เผยเรื่องเล่าสลด ลูกโบกปูนแม่หมกห้องน้ำใช้เสื้อผ้า-ปูนเทอำพราง เดินบอกตร. ผมฆ่าแม่ตาย
เพื่อนบ้านเล่าเรื่องราวสุดสลดใจ ลูกป่วยจิตเวชฆ่าแม่หมกห้องน้ำ ก่อนใช้เสื้อผ้า-ปูนเทอำพรางย่านร่มเกล้า
4 สิงหาคม 2568 เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุบ้านแห่งหนึ่ง ซอยเคหะร่มเกล้า 27 แยก 7-2 แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร พบร่างของ นางสาววรนันท์ อายุ 73 ปีอยู่ในถังในห้องน้ำ คาดว่าเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 3 วัน ส่วนผู้ก่อเหตุคือ นายบอย อายุ 33 ปี ลูกชายของผู้เสียชีวิต
ชาวบ้านเล่าว่า ผู้ตายเคยขายลอตเตอรี่แต่ถูกโกงก็เลยเลิกขายไป มีเงินคนชราใช้เป็นรายเดือนไป โดยพักอาศัยกันสองแม่ลูกมาได้ 3 ปีแล้ว ที่ผ่านมาไม่เคยได้ยินเรื่องราวว่าสองแม่ลูกเคยทะเลาะเบาะแว้งกันแต่อย่างใด ทราบเพียงว่าฝ่ายลูกชาย ป่วยเป็นจิตเวชอยู่ แต่ก็ไม่เคยมีอาการอาละวาดหรือก่อความรุนแรงแต่อย่างใด ซึ่งโดยปกติจะเห็นผู้ตายเดินออกมากดน้ำดื่มอยู่เป็นประจำแต่ก็ไม่เห็นมาประมาณ 3-4 วันแล้ว พอมารู้ว่าเป็นเหตุลูกค้าแม่ก็รู้สึกสลดใจ
ร้อยตำรวจเอกสุขุม พุทธรรมรินทร์ พนักงานสอบสวน สน. ร่มเกล้า ระหว่างระหว่างอยู่เวรปฏิบัติหน้าที่พนักงานสอบสวนอยู่ที่โรงพัก นายบอย ผู้ก่อเหตุ ได้เดินเข้ามาที่โรงพัก แล้วบอกว่า ตนเองฆ่าแม่ตาย ที่ศพไว้ในถังน้ำในห้องน้ำภายในบ้าน ตอนแรกก็ไม่เชื่อนึกว่าพูดเล่น แต่เพื่อความแน่ใจ จึงประสานให้ตำรวจสายตรวจไปตรวจสอบ ก็พบว่า ในถังน้ำนั้นมีพิรุธเพราะมีเสื้อผ้าปูนทับถมอยู่ จึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาตรวจสอบก็พบว่ามีศพอยู่ด้านในจริง
พลตำรวจตรี เกียรติกุล สนธิเณร ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 3 เปิดเผยว่า หลังจากนายบอยได้ไปแจ้งตำรวจว่าคาแม่ของตนเอง ได้ควบคุมตัวไว้ จากการสอบถามเบื้องต้นนั้นสาเหตุอาจมาจากความเครียด เพราะผู้ตายต้องคอยหาน้ำหาข้าวให้ลูกชายอยู่ตลอดเวลา โดยนายบอยบอกว่าใช้มือบีบคอแม่ของตัวเองจนเสียชีวิต จากนั้นก็อำพรางด้วยการนำร่างของแม่ใส่ในถังน้ำ แล้วนำเสื้อผ้าไม่ต่ำกว่า 50 ชิ้น มาวางบนร่าง ก่อนจะเทผงปูนซีเมนต์ลงไปในถังเพื่ออำพรางกลิ่น ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวนอย่างละเอียด
ส่วนทางด้านกู้ภัย ได้ให้ข้อมูลว่าได้รับแจ้งจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ตรวจสอบ มีผู้เสียชีวิตภายในบ้านพัก พอตนเองไปถึงบ้านพักที่เกิดเหตุก็พบว่าลักษณะผู้ตายถูกหมกฆ่าอยู่ในถังน้ำและมีปูนทับอยู่ และส่งกลิ่นออกมาจากในห้องน้ำ
จากการตรวจสอบพบว่า นายบอยไม่เคยมีประวัติใช้ยาเสพติด และไม่เคยก่อเหตุรุนแรง แต่มีประวัติรักษาอาการป่วยจิตเวชกับทางโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา ซึ่งในบอยยังอยู่ในการควบคุมตัวของตำรวจ ตามขั้นตอนแล้วจะต้องส่งตัวไปตรวจร่างกาย เพื่อให้แพทย์ลงความเห็นว่าป่วยเป็นจิตเวชหรือไม่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนตามกฏหมายต่อไป