“มากุโระ” เพิ่มแบรนด์ใหม่ลดเสี่่ยง เปิด “บินโช” กดราคาลงรับศก.แย่
ผู้จัดการรายวัน360 - MAGURO มากุโระ เล็งขยายพอร์ตอาหารหลากหลาย ไม่ยึดติดแค่ญี่ปุ่นกับเกาหลี ปีนี้รุกหนักเปิดมากที่สุดเกือบ 15 สาขา พร้อมเปิดตัว 2 แบรนด์ใหม่เสริมทัพ ปั้นน้องใหม่แบรนด์ “BINCHO / บินโช” จับราคาต่ำลงอีก รับเศรษฐกิจฝืดเคือง ซุ่มแบรนด์ใหม่ที่ซื้อแฟรนไชส์มาเผยช่วงเดือนสิงหาคมนี้ ลั่นปีนี้เป้าโต 30%
นายจักรกฤติ สายสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง2568 บริษัทมีแผนที่จะขยาสาขาใหม่ของร้านอาหารใสนเครืออีกไม่ต่ำกว่า 8-9 สาขา รวมทั้งการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ด้วย ประกอบด้วย
ร้านอาหารญี่ปุ่น และซูชิ มากุโระ MAGURO 2 สาขา, ร้านหมูทอดทงคัตสึ TONKATSU AOKI 2 สาขา, ร้านชาบูและสุกียากี้หม้อเดี่ยวสไตล์คันไซ HITORI Shabu และ HITORI Sukiyaki 2 สาขา และแบนนด์ใหม่ ร้านอาหารญี่ปุ่นย่างถ่านแบบต้นตำรับบินโช BINCHO 1 สาขา เปิดวันที่ 9 กรกฎาคม ที่เมกาบางนาสาขาแรก และอีกแบรนด์เป็นการซื้อแฟรนไชส์จากต่างประเทศ
ขณะที่ครึ่งปีแรก2568นี้เปิดสาขาใหม่ไปแล้ว8 สาขา เช่น ร้านหมูทอดทงคัตสึ อาโอกิ สาขา 2 ที่ เวลา สินธร หลังสวน, สาขา 3 ที่วันแบงคอก อาคารเดอะสตอรี่ย์ และสาขา4 ที่เซ็นทรัล พระราม 2 และที่เอกมัยคอร์เนอร์ ร้าน CouCou ร้านอาหาร All-Day Dining สไตล์ตะวันตก สาขาที่ 2 ที่คอมมูนิตี้มอลล์ Nirvana PORCH
ทั้งนี้งบลงทุนโดยเฉลี่ยต่อสาขาอยู่ที่ 10-12ล้านบาท โดยรวมปีนี้จะใช้ประมาณ100 ล้านบาท ซึ่งปีนี้ถือว่าเป็นปีที่มีการลงทุนเปิดสาขามากที่สุดก็ว่าได้ถึง 15 สาขา มากกว่าปีที่แล้วที่เปิดประมาณ 14 สาขา และเปิดแบรนด์ใหม่อีก 2 แบรนด์
“แบรนด์บินโช นี้คาดว่าจะเป็นแบรนด์ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วและทำรายได้สูงในอนาคต ซึ่งปัจจุบัน มากุโระ เป็นแบรนด์ทำรายได้หลักมากกว่า 50% และในอนาคตจะผลักดันให้ทุกแบรนด์สามารถเติบโตสร้างรายได้มากขึ้น เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในการพึ่งพาแบรนด์หลักเพียงแบรนด์เดียว” นายจักรกฤติ กล่าว
ปัจจุบันทางบริษัทฯมีร้านอาหารในเครือรวม จำนวน 46 ร้าน จาก 6 แบรนด์ คือMAGURO 18 ร้าน, HITORI SHABU 13 ร้าน โดยสาขาเซ็นทรัล เวสต์วิลล์ เป็นสาขาล่าสุด สาขาที่ 13 และร้าน HITORI SUKIYAKI ร้านสุกียากี้คันไซแบบดั้งเดิม ในรูปแบบ Authentic Japanese Sukiyaki Course สาขาแรกที่เอกมัย 12 , SSAMTHING TOGETHER ร้านปิ้งย่างสไตล์เกาหลี จำนวน 6 ร้าน , Tonkatsu AOKI จำนวน 5 ร้าน โดยสาขาเอกมัย คอนเนอร์ เป็นสาขาล่าสุด สาขาที่ 5, CouCou ร้านอาหารรูปแบบ All-Day Dining สไตล์ตะวันตก จำนวน 2 ร้าน สาขาแรกที่ The Flavorhood ประดิษฐ์มนูธรรม และ CouCou สาขา Nirvana PORCH เป็นสาขาล่าสุด สาขาที่ 2 และล่าสุดแบรนด์ใหม่ BINCHO ที่เมกาบางนา
“ถึงแม้ว่า สถานการณ์ธุรกิจร้านอาหารโดยรวมในปี 2568 จะเติบโต ไม่มาก โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่า มูลค่าตลาดร้านอาหารรวมจะอยู่ที่ประมาณ 646,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.8% จากปีก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นอัตราการขยายตัวที่ใกล้เคียงกับ GDP ของประเทศ แต่บริษัทก็มีแผนลงทุนต่อเนื่อง” นายจักรกฤติ กล่าว
ครึ่งปีหลัง 2568 นี้ บริษัทฯ มีแผนจะสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และดำเนิน แผนการตลาดเพื่อกระตุ้นผู้บริโภคอย่างสอดคล้องกับเทรนด์การบริโภค และพฤติกรรมการจับจ่ายที่เปลี่ยนแปลง เพื่อรักษาการเติบโตของรายได้และกำไรสุทธิ และยอดขายร้านเดิม (SSSG) รวมถึงสร้างยอดขาย เพิ่มจากการขยายสาขา ในแบรนด์ที่สามารถทำกำไรสุทธิ (Margin) ได้สูงกว่า และขยายครอบคลุมพื้นที่ทำเล ศักยภาพในกทม.
นายธีรภพ กรานเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด กล่าวว่า แนวทางจากนี้ บริษัทจะไม่ได้ปิดกั้นตัวเองแค่เป็นผู้ประกอบการที่เชี่ยวชาญอาหารญี่ปุ่นหรือเกาหลีเท่านั้นแล้ว แต่จะมีการขยายโมเดลและรูปแบบร้านอาหารใหม่ๆ รวมทั้งประเภทอาหารใหม่อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นอาหาร อาหารตะวันตก อาหารที่หลากหลาย หรือแม้แต่ญี่ปุ่นและเกาหลี ที่จะมีเทรนด์ใหม่ๆ ซึ่งขณะนี้บริษัทฯมีทีมวิจัยและพัฒนาอาหารที่ทำการศึกษาตลอดเวลา ส่วนการลงทุนนั้นก็มีทั้งพัฒนาแบรนด์เอง และซื้อแฟรนไชส์ หรือแม้แต่การเข้าร่วมทุนแบรนด์ที่ทำตลาดอยู่แล้วก็ไม่ได้ปิดกั้นหากมีโอกาสที่ดี
ทั้งนี้บริษัทฯมั่นใจว่า จากการขยายธุรกิจต่อเนื่องทั้งแบรนด์เดิม และการเพิ่มแบรนด์ใหม่ รวมทั้งการจัดทำแคมเปญต่างๆ จะทำให้ปีนี้บริษัทมีการเติบโต 30% หรือมีรายได้รวมประมาณ 1,800 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่มีรายได้ประมาณ 1,300 ล้านบาท
โดยไตรมาส 1 ปี 2568 มีรายได้รวม 415.8 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อน 40% และมีกำไรสุทธิ 32.5 ล้านบาท เติบโตจากจากช่วงเดียวกันปีก่อน 61.5 % จากกำไรสุทธิ 20.1 ล้านบาทในปีก่อน
ล่าสุดคือ การเปิดแบรนด์ใหม่ชื่อ ร้านบินโช (BINCHO) เป็นแบรนด์ที่6 ต้นเดือนกรกฎาคม สาขาแรกที่ เมกาบางนา เป็นอาหารญี่ปุ่นย่างถ่านแบบต้นตำรับ เป็นแบรนด์ที่จับกลุ่มพรีเมี่ยมแมสแต่จะมีค่าใช้จ่ายต่อหัวต่ำกว่าทุกแบรนด์ที่เปิดมาก่อนหน้านี้เพื่อขยายฐานตลาด และเป็นการตอบรับกับสภาพเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในขณะนี้ที่กำลังซื้อไม่ค่อยดีมากนัก โดยบินโชจะมีราคาเฉลี่ยต่อหัวที่ 300 กว่าบาท ส่วน มากุโระเฉลี่ย 700 บาทต่อคน, ฮิโตริ เฉลี่ย 800 บาทต่อคน, ร้านหมูทอดทงคัตสึ เฉลี่ย 600 บาทต่อค, ร้านปิ้งย่างซัมธิงทูเกทเทอร์ เฉลี่ย 500 บาทต่อคน, ร้าน CouCou ร้านอาหารรูปแบบ All-Day Dining สไตล์ตะวันตก เฉลี่ย 600 บาทต่อคน
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO