ปตท.สผ. นำส่งรายได้รัฐครึ่งปีกว่า 3 หมื่นล้าน-จ่ายปันผล 4.10 บาท
นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยผลประกอบการในรอบ 6 เดือนแรกของปี 68 ว่า มีรายได้รวม 148,531 ล้านบาท หรือประมาณ 4,431 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ยอยู่ที่ 494,552 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกของปี 67
ซึ่งส่วนใหญ่มาจากโครงการ G1/61 ที่เพิ่มอัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติในเดือนมีนาคม 2567 และโครงการมาเลเซีย แปลงเค ที่มีการขายน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น รวมถึงการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในโครงการสินภูฮ่อมเมื่อเดือนเมษายน 2568
ขณะที่ราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก มาอยู่ที่ 44.85 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ และมีต้นทุนต่อหน่วย (Unit Cost) ที่ 30.9 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทมีกำไรสุทธิ 30,067 ล้านบาท หรือเทียบเท่า 895 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
จากผลการดำเนินการดังกล่าว เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติเสนอจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรก ปี 2568 ที่ 4.10 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดวันให้สิทธิผู้ถือหุ้น (Record Date) เพื่อรับสิทธิในการรับเงินปันผลวันที่ 13 สิงหาคม 2568 และจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 22 สิงหาคม 2568
นายมนตรี กล่าวต่ออีกว่า ในรอบครึ่งปีแรกของปี 2568 ปตท.สผ. ได้นำส่งรายได้ให้กับรัฐในรูปของภาษีเงินได้ ค่าภาคหลวง และส่วนแบ่งผลประโยชน์อื่น ๆ จำนวนกว่า 30,200 ล้านบาท เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศด้านต่าง ๆ เช่น การพัฒนาชุมชน การศึกษา และการวิจัยและพัฒนา เป็นต้น
นอกจากนี้ รัฐยังได้รับส่วนแบ่งของผลผลิตปิโตรเลียมจากโครงการ G1/61 และ G2/61 ซึ่งอยู่ภายใต้สัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) เป็นรายได้ทางตรงจากการผลิตปิโตรเลียมที่รัฐนำมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศอีกส่วนหนึ่งด้วย
สำหรับผลการดำเนินงานในรอบ 6 เดือนแรกของปี 2568 ว่าบริษัทมีความก้าวหน้า ในการขยายธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม โดยชนะการประมูลแปลงสัมปทานเร็กเกนเน่ ทู (Reggane II) ในประเทศแอลจีเรีย ร่วมกับบริษัท Eni Algeria Exploration B.V.
และได้ลงนามในสัญญาแบ่งปันผลผลิตเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งสัญญาจะมีผลเสร็จสมบูรณ์เมื่อมีประกาศอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลแอลจีเรีย ปตท.สผ. ถือสัดส่วนการลงทุน 34% โดยมีการค้นพบแหล่งก๊าซธรรมชาติแล้ว และยังมีพื้นที่ที่มีศักยภาพในการสำรวจเพิ่มเติม อีกทั้ง แปลงเร็กเกนเน่ ทู ยังตั้งอยู่ใกล้โครงการแอลจีเรีย ทูอัท (Algeria Touat Project) ซึ่งเป็นโครงการผลิตก๊าซธรรมชาติที่ ปตท.สผ. ได้ประกาศเข้าลงทุนไปก่อนหน้านี้ จึงสามารถสร้างความต่อเนื่องเชิงกลยุทธ์ในการพัฒนา และการบริหารจัดการแหล่งก๊าซธรรมชาติร่วมกันได้
ขณะที่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง ปตท.สผ. ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงขยายอายุสัญญาแบ่งปันผลผลิตในโครงการโอมาน แปลง 53 ไปจนถึงปี 2593 นอกจากนี้ ยังได้รับอนุมัติแผนพัฒนาโครงการและสัญญาสัมปทานผลิตปิโตรเลียมของโครงการอาบูดาบี ออฟชอร์ 2 จากหน่วยงานของรัฐอาบูดาบีในยูเออี หลังจากที่ประสบความสําเร็จในการค้นพบแหล่งก๊าซธรรมชาติ ซึ่งจะนำไปสู่การตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (FID)