โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

ไทยจ่อฟ้อง UN กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ยันกับระเบิดช่องบกเป็นของใหม่

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 10 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

กระทรวงกลาโหมไทยประกาศแนวทางการตอบโต้อย่างเป็นทางการ หลังจากทหารไทย 3 นาย ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี

พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) กำหนดประชุมเร่งด่วนในวันที่ 20 กรกฎาคม เวลา 14.00 น. โดยมีกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วม เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินการและตรวจสอบหลักฐานทั้งหมด

หลักฐานชี้กับระเบิดใหม่ถูกวางจากฝั่งตรงข้าม

ผลการตรวจสอบโดยกองกำลังสุรนารี พบกับระเบิดทั้งหมด 8 ลูก แบ่งเป็น 2 จุด - จุดแรกพบ 3 ลูก วางห่างกัน 40 เซนติเมตร และจุดที่สองพบ 5 ลูก วางกระจายห่างกัน 90 เซนติเมตร โดยทั้งหมดวางบนผิวดิน มีใบไม้ปกปิด

ด้าน พลโทบุญสิน พลาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันว่า จากลักษณะของกับระเบิดที่มีตัวอักษรชัดเจนและการวาง แสดงให้เห็นว่าเป็นของใหม่ ไม่ใช่ระเบิดเก่าที่หลงเหลือจากสงครามในอดีต นอกจากนี้ จุดที่วางระเบิดอยู่เลยแนวการวางกำลังทหารกัมพูชาไปประมาณ 100-150 เมตร

ไทยปฏิเสธข้ออ้างกัมพูชา เตรียมฟ้องยูเอ็น

แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวหักล้างข้ออ้างของฝ่ายกัมพูชาที่กล่าวหาว่าไทยเป็นฝ่ายวางกับระเบิด โดยระบุว่า "ไม่มีหน่วยทหารหรือผู้บังคับหน่วยไหนมาวางระเบิดใส่ลูกน้องตัวเอง" และชี้แจงว่าการวางกับระเบิดหน้าแนวจำเป็นต้องผ่านทหารไทยก่อน ซึ่งเป็นไปไม่ได้

กระบวนการต่อไปจะเป็นการรวบรวมหลักฐานส่งให้กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อยื่นเรื่องต่อสหประชาชาติ อ้างว่ากัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ที่ทั้งสองประเทศเป็นภาคีร่วมกันในการห้ามใช้กับระเบิดสังหารบุคคล

การตอบโต้และมาตรการรักษาความปลอดภัย

กองทัพไทยจะดำเนินการเก็บกู้วัตถุระเบิดในพื้นที่อธิปไตยของไทยโดยทหารช่าง พร้อมคาดว่ายังมีกับระเบิดหลงเหลืออีกเป็นหลักร้อย แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันว่าจะตอบโต้ตามขอบเขตความเหมาะสมและเด็ดขาดโดยไม่ต้องรอคำสั่งจากรัฐบาล

สำหรับประชาชนในพื้นที่ ทางการยืนยันว่ายังไม่ถึงขั้นต้องอพยพ แต่จะเร่งดำเนินการเก็บกู้ระเบิดตามแนวชายแดนให้ครบถ้วน พร้อมสร้างถนนให้ครอบคลุมพื้นที่ และกำชับให้ทหารช่างระมัดระวังมากยิ่งขึ้น

ผบ.ทบ. กำชับดูแลกำลังพลได้รับบาดเจ็บอย่างดีที่สุด

วันนี้ (19 ก.ค. 2568) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้เปิดเผยถึงสถานการณ์ภายหลังเกิดเหตุการณ์กำลังพลได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิด ระหว่างปฏิบัติลาดตระเวนในพื้นที่ชายแดนช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี และจากการที่พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้ออกมาชี้แจงผลการตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุโดย นปท.3 ที่ระบุว่ามีวางทุ่นระเบิดใหม่ จำนวน 8 ทุ่น ในพื้นที่เขตแดนไทย ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่หน่วยจะรายงานข้อเท็จจริงถึงกองทัพบกและรัฐบาล เพื่อประท้วงผ่าน UN ต่อไป พร้อมเตรียมส่งทหารเข้าตรวจพื้นที่ และเก็บกู้ตลอดแนวชายแดน ควบคู่ไปกับใช้การมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม

จากกรณีดังกล่าว พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก รู้สึกเสียใจอย่างยิ่งต่อเหตุที่เกิดขึ้น ด้วยกำลังพลของกองทัพบกเปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัวเดียวกัน โดยทันทีที่ทราบเรื่อง ได้สั่งการให้ต้นสังกัดติดตามการรักษาพยาบาลอย่างใกล้ชิด รวมถึงดูแลด้านสิทธิและสวัสดิการให้กำลังพลและครอบครัวอย่างเต็มที่ พร้อมยืนยันจะดูแลกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บและครอบครัวให้ดีที่สุด โดยกองทัพบกมีความห่วงใยในความรู้สึกของครอบครัว และบุคคลใกล้ชิดของกำลังพลเสมอมา

โดย ผบ.ทบ. ยังระบุอีกว่า การลาดตระเวนของหน่วยทหารเป็นมาตรการเชิงรุกที่ได้ผลในการตรวจตราและรักษาพื้นที่แนวชายแดนไม่ให้ถูกรุกล้ำ แต่อาจต้องแลกมาด้วยความเสี่ยง ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกนายตระหนักดี และพร้อมทุ่มเทอย่างเต็มกำลังเพื่อภารกิจในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ และจากการตรวจที่เกิดเหตุตามที่ปรากฏความชัดเจนแล้วว่า ทุ่นระเบิดที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นทุ่นระเบิดที่มีการวางขึ้นใหม่ ข้อมูลนี้ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สนับสนุนความชอบธรรมของฝ่ายไทยในการดำเนินมาตรการตอบโต้ต่อฝ่ายกัมพูชา ทั้งในด้านการทหารและด้านการต่างประเทศ

กองทัพบกขอยืนยันว่า จะปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยและเกียรติภูมิของชาติ ด้วยความรอบคอบ และตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง เพื่อให้เป็นที่ยอมรับในสายตาสังคมโลก และไม่ตกเป็นเป้าของการบิดเบือนจากฝ่ายที่ไม่หวังดี ที่สำคัญกองทัพบกตระหนักดีว่า ประชาชนของไทยและกัมพูชาไม่ใช่คู่ขัดแย้งกัน ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดน มิใช่ปัญหาความขัดแย้งระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ จึงไม่ควรปล่อยให้สถานการณ์ถูกตีความผิด จนบานปลายไปสู่ความเกลียดชังระหว่างกัน

ส่วนในเรื่องด่านฯ ผบ.ทบ. ได้ฝากเน้นย้ำว่า ในปัจจุบันฝ่ายไทยไม่ได้มีการ “ปิดด่าน” แต่อย่างใด เป็นเพียงการเพิ่มความเข้มงวดในมาตรการคัดกรองบุคคล และการบริหารเวลาเข้า-ออกให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้นเท่านั้น

อย่างไรก็ดี ในช่วงเวลาที่สถานการณ์มีความละเอียดอ่อน การสื่อสารในสังคม โดยเฉพาะในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ อาจนำไปสู่ความเข้าใจผิด หรือสร้างความแตกแยกได้โดยไม่ตั้งใจ ผบ.ทบ. ขอให้สังคมเชื่อมั่นในเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานว่า ทุกคนต่างทุ่มเท เสียสละ ทำหน้าที่ในด่านหน้าแทนพวกเราทุกคน ซึ่งกำลังใจจากสังคม อาจเป็นเหมือนของขวัญอันทรงคุณค่ายิ่ง รวมถึงความสามัคคีกันของคนในชาติย่อมเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในยามนี้

อนุสัญญาออตตาวา คืออะไร?

ชื่อทางการของอนุสัญญาออตตาวา คือ Convention on the Prohibition of the Use, Stockpiling, Production and Transfer of Anti‑Personnel Mines and on Their Destruction) หรือเรียกสั้นๆ ว่า "อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสะเทือน"

เป็นข้อตกลงระหว่างประเทศที่มีเป้าหมายสำคัญในการห้ามใช้ ผลิต ครอบครอง ส่ง หรือโอนถ่ายทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (anti-personnel landmines – APL) และให้มีการทำลายทุ่นระเบิดเหล่านั้น

อนุสัญญาออตตาวา เปิดให้ลงนามเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 1997 ที่เมืองออตตาวา ประเทศแคนาดา มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 มี.ค. 1999 หลังจากมีการให้สัตยาบันจากอย่างน้อย 40 ประเทศ

สิ่งที่สนธิสัญญาครอบคลุม คือ "ห้ามใช้ ผลิต สะสม ส่งถ่าย และถือนำเข้า-ส่งออก" 
 กำหนดให้ทำลายคลังทุ่นระเบิดภายใน 4 ปี ทำการรื้อฟื้นพื้นที่ที่มีทุ่นระเบิดภายใน 10 ปี (ขอขยายเวลาได้) และสนับสนุนการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ เช่น ผู้พิการ และช่วยประเทศอื่นที่มีภารกิจนี้

ปัจจุบันมีประเทศภาคีประมาณ 165 ประเทศ แต่มีผู้ลงนาม 133 ประเทศ โดยประเทศที่ไม่เข้าร่วม อาทิ สหรัฐฯ จีน รัสเซีย อินเดีย ปากีสถาน ฯลฯ ขณะเดียวกันเริ่มมีหลายประเทศในยุโรป เช่น ฟินแลนด์ โปแลนด์ ลัตเวีย ลิธัวเนีย เอสโตเนีย และยูเครน เริ่มถอนตัวจากอนุสัญญา โดยอ้างว่า “เป็นสิ่งจำเป็นในเชิงยุทธศาสตร์ ท่ามกลางภัยคุกคามจากรัสเซีย

ที่ผ่านมามีการทำลายทุ่นระเบิดสะสมแล้วหลายสิบล้านชิ้น นับตั้งแต่ปี 1999 โดยองค์กรระหว่างประเทศยกย่องว่าเป็นข้อตกลงด้านมนุษยธรรมที่มีประสิทธิภาพที่สุดชุดหนึ่ง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ฐานเศรษฐกิจ

'ทักษิณ' มั่นใจพระดีมีอยู่ 99% ขอคนไทยยังคงศรัทธาพระพุทธศาสนา

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

จับมือสู้ปลาหมอคางดำบทเรียนสัตว์ต่างถิ่นบนความร่วมมือทุกส่วน

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เรียกถก ศบ.ทก.ด่วนพรุ่งนี้ รับฟังผลสอบ 'กับระเบิด'ของ ทภ. 2

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“ทักษิณ”แย้มภาษีสหรัฐคืบหน้าในทิศทางดี ระดับเดียวกับอาเซียน

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความต่างประเทศอื่นๆ

อาหารหรู 1 ชนิด คือ "ขุมพลังทางโภชนาการ" แถมแก้แฮงค์ได้ดี แต่ไฮโซอาจไม่เคยรู้

sanook.com

นักวิจัยเผยพิธีกรรมสุดสยองจากหลุมศพชาวอียิปต์โบราณ

เดลินิวส์

สตาร์ตอัปลิเบียทำฟาร์ม "อะควาโปนิกส์" รับมือวิกฤตขาดแคลนน้ำ

PPTV HD 36

ทรัมป์เผยจะประกาศ ‘ดีลการค้าใหญ่’ เร็วๆ นี้

สวพ.FM91

นางเอก AV เล่าเบื้องหลัง เคยดื่มจนเมาเวลาถ่ายหนัง เผลอใส่ท่าแปลกเองโดยไม่รู้ตัว

sanook.com

นางเอกดัง เผชิญมรสุมดราม่า ชีวิตไร้งานกว่า 3 ปี ล่าสุดขอไม่ทนอีกต่อไป (ต่างประเทศ)

News In Thailand

รถพุ่งชนคนในลอสแอนเจลิส บาดเจ็บระนาวอย่างน้อย 28 คน

เดลินิวส์

'ฮุน เซน' เย้ย คนไทยเชื่อตัวเองมากกว่าทักษิณ หลังฟังผลโพลในรายการถกไม่เถียง

MATICHON ONLINE

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...