เหตุผลที่การนับคะแนนในกีฬา "แบดมินตัน" ใช้เลขที่ดูแปลกอย่าง "21 แต้ม"
หากคุณเป็นแฟนกีฬาตัวจริง คงเคยสงสัยว่าเหตุใดแบดมินตันถึงใช้ระบบการนับคะแนนแบบ 21 แต้ม ไม่เหมือนกับวอลเลย์บอลที่นับถึง 25 แต้ม ซึ่งก็ดูเป็นเลขที่ลงตัวและง่ายต่อการเข้าใจ
คำตอบของการที่แบดมินตันใช้กติกา "21 แต้ม" ไม่ได้มีแค่เรื่อง “มาตรฐาน” หรือ “ความยาวของเกม” แต่ยังโยงไปถึงวิวัฒนาการของกีฬา และจิตวิทยาการรับชมของแฟนกีฬาอีกด้วย
ย้อนอดีต: แบดมินตันเคยนับแต้มแบบไหนมาก่อน?
ก่อนปี 2006 การแข่งขันแบดมินตันใช้ระบบการนับคะแนนแบบ 15 แต้ม สำหรับชายเดี่ยวและชายคู่ ส่วนหญิงเดี่ยวกับหญิงคู่ใช้ 11 แต้ม โดยมีข้อแม้ว่าจะ ได้แต้มเฉพาะตอนเป็นฝ่ายเสิร์ฟเท่านั้น ซึ่งทำให้เกมบางแมตช์กินเวลานานเกินคาด และบางครั้งก็น่าเบื่อสำหรับคนดู เพราะสกอร์แทบไม่ขยับเลยหากมีการสลับเสิร์ฟไปมา
จุดเปลี่ยนสำคัญ: การมาของ “ระบบ 21 แต้ม”
ในปี 2006 สหพันธ์แบดมินตันโลก (BWF) ได้ประกาศใช้ระบบใหม่อย่างเป็นทางการ นั่นคือ “การนับคะแนน 3 เกม 21 แต้ม” และที่สำคัญคือ ทุกฝ่ายสามารถได้แต้มไม่ว่าจะเสิร์ฟหรือรับ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพื่อทำให้การแข่งขันกระชับ ตื่นเต้น และคาดเดายากยิ่งขึ้น
ระบบใหม่นี้ทดลองใช้มาระยะหนึ่งก่อนจะยืนยันใช้ถาวร เพราะตอบโจทย์ทั้ง:
- การถ่ายทอดสด (ควบคุมเวลาการแข่งขันได้ดีขึ้น)
- ความเข้าใจง่ายของผู้ชม
- การกระตุ้นให้นักกีฬารักษาความต่อเนื่องในเกมมากขึ้น
ทำไมต้อง “21” แต้ม?
ตัวเลข 21 ไม่ได้ถูกเลือกแบบสุ่ม แต่มีพื้นฐานจากการทดลองว่าเป็นจุดสมดุลระหว่าง:
- ความเร็วของเกม
- ความตื่นเต้นในการไล่แต้ม
- โอกาสกลับตัวกลับใจของผู้แพ้
- ระยะเวลาการแข่งขัน (เฉลี่ย 40–60 นาทีต่อแมตช์)
หากนับถึง 25 เหมือนวอลเลย์บอล แบดมินตันจะยืดเยื้อเกินไป และหากสั้นเกินไป เช่น 11 หรือ 15 แต้ม เกมจะจบเร็วเกินจนผู้ชมรู้สึก “ยังไม่พึงพอใจในการดู”
ส่งผลต่อรูปเกมอย่างไร?
การเปลี่ยนมานับ 21 แต้มมีผลอย่างมากต่อ สไตล์การเล่น ของนักแบดมินตัน:
- นักกีฬาต้อง เปิดเกมเร็ว และเน้นทำแต้มต่อเนื่อง เพราะไม่มีเวลาปรับจังหวะนานเหมือนระบบเก่า
- การพลาดเพียงเล็กน้อยในช่วงต้นเกมอาจกลายเป็น “จุดเปลี่ยน” ได้ทันที
- ทำให้แมตช์แบดมินตันยุคใหม่ดู เร็ว ดุดัน และมีการ คัมแบ็ก ให้ลุ้นอยู่ตลอด
สรุป: ไม่ใช่แค่เรื่องตัวเลข แต่คือกลยุทธ์ระดับโลก
ระบบ 21 แต้มในแบดมินตันไม่ได้ถูกเลือกเพราะความบังเอิญ แต่ผ่านการวิเคราะห์อย่างรอบด้าน ทั้งในแง่การตลาด การแข่งขัน และความน่าดูของเกม ซึ่งทำให้แบดมินตันกลายเป็นหนึ่งในกีฬาที่ดึงดูดสายตาผู้ชมทั่วโลกได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา
ดังนั้น ครั้งหน้าเมื่อคุณดูนักแบดมินตันมือระดับโลกปะทะกันบนสนาม ลองสังเกตดูว่าเพียง "แต้มเดียว" ก็สามารถเปลี่ยนทั้งเกมได้เลย