารถช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ให้มีน้ำใช้เพื่ออุปโภคบริโภคได้กว่า 1,250 ครัวเรือน และเพิ่มน้ำต้นทุนสำหรับการเกษตรกว่า 2,500 ไร่ ช่วยลดความเสี่ยงจากภัยแล้ง เพิ่มผลผลิต และสร้างความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจในระยะยาว
โดยนายโอภาสกล่าวว่า แม้พื้นที่นี้จะมีแหล่งน้ำชลประทานอยู่แล้ว แต่ขาดระบบกระจายน้ำที่มีประสิทธิภาพ การดำเนินโครงการครั้งนี้จึงเป็นการตอบโจทย์ประชาชนอย่างแท้จริง และเพื่อความยั่งยืน ขอให้ชาวบ้านร่วมกันดูแลและใช้ประโยชน์จากระบบอย่างมีประสิทธิภาพ
พร้อมกันนี้ กรมทรัพยากรน้ำยังมีแผนพัฒนาเพิ่มเติม เช่น การสร้างแหล่งกักเก็บน้ำแบบปิด เพื่อลดการสูญเสียน้ำจากการระเหย และเตรียมพิจารณาสนับสนุนระบบพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) เพื่อลดต้นทุนการสูบน้ำ
ขณะที่โครงการดังกล่าวได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม จากเดิมที่มีรายได้ปีละครั้งจากการปลูกข้าว ปัจจุบันสามารถมีรายได้ต่อเนื่องเฉลี่ยเดือนละ 45,000–50,000 บาท นับเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตและส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับชุมชนอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม นายสมชาย จันทร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 ตำบลธรรมเสน กล่าวว่า ก่อนมีโครงการเกษตรกรใน 5 หมู่บ้านประสบปัญหาภัยแล้งมาอย่างยาวนาน ทำให้การเพาะปลูกจำกัดอยู่แค่ในฤดูฝน และผลผลิตไม่สมบูรณ์เนื่องจากขาดแคลนน้ำ เมื่อมีโครงการนี้เข้ามา ชาวบ้านต่างมีความหวังว่า คุณภาพชีวิต ผลผลิต และรายได้จะดีขึ้น กลุ่มผู้ใช้น้ำจึงถูกจัดตั้งขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้มีเวทีพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และร่วมกันจัดการทรัพยากรน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ด้านกลุ่มประกอบด้วยประธาน รองประธาน เลขานุการ และคณะกรรมการ รวมประมาณ 20 คน พร้อมเปิดให้เกษตรกรสมัครเป็นสมาชิกโดยสมัครใจ มีการประชุมหารือ และกำหนดแนวทางการใช้น้ำร่วมกัน เพื่อให้เกิดความเข้าใจและลดปัญหาความขัดแย้ง โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้งที่มักประสบภัยแล้งต่อเนื่อง 3–4 เดือน นอกจากนี้ทางกลุ่มยังได้จัดทำข้อตกลงและระเบียบในการดูแลระบบท่อส่งน้ำและการจ่ายน้ำ เพื่อให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน