โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

“กมธ.ตำรวจ สภาฯ” ถกปม “เครื่องบินเล็ก-ฮ.ตก 2 ลำภายในห้วง30 วัน ทำ สตช. สูญเสียบุคลากร 9 นาย

THE ROOM 44 CHANNEL

เผยแพร่ 20 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“กมธ.ตำรวจ สภาฯ” ถกปม “เครื่องบินเล็ก-ฮ.ตก 2 ลำภายในห้วง30 วัน ทำ สตช. สูญเสียบุคลากร 9 นาย ตามญัตติของ”ชวน หลีกภัย“ ชงตั้งข้อสังเกตฮ.ตำรวจมีใช้จริงรวม 24 ลำ สามารถใช้การได้จริง หรือไม่ เร่งล้อมคอก หวั่นเกิดเหตุสูญเสียซ้ำซ้อน ด้านตัวแทน กองบินตำรวจ แจง ยังสรุปสาเหตุเครื่องบินตกไม่ได้ รับนักบิน 2 คน เข้ารับอบรมเพียง 2 ครั้ง

เมื่อเวลา10.00น. วันที่ 31 ก.ค. 2568 ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ(กมธ.)การตำรวจ สภาฯ ที่มีน.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ สส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ในฐานะประธาน กมธ.ตำรวจ เป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณาญัตติที่นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อพรรคปชป.และอดีตนายกฯเสนอให้พิจารณา

กรณีการเกิดอุบัติเหตุจากการใช้งานอากาศยานทั้งเครื่องบินเล็ก และเฮลิคอปเตอร์ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ตก2 ลำใน1เดือน เป็นเหตุให้สูญเสียกำลังพลซึ่งเป็นบุคลากรของ สตช.ที่มีค่า โดยน.ส.สุณัฐชา กล่าวว่า ที่ผ่านมาเกิดเหตุสลด อากาศยานของ สตช.ตก สองครั้งติดกันภายในเวลา 30 วัน โดยเหตุการณ์แรกเมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2568 เครื่องบิน รุ่น DHC 6-400 ทวิน ออตเตอร์ ที่ใช้ในการฝึกกระโดดร่มมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งนักบินและช่างเครื่อง เสียชีวิตรวม 9 นาย ผ่านไปไม่ถึง 30 วัน คือวันที่ 4 พ.ค.2568 เฮลิคอปเตอร์(ฮอ)กองบินตำรวจ รุ่นเบลล์ 212 ที่ใช้ในการปฏิบัติภารกิจ ตก ซ้ำ มีเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นนักบินเสียชีวิต 3 นาย นับเป็นเหตุการณ์ที่สูญเสียบุคลากรที่มีคุณภาพ ขององสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปถึง9นาย เข้าใจว่า เป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น กมธ.จึงต้องการทราบถึงความคืบหน้าว่า สตช.การสอบสวนเรื่องนี้ถึงไหน อย่างไร พร้อมทั้งจะเสนอแนะแนวทางในการป้องกันไม่ให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นซ้ำอีก

ขณะที่นายชวน หลีกภัย ในฐานะผู้เสนอเรื่องกล่าวตอนหนึ่งว่า น่าตกใจที่ สตช.ต้องเสียบุคลากรที่มีความสามารถเฉพาะด้าน ในเดือนเดียวถึง 9 นาย
เป็นเหตุการณ์ที่เกิดไม่บ่อยนัก ซึ่งโดยทั่วไป และปกติเมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้ว มักจะผ่านไปโดยไม่มีใครศึกษาหาสาเหตุที่แท้จริง แต่เหตุสลดโดยเฉพาะครั้งหลังเราสูญเสียนักบินมือดีของ สตช.ถึง3คน ตนสนใจว่า เพื่อนนักบินได้โพสต์ภาพแชตการสนทนากับนักบินผู้ตาย ที่ระบุว่า“เครื่องไม่พร้อมบิน สามารถตกเมื่อไหร่ก็ได้” ตนจึงสอบถามไปยังเพื่อนของนักบินผู้ตาย ซึ่งเพื่อนคนดังกล่าวได้ยอมรับกับตนว่า เครื่องฮอ.ไม่พร้อมบิน ต่อมา ตนได้สอบถามกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และทหารว่า เครื่องบินและฮอ.ที่เราใช้อยู่ในขณะนี้เป็นอย่างไร ได้คำตอบพบว่า สตช.มีเครื่องบินและ เฮลิคอปเตอร์ 71 ลำ ใช้การได้ 24 ลำ อยู่ระหว่างซ่อม 27 ลำ โดยปลดประจำการไปแล้ว 24 ลำ ซึ่งใน 24 ลำที่ใช้งานได้คือ หนึ่งในเครื่องที่ตกและมีนายตำรวจเสียชีวิตดังกล่าว ฉะนั้น หากเราปล่อยให้มีการใช้เฮลิคอปเตอร์ 24 ลำโดยไม่ทบทวน ก็อาจจะมีผู้สูญเสียชีวิตมากกว่า 9 คน ตนจึงขอเสนอให้มีการทบทวนตั้งแต่การจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ลำใหม่ว่าควรเป็นชนิดประเภทเดียวกันหรือไม่ รวมถึงทบทวนเครื่องที่ใช้อยู่ในขณะนี้ว่ามีความพร้อมในการใช้งานได้จริงหรือไม่ ตลอดจนงบประมาณที่ สตช. ได้รับการจัดสรรปีงบประมาณละ950 ล้านบาท เพื่อใช้ซ่อมบำรุงมีความเหมาะสม เพียงพอหรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์สูญเสียซ้ำขึ้นอีก หาก กมธ.พิจารณาแล้วได้ผลเป็นเช่นไร จะเสนอรัฐบาลให้สนับสนุนงบประมาณ และความพร้อมในการจัดอากาศยานเพิ่มเติม เพราะตำรวจต้องปฎิบัติหน้าที่ตลอดเวลาเช่นกัน

ด้าน พ.ต.อ.ขจรยุทธ อนันนับ รองผู้บังคับการกองบินตำรวจ ได้ชี้แจงว่า ตนมีความเศร้าใจ เสียใจ ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าทุกคน ที่ต้องเสียผู้ใต้บังคับบัญชา เราได้ทำอย่างเต็มที่ ส่วนงบฯในการซ่อมบำรุง 950 ล้าน/ปีนั้น ยอมรับว่า ไม่พอ แต่หากจะขอเพิ่มมากกว่านี้ จะต้องเสนอเรื่องเข้าคณะกรรมการกลั่นกรองของ สตช. เพราะยอด950 ล้านบาทนี้ เป็นงบเต็มจำนวนแล้ว และจะมีปัญหากระทบต่อการบริหารจัดการงบประมาณในหน่วยอื่น

ส่วน พ.ต.ท.นิติวุธ เลียบมา นักบิน สบ.3 กลุ่มงานการบิน กองบินตำรวจ ทำหน้าที่ครูการบิน เครื่องบิน ทวินออตเตอร์ และผู้สอบสวนสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุอากาศยานตกครั้งนี้ ชี้แจงว่า ยังไม่ได้สรุปสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ได้100% สามารถออกได้เพียงรายงานเบื้องต้นที่วิเคราะห์จากเศษซากของอากาศยานที่ตกในที่เกิดเหตุ พร้อมภาพของกล้องวงจรปิดที่สามารถหาได้ รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลจากกล่องดำ โดยวิเคราะห์ข้อมูลร่วมกับเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทผู้ผลิต มีหลักฐานที่บ่งชี้ได้คือ หลังจากที่เครื่องพ้นพื้นดินไปได้ประมาณ 3 วินาที ใบพัดข้างซ้ายได้ปรับเข้ามุมปะทะอัตโนมัติ ซึ่งนักบินไม่ได้เป็นผู้ทำเอง การปรับมุมเข้าใบพัดดังกล่าว ถือเป็นเหตุสุดวิสัย นักบินทั้งสองคน ไม่ได้มีการแก้ไขในสถานการณ์นี้อย่างที่ฝึกในช่วงสถานการณ์จำลอง ซึ่งนักบินทั้งสองคน จากประวัติการฝึกอบรม พบว่านักบินทั้งสองคนได้เข้าทำการฝึกเพียงสองครั้ง อีกทั้งนักบินทั้งสองคน ยังไม่เคยฝึกบินในท่าที่จะสามารถแก้ไขต่อเหตุนี้ได้ ทำให้นักบินไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ได้ ทั้งนี้ กมธ.ตำรวจ สภาฯจะนัดประชุมต่อในนัดหน้าต่อไป

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก THE ROOM 44 CHANNEL

เครียดจนป่วย! “แอม เสาวลักษณ์” เสพข่าวไทย-เขมร จนต้องนอนน้ำตาไหล

24 นาทีที่แล้ว

“ทหารเขมร” หลั่งน้ำตา ไทยส่งกลับประเทศ ก่อน 2 ราย บาดเจ็บ-จิตเวช

27 นาทีที่แล้ว

เขมรขนลุก! ไทยปั่นเรียกนักรบ “องค์ดำ-องค์ขาว” กลับชาติมาเกิด

50 นาทีที่แล้ว

ทภ.2 ส่งกลับ ทหารเขมร 2 นาย บาดเจ็บแขนหัก และ ป่วยทางจิต เครียดจากการสู้รบ

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

ทบ.เก็บทุกเม็ด ฟ้องคณะทูต ไล่ไทม์ไลน์ กัมพูชา จุดไฟชายแดน

กรุงเทพธุรกิจ

“สุริยะ” ย้ำความร่วมมือคมนาคม-อุตฯ “เอกนัฏ” ชี้ภาษี US19% ไม่เสียเปรียบ

INN News

“บิ๊กเล็ก” ค้านข้อเสนอ กัมพูชา หลังให้มี จีน-สหรัฐฯ-มาเลเซีย ร่วมสังเกตการณ์ ถก GBC

ข่าวเวิร์คพอยท์ 23

แอน-หลิงหลิง กินโอมากาเสะ โดนเขมรปั่นเฟคนิวส์ กล่าวหาล้อเลียนแก๊สพิษ

สยามนิวส์

‘พงศ์กวิน’ คุยนำเข้าแรงงานประเทศที่ 5 -6 ประกันความเสี่ยงเศรษฐกิจ

เดลินิวส์

‘พงศ์กวิน’ แจงภาษีทรัมป์ 19% ไทยยังได้เปรียบคู่แข่ง

เดลินิวส์

ข่าวและบทความยอดนิยม