ก.กลางเตรียมพิจารณาแก้ไข มาตรฐานการสอบคัดเลือกสายงานบริหารท้องถิ่น
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การสอบคัดเลือกเข้ารับราชการในสายงานบริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ได้กลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อข้อกังวลเกี่ยวกับความโปร่งใส ความเป็นธรรม และประสิทธิภาพในการคัดเลือกผู้นำระดับท้องถิ่นถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นวงกว้าง ล่าสุด กระทรวงมหาดไทย โดยคณะกรรมการกลางพนักงานส่วนท้องถิ่น (ก.กลาง) กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาแก้ไข “มาตรฐานกลางในการสอบคัดเลือกสายงานบริหาร” เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและความคาดหวังของสังคม
ภาพรวมของระบบการสอบคัดเลือกสายงานบริหารปัจจุบัน โครงสร้างตำแหน่งในสายงานบริหาร สายงานบริหารในระดับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประกอบด้วยตำแหน่งสำคัญหลายระดับ เช่น ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปลัดเทศบาล ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ผู้อำนวยการกอง / สำนัก รองปลัดเทศบาล / อบต. / อบจ.
บุคคลที่จะดำรงตำแหน่งเหล่านี้ได้ ต้องผ่านการสอบคัดเลือกตามเกณฑ์กลางที่ออกโดย ก.กลาง ซึ่งเป็นกลไกที่กำหนดให้เกิดความเป็นธรรม และคัดเลือกผู้มีความรู้ ความสามารถเหมาะสมกับภารกิจขององค์กร
ขั้นตอนการสอบคัดเลือก ปัจจุบัน การคัดเลือกแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ 1.การประเมินสมรรถนะทั่วไป (Aptitude Test) 2.การสอบข้อเขียนเกี่ยวกับกฎหมายและภารกิจขององค์กร 3.การสัมภาษณ์โดยคณะกรรมการคัดเลือก กระบวนการทั้งหมดมีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินความรู้ ความสามารถ ทัศนคติ และภาวะผู้นำที่จำเป็นต่อการบริหารงานท้องถิ่น
เหตุผลเบื้องหลังแนวคิดการแก้ไขมาตรฐานการสอบคัดเลือก
1. ความไม่สอดคล้องกับบริบทยุคใหม่ บริบทของการบริหารงานท้องถิ่นในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่อง: การบริหารงบประมาณแบบมีส่วนร่วม การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ การมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบ ทำให้ความรู้และทักษะที่จำเป็นต้องเปลี่ยนตาม การสอบแบบเดิม ๆ จึงไม่สามารถวัดความสามารถในมิติเหล่านี้ได้อย่างเต็มที่
2. ปัญหาความไม่เป็นธรรมในการสอบ มีข้อร้องเรียนในหลายพื้นที่ว่า การคัดเลือกบางครั้งถูกครอบงำโดยปัจจัยภายนอก เช่น การวิ่งเต้น การพิจารณาที่ลำเอียง ซึ่งกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน
3. ข้อเสนอจากภาคีเครือข่ายท้องถิ่น สมาคมข้าราชการท้องถิ่นและภาคประชาสังคม ได้เรียกร้องให้มีการปรับเกณฑ์ใหม่ โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับผลงานจริงในพื้นที่ และการมีประสบการณ์ในองค์กร
แนวทางการปรับปรุงที่กำลังพิจารณา
1. เพิ่มองค์ประกอบการประเมินจากภาคสนาม คณะกรรมการ ก.กลาง เสนอให้เพิ่ม “ภาคสนาม” เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการประเมิน เช่น การวิเคราะห์แผนพัฒนาในพื้นที่จริง การเสนอแนวทางบริหารงบประมาณ จำลอง การจำลองภาวะวิกฤตในพื้นที่ และให้ผู้เข้าสอบเสนอวิธีแก้ไข
2. เน้นการประเมินภาวะผู้นำและจริยธรรม แบบประเมินจะครอบคลุมถึงภาวะผู้นำแบบรับใช้ (servant leadership), ความโปร่งใสในการตัดสินใจ และความสามารถในการสร้างความร่วมมือระหว่างภาคประชาชน
3. ปรับบทบาทของคณะกรรมการคัดเลือกให้เป็นกลางมากขึ้น มีการเสนอให้แต่งตั้ง “กรรมการกลาง” จากหน่วยงานภายนอก เช่น สำนักงาน ก.พ.ร. หรือ กรมบัญชีกลาง มาเป็นผู้ประเมินร่วมกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น
4. ใช้เทคโนโลยีในการจัดสอบ เพื่อป้องกันการแทรกแซง เช่น การสอบข้อเขียนผ่านระบบกลางของมหาดไทย การใช้ระบบ AI ในการตรวจข้อสอบ
5. แก้ไขเกณฑ์สิทธิของผู้ดำรงตำแหน่งสายงานผู้บริหารเดิม ในร่างประกาศฉบับใหม่ของคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล (ก.กลาง) ได้มีการเสนอปรับปรุงประเด็นสำคัญ คือ กรณีของพนักงานเทศบาลที่ได้รับการ “ยกเว้น” การสอบคัดเลือกตามมาตรฐานกลาง ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งในสายงานผู้บริหารมาก่อน (เช่น เคยเป็นปลัด อบต. หรือ ผู้อำนวยการกองใน อบต./เทศบาล) แล้วมีการโอนย้ายเข้ามาในเทศบาลแห่งใหม่
ตามประกาศเดิม พนักงานดังกล่าวจะไม่ได้รับสิทธิเทียบเท่าผู้ที่มาจากสายงานผู้บริหารในเทศบาลเดิม โดยต้องเข้าสอบใหม่ตามมาตรฐานกลาง ซึ่งถูกมองว่าไม่เป็นธรรมและขัดกับหลักการบริหารบุคคลแบบต่อเนื่อง ดังนั้น ในร่างฉบับใหม่จึงเสนอให้
ผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งสายผู้บริหารในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น และมีหนังสือแต่งตั้งโดยผู้มีอำนาจ สามารถนำตำแหน่งดังกล่าวมาใช้ขอรับการแต่งตั้งในตำแหน่งสายงานผู้บริหารของเทศบาลใหม่ได้
เงื่อนไขนี้จะครอบคลุมถึงผู้ที่ได้รับแต่งตั้งก่อนวันมีผลใช้บังคับของประกาศฉบับใหม่นี้
ข้อเสนอร่างประกาศ ก.กลาง ฉบับแก้ไข
ในร่างประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล เรื่อง "มาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับการสอบคัดเลือกและการคัดเลือกพนักงานเทศบาลให้ดำรงตำแหน่งสายงานผู้บริหาร" (ฉบับที่ …) พ.ศ. …. ได้เสนอการแก้ไขที่สำคัญไว้ 3 ประการ คือ
ข้อ 1: ให้ยกเลิกความในข้อ 24 ของประกาศเดิม พ.ศ. 2560
ข้อ 2: ให้แทนที่ด้วยความใหม่ว่า “ข้อ 24 ให้ยกเว้นการสอบคัดเลือกตามมาตรฐานกลาง สำหรับกรณีที่พนักงานเทศบาลได้รับการบรรจุแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสายงานผู้บริหารขององค์กรบริหารส่วนตำบล และมีหนังสือแต่งตั้งโดยผู้มีอำนาจตามกฎหมายก่อนการโอนย้ายมาดำรงตำแหน่งในเทศบาล โดยไม่จำเป็นต้องสอบคัดเลือกใหม่อีกครั้ง ทั้งนี้ต้องมีหลักฐานหนังสือแต่งตั้ง และได้รับการรับรองจากหน่วยงานเดิมหรือผู้มีอำนาจ”
ข้อ 3: ให้ใช้ประกาศนี้นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งมติคณะกรรมการกลางฯ เป็นต้นไป
วิเคราะห์ผลกระทบของข้อเสนอนี้ มุมของผู้บริหารท้องถิ่น ข้อเสนอนี้ถือเป็นแนวทางที่ส่งเสริม “ความต่อเนื่องในสายงานบริหาร” และลดปัญหาความไม่เสมอภาคที่เกิดจากระบบโอนย้ายบุคลากรในพื้นที่ต่างๆ ที่ผ่านมา มักพบว่าผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งระดับสูงใน อบต. เมื่อต้องโอนย้ายเข้าเทศบาล กลับต้องเข้าสู่กระบวนการสอบคัดเลือกใหม่ ทั้งที่มีประสบการณ์ตรงและผ่านการแต่งตั้งตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง
มุมของคณะกรรมการคัดเลือก อย่างไรก็ตาม การยกเว้นการสอบนี้ต้องอาศัยระบบการตรวจสอบหนังสือแต่งตั้งและการรับรองที่ชัดเจน เพื่อป้องกันการอ้างสิทธิที่ไม่โปร่งใส โดยเฉพาะในกรณีที่มีการโอนย้ายข้ามเขต/จังหวัด ซึ่งอาจมีมาตรฐานไม่เท่ากัน
ความเห็นจากผู้มีส่วนได้เสีย ผู้สมัคร กลุ่มผู้ที่กำลังเตรียมสอบให้ความเห็นว่า หากปรับปรุงเกณฑ์การสอบให้โปร่งใส และอิงทักษะจริง ก็พร้อมสนับสนุน แม้จะต้องใช้เวลาเตรียมตัวเพิ่ม
เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร หลายองค์กรท้องถิ่นเห็นด้วยกับการปรับแก้ เพราะปัจจุบันยังพบปัญหาเรื่องคุณภาพของผู้ที่ได้รับการบรรจุในบางพื้นที่ เช่น ขาดวิสัยทัศน์ ขาดภาวะผู้นำ หรือไม่เข้าใจบริบทชุมชน
ภาคประชาชน กลุ่มภาคีเฝ้าระวังงบประมาณท้องถิ่นเสนอว่า ต้องมีการเปิดเผยคะแนน การให้เหตุผลในการตัดสิน และหากเป็นไปได้ควรให้มี “การคัดกรองความคิดเห็นของชุมชน” ในกระบวนการคัดเลือก
ความท้าทายในการแก้ไขมาตรฐาน
ต้องแก้ไขกฎ ก.กลาง และระเบียบ ก.ถ. ซึ่งใช้เวลานานและต้องผ่านขั้นตอนหลายระดับ
ต้องเตรียมเจ้าหน้าที่ให้พร้อมรับระบบใหม่ โดยเฉพาะเรื่องการสอบออนไลน์หรือการใช้เกณฑ์ภาคสนาม
ต้องควบคุมไม่ให้มาตรฐานถูกใช้เป็นข้ออ้างในการสกัดคนที่ไม่ใช่ “คนในระบบ”
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ด้านบวก เพิ่มคุณภาพของผู้นำท้องถิ่น ลดการทุจริต เพิ่มความเชื่อมั่นของประชาชน ด้านลบ อาจมีข้อร้องเรียนจากผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์ใหม่ กระบวนการจัดสอบจะซับซ้อนและใช้งบประมาณมากขึ้น อาจกระทบกับความต่อเนื่องในการบริหารงาน หากการบรรจุล่าช้า
ข้อเสนอแนะ ควรมี “ช่วงทดลองใช้ระบบใหม่” อย่างน้อย 2 ปี ก่อนประกาศใช้เป็นทางการ ควรจัดอบรมให้กับผู้ที่ต้องเข้าสอบ และคณะกรรมการสอบในพื้นที่ และควรมีระบบตรวจสอบและรับฟังข้อร้องเรียนจากสาธารณะอย่างเป็นระบบ
การพิจารณาแก้ไขมาตรฐานการสอบคัดเลือกสายงานบริหารท้องถิ่นถือเป็นก้าวสำคัญของการปฏิรูประบบราชการท้องถิ่นในระดับโครงสร้าง หากดำเนินการอย่างรอบคอบ โปร่งใส และมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ย่อมส่งผลให้เกิดผู้นำท้องถิ่นที่มีคุณภาพ เป็นที่เชื่อมั่นของประชาชน และสามารถขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะที่ตอบโจทย์ความต้องการของชุมชนได้อย่างแท้จริง