โลกมันโหดก็แค่หัดมีความสุขไอสัตว์! ปรัชญาปลากระเบนวิถี ‘Srirajah Rockers’
กลางทุ่งเวิ้งว้าง หญ้าสูงชูชันแวดล้อม บึงเล็กๆ ขุดขึ้นเป็นวงกว้าง เก้าอี้หินอ่อนปักหลักตั้งอยู่ริมฝั่ง แห่งนี้เป็นสถานที่นัดพบกันระหว่างเราและวงดนตรีเคล้ากลิ่นอายทะเลลอยฟุ้งขึ้นจมูก ท่วงทำนองเหมือนจังหวะคลื่นกระทบทราย บางครั้งโหวกเหวกรุนแรง บางครั้งก็ช่างเงียบสงบ แซมไว้ด้วยความหอมสุดจะเขียวขจีบนฝั่งบก
หากถามว่าทำไมต้องลงหมุดไว้ในสถานที่เช่นนี้
“รำพึงรำพัน พันลำอย่างลำพัง ใจพัลวัน ในเมืองช่างมันเสียงดัง” ก็เพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นพวกเขา ความเป็น ‘ศรีราชาร็อกเกอร์’
เราจะพาหลบหนีจากเมืองใหญ่ชั่วขณะ ล้วงลึกความลับของวงดนตรีที่มีสมาชิกมากถึง 12 คน! ดูจะเป็นไปไม่ได้ แต่มันเป็นไปแล้ว คำว่ายิ่งมากคนยิ่งมากความคงต้องขอโบกธงขาว พ่ายแพ้ให้แก่วงดนตรีที่รวมตัวกันกลั่นเนื้อชีวิตออกมาได้อย่างปะฉะดะ เหมือนกระชากวิญญาณเราออกมาฟาดว่าเฮ้ย! อย่าล้มนาน มึงลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปตากแดดเลย
“สวัสดีครับ พวกเราศรีราชาร็อกเกอร์ Gen 4.5 ครับ” ทิ้งด้วยเสียงหัวเราะร่วน ผู้ที่พูดเปิดประเดิมประโยคแรกไม่ใช่ใครที่ไหน ‘วิน - วิน ชูจิตารมย์’ นักร้องนำบ้าพลังที่เมื่อขึ้นเวทีเมื่อไหร่ พื้นจะเป็นอันสั่นไหวด้วยแรงกระทืบของเขา
สีชาดิวะ
เป็นอันต้องหยิบยืมแฮชแท็กเดือดประจำวงมาใช้ตั้งหัวบท ย้ำชื่อกันให้ขึ้นใจเสียหน่อย รุ่นแรกของศรีราชาร็อกเกอร์กำเนิดขึ้นในอำเภอศรีราชา สมัยที่วินยังเรียนไปขับร้องเล่นไป ถึงจะมีคำว่าร็อก แต่ก็ไม่ใช่วงร็อกที่ผงกหัวขึ้นลง ว้ากสุดเส้นเสียง เขาแค่นำความชอบในหนังที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้อย่าง Rockers it’s dangerous มาผสมเข้าด้วยกัน
และตอนนี้ตรงหน้าเรามีดวงตาจ้องอยู่ถึง 9 คู่ ถึงจะขาดไปอีก 3 คู่ เท่านี้ก็เกร็งจะแย่แล้วล่ะ ว่าแต่วงโคจรเหล่านี้มาบรรจบกันได้อย่างไร บทสนทนาจะเริ่มนับจากบรรทัดนี้
คัดเลือกสมาชิกวงดนตรีจากอะไร
“ธรรมชาติครับ พวกเราเป็นคนใกล้ๆ ตัวกันอยู่แล้ว” มือเป่าทรอมโบนประจำวงพูดขึ้นก่อนใคร เขาคือ อุ้ย - พัทธดนย์ เจษฎารมย์
“ใช่ ไม่ได้มีการคัดเลือก หรือทดสอบอะไรเลย เนี่ย! อย่างไอ้โตนไง ไหนมึงเล่าซิ” วินยื่นไมค์ให้ สโตน - โชติพัฒน์ โพธิ์เผือก นักตีกลองมือฉมังตอบ “ผมเคยส่งวิดีโอตีกลองไปให้พี่ๆ เขาคอมเมนต์กลับมาตอน ม.4 แต่ก็หายกันไปนาน จนได้เจอกันอีกครั้งที่งาน Backyard พี่วินก็ชวนมาทำงานด้วยครับ”
วินเสริมต่ออีกครั้ง “ตอนเจอเขาผมไม่รู้นะว่าใครเป็นคนตีกลองในงานนั้น ลูกรับลูกส่งแม่งเหมือนกูตีเองเลย ผมเลยชวนเขามาลองซ้อม แล้วก็เริ่มได้อัดในสตูดิโอ สมาชิกวงส่วนใหญ่ก็จะเป็นเพื่อนๆ กัน รุ่นพี่รุ่นน้องกัน เห็นกันมาตั้งแต่เด็กก็มี เป็นคนในวงการเรกเกที่เห็นกันหมด อยู่ในโลกแคบๆ ของพวกเรา อย่างน้องเบลที่เพิ่งเข้ามาก็เล่นกับวง Rootsman Creation มาก่อน”
เสียงร้องนำของวินหาคอรัสลงตัวยากหรือเปล่า
จู่ๆ วินก็หัวเราะนำ “ฮึๆ! รัดคอมากกว่าครับ คือมันจับพลัดจับผลูกันมาโดยไม่ได้ตั้งใจเลย”
เบล - ธิดารัตน์ สิงห์สุวรรณ และแตงโม - รัตนากร อ่อนแก้ว คือสองสาวคอรัสที่แม้จะเสียงหวานละมุนตรงข้ามกับความโหวกเหวกของวิน แต่พวกเขากลับผนวกเข้ามาเป็นความกลมกล่อมได้ดี แตงโมเองเป็นแฟนเพลงของสีชามาก่อน และค่อยๆ ขยับขึ้นมาเป็นหนึ่งในสมาชิกวง
พวกคุณมีความชอบอะไรที่เหมือนกันบ้าง
“น่าจะเป็นดนตรีเรกเกที่แหละที่เป็นจุดศูนย์กลาง” อุ้ยตอบ
ตามด้วยเสียงของ มิ้นต์ - จิรวุฒิ คุณะดิลก มือกีตาร์แทรกขึ้น “ใช่ครับ เหมือนกันครับ”
สโตนพูดขยายต่อจากอุ้ย“เพราะความรักในเสียงดนตรีเป็นหลักเลยครับที่ทำให้อยู่ด้วยกันได้”
“ไม่มีใครจำเป็นต้องแสดงตัวว่าเป็นเรกเก ทุกคนเป็นตัวเองได้อย่างธรรมชาติ” คราวนี้เราเพิ่งจะได้ยินเสียงจาก ปิ้ก - พีรเดช เทพบุตร นักเล่นเบสที่นั่งขรึมอยู่นานเป็นครั้งแรก เขาสวมเสื้อยีนส์ กางเกงยีนส์เข้ารูป และรองเท้าหนัง แน่นอนล่ะว่านอกจากคำตอบของเขา ก็น่าจะเป็นการแต่งตัวที่ชี้ชัดได้ดีถึงความเป็นตัวเองในแบบที่ไม่ใช่เรกเกตะโกน
“คือมั่วซั่วตั้วเหลงอะ” วินพูดทั้งหัวเราะ
และอีกสองหนุ่มภายใต้แว่นกันแดดที่เรารอให้เขาเอ่ยปากอยู่ คือบอล - ชนัฏ อิศรางกูร ณ อยุธยา มือคีย์บอร์ด รวมถึงกอล์ฟ - ธนพงศ์ ท้าวเมือง นักตีเครื่องกระทบประจำวงที่วันนี้มาในชุดแต่งกายยุค 90 สีแดงฉูดฉาด
กลั้นหายใจอีกไม่นาน คุณคงได้ยินเสียงพวกเขาในประโยคใดประโยคหนึ่ง
วันธรรมดาของเหล่าศรีราชาร็อกเกอร์เป็นอย่างไรบ้าง
นักร้องนำขาประจำบทสนทนาครั้งนี้ตอบ “เวลามีเล่นทีหนึ่ง พวกเราก็จะมารวมตัวซ้อมเพลงกัน แล้วก็แยกย้ายไปใช้ชีวิตของตัวเอง ต่างคนต่างก็มีเรื่องของตัวเอง แต่ถ้าได้เจอกันนะ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบบนี้แหละ ซ้อมดนตรี เติม! เหมือนพวกนายที่เจอกันแล้วแฮงก์เอาต์กัน คุยเรื่องไร้สาระ”
กระตุก สะดุด อย่าไปหวั่นไหว
ก็เสือกเกิดมาเป็นคนใช่ไหม
ความลงตัวของพวกเขาเกิดจากการจับพลัดจับผลูก็จริง แต่หากทุกคนไม่ได้มีแก่นกลางหัวใจราวสลักคำว่าศรีราชาร็อกเกอร์ไว้ ก็อาจไม่ได้เห็นร่างของพวกเขาปรากฏอยู่ตรงนี้ วินว่าแม้ตอนนี้จะเป็นรุ่น 4.5 สำหรับเขากลับไม่ใช่การเปลี่ยนผ่าน แต่คือการออกเดินทางไปตามลม ถึงไม่รู้ว่าวันต่อไปจะเป็นอย่างไร ไม่เคยคาดหวังว่าจะต้องไปถึงจุดไหน เขาปล่อยให้ทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างธรรมชาติ แล้วประสบการณ์ก็คงจะสั่งสอนให้ฉกาจขึ้นเอง แต่เราเองก็อยากรู้ว่าเจตจำนงของรุ่นแรกยังถูกสานต่อมาถึงรุ่นนี้หรือเปล่า
ดนตรีแบบศรีราชาร็อกเกอร์ต้องเป็นอย่างไร
“ด้วยตัวเพลงของศรีราชา ถ้าเราฟังจากซีดีอย่างเดียวก็คงรับรู้ได้ถึงความหมายเพลงที่จะสื่อ แต่พอไปฟังสด เอเนอร์จีวงเราเยอะมาก เวลาอยู่บนเวทีทุกคนส่งพลังของตัวเองมาได้ ผมอยู่ตรงนั้นยังรู้สึกเลย คิดว่าน่าจะส่งพลังไปถึงคนดูได้” อุ้ยตอบ
ปิ้กเติมกลิ่นอาย “พอพูดถึงวงเรกเก คนคงจะชอบนึกภาพน้าผมยาวถัดเดรดล็อก”
วินพูดต่ออีกครั้ง “ผมว่าคนน่าจะคิดถึงภาพแบบจิ๊กโก๋ หรือนักเลงแหละ แต่พวกคุณต้องมาดูเวลาศรีราชาขึ้นเล่นนะ แล้วจะเก็ตเลยว่ามันไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนั้น”
ตามด้วยสาวคลอเสียงคอรัส “สำหรับเบลดนตรีแบบศรีราชาคือพลัง ไม่ว่าจะเพลงช้า เพลงเร็วก็ตาม แต่เราจะรู้สึกได้ถึงพลังจริงๆ”
“พวกเราเป็นวงเรกเกที่ขี้ดื้อตั้งแต่แรกจนถึงวันนี้ ยังเชื่อในสิ่งที่ทำมาตั้งแต่แรก ความฝันเคยเป็นอย่างไรก็ยังเป็นอย่างนั้น เราซื่อสัตย์ จริงใจกับตัวเอง ไม่มีตื้น ลึก หนา บาง ไม่มีความต้องการนอกเหนือจากได้ทำเพลงไปเรื่อยๆ คลอดเพลงต่อไป เราอยากให้มากกว่าความบันเทิง ได้พลังชีวิต ได้ความคิด ให้เพลงทำหน้าที่เป็นเพื่อน คอยเตือนสติเล็กๆ น้อยๆ ได้ก็ยังดี ตอนนี้คนอาจจะไม่ได้ฟังธรรมนะผมว่า เพลงเลยกลายเป็นเหมือนทางเลือกหนึ่งในศาสนา เราเป็นวง Alternative อาจจะไม่ใช่วงเรกเกจ๋าๆ แต่เราเลือกที่จะใช้เปลือกเรกเกในการขับความขบถนั้นออกไป” วินทิ้งท้ายคำตอบ
ดื้อขนาดไหน
วินเงยหน้าคิด “ใช้คำว่าถ้าไม่ดื้อก็อาจจะเปลี่ยนไปอีกแบบที่ไม่ใช่ในทุกวันนี้ พวกเราดื้อกับระบบ พยายามสร้างระบบด้วยตัวเอง ไม่พึ่งพาใครเลย พยายามพึ่งพาสิ่งที่เรามีด้วยตัวเอง มีค่ายยื่นข้อเสนอมา เราก็เลือกที่จะปฏิเสธ เพราะเราอยากเป็นตัวเองมากๆ ไม่อยากขึ้นตรงต่อใคร ไม่อยากให้ใครขึ้นตรงต่อเรา เราดื้อแต่เราสุภาพนะ ไม่หัวแข็งด้วย ถ้าไปอยู่ในที่ที่มีระบบของเขาก็อาจจะไม่แฮปปี้ เราพอใจกับระบบที่เราสร้างขึ้นมาตลอด 20 ปี มันแข็งแรงแล้ว ความสำเร็จคือได้เป็นตัวเองต่อไปเรื่อยๆ”
ตั้งแต่ทำวงดนตรีมา มีอะไรที่เป็นอุปสรรคที่ยากที่สุดหรือเปล่า
จำได้ว่าเมื่อเข้าคำถามนี้ ทั้งวงเงียบงันยกเว้นเสียงเดียวของนักร้องนำ “ถ้าฐานะที่ผมเป็นลีดเดอร์ เวลารู้สึกแย่ หรือเกิดความคิดที่ไม่ดีก็จะส่งผลกับคนรอบๆ ให้เขาไม่สบายใจไปด้วย ถ้าผมจิตตกก็จะหายไปเลย ทุกวงคงต้องผ่านเหตุการณ์สะเทือนกันมาบ้างแหละ เรื่องการขัดแย้งในแนวคิดของกัน ตอนนั้นที่มันเกิดปัญหาก็ต่างคนก็ต่างเครียด เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราเป็นทุกข์สัตว์ๆ อะ จากที่เคยมีความสุขมาด้วยกัน มีปัญหาตลอดเวลากับวงที่พยายามจะสร้างระบบด้วยตัวเอง อืม แค่ต้องแก้มันไปเรื่อยๆ”
Roots rock reggae music never stop
Roots rock reggae music From The Top
เสียงที่คุณรอคอยมาแล้ว! เมื่อเราถามเพลงโปรด กอล์ฟชิงตอบว่าเขาชอบเพลง From the Top มากที่สุด ด้วยเหตุผลหนึ่งที่ฟังแล้วกระแทกใจ “ต่อให้วันข้างหน้าวงศรีราชาร็อกเกอร์จะสลายไป แต่อย่างไรเสีย เรกเกก็ยังคง Never Stop และหากมีรุ่นใหม่กำเนิดขึ้น พวกเขาก็คงจะ Never Stop เช่นกัน”
ในกระบวนการสร้างดนตรีฉบับศรีราชาร็อกเกอร์ ตัวปูทางคือวิน ผู้ที่เก็บงำชุดความคิดของตัวเองไว้ ระหว่างนอนไกวเปลเล่นกีตาร์อะคูสติกบนเกาะอย่างเบาสบาย ก่อนจะนำความคิดที่มีมาระเบิดใส่คนในวง
“บางเพลงพอได้ฟังแล้วก็ซ้อมกันวันรุ่งขึ้นเลยนะ” วินเปิดประเดิมขั้นตอน
สโตนว่าตาม “หลังจากนั้นพวกเราก็จะทำการบ้านกันมา แต่ละคนก็จะซ้อมไปเรื่อยๆ อัดใส่โทรศัพท์เป็นเดโมของตัวเอง ถ้าพี่วินฟังแล้วให้ผ่านก็โอเคแล้ว”
วินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไถอวดไฟล์เดโมนับไม่ถ้วน ทั้งชื่อเขาและสมาชิกในวงปะปนกันเกือบร้อยไฟล์ วินยังไม่เคยลบไฟล์แรกทิ้งไปเลยด้วยซ้ำ เราเชื่อว่าต่อให้ความจำเครื่องเต็ม นี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดจะลบออกเป็นแน่
และอีกหนึ่งเสียงที่คุณรอคอยจากบอล “บางทีมันไม่รู้สึกตรงห้องซ้อมร้อยเปอร์เซนต์หรอก ต้องอัดแล้วกลับมาฟังซ้ำหลายๆ รอบ บางทีก็อยากเปลี่ยนคีย์มัน ขยายท่อนนี้ หดท่อนนั้น”
“เราคิดอะไรออก ถึงจะเป็นวลีสั้นๆ ก็จะอัดเอาไว้ ก่อนส่งให้ทุกคนฟัง ค่อยๆ ซึมซับกันไปจนเข้าใจว่าต้องเล่นอะไร กระบวนการทำเพลงของเรามีหลายอารมณ์มาก ไม่ได้แฮปปี้เอนดิงหรือชิลๆ แบบที่เห็นนะ ผมแม่งยังมีน้ำตาซึมใส่คนในวงเลย ขัดแย้งกันบ้าง ทะเลาะกันบ้าง แม่งมากกว่าเพลงอะ” วินพูดต่อท่อนด้วยสีหน้าที่โคตรจะอีโม
แล้วหาจุดลงตัวในการทำเพลงด้วยกันได้อย่างไร
อุ้ยว่า “เล่นสดพร้อมกันไปเลย เราจะไม่จ่อกันอยู่หน้าคอม เริ่มจากทุกคนมีเครื่องดนตรีอยู่ในมือ จดจำท่อนของตัวเองไว้ว่าจะต้องทำแบบนี้”
“บางเพลงเราเล่นกันเป็นปีแบบไม่เร็กคอร์ดเลยด้วยซ้ำ เล่นจนคุ้นมือ ทุกเพลงมันมีชีวิตได้ก็เพราะเคลื่อนที่ไปอยู่เรื่อยๆ พวกเราอยากให้เพลงสดใหม่เสมอ ไม่อยากเห็นมันซ้ำไปซ้ำมา” วินขยายความ เขาทิ้งลมหายใจก่อนจะอวดขึ้นเสียงดัง “เนี่ย! เรามีไปทัวร์ที่ญี่ปุ่นด้วยนะ แผ่นเสียงของศรีราชาร็อกเกอร์ ถ้าขายดีรองจากประเทศไทยก็คือญี่ปุ่น สิ่งที่เราไม่คาดหวังแม่งเดินทางไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ มันมีคนเห็นคุณค่าเราอยู่ ผมคิดว่านั่นคือรางวัล”
คิดว่าความเป็นเราไปโดนเส้นคนญี่ปุ่นเข้าตรงไหน
วินเงยหน้าคิดคำตอบ“เท่าที่ผมวิเคราะห์นะ คือเขาคงรู้สึกว่าเราเป็นตัวของตัวเองมาก เขาฟังแล้วมีความหวัง รู้สึกถึงอิสรภาพอะไรบางอย่างในดินแดนนี้ ลม แสงแดด ทะเล ที่ทำให้ได้ปลดปล่อย พวกเขามองเห็นพวกเราไปถึงข้างใน”
ใช่มีเพียงความหอมจากดอกใบ
แต่คุณค่าแท้จริงจากเนื้อใน
หลายคนที่เข้าสู่วังวนดนตรีเรกเกก็อาจจะรู้จักพืชชนิดนี้ หรือหากไม่รู้จักก็ไม่ผิดอะไร หนึ่งในวงที่หยิบยกแก่นของการใช้ใบเขียวอื๋อนี้ขึ้นมาประพันธ์เพลง ก็คือศรีราชาร็อกเกอร์ ขอบอกเลยว่าฟังแล้วอาจจะล่องลอยเหมือนอยู่ท่ามกลางหมู่ควัน หลับตาพริ้มอิ่มความสุข เป็นอันต้องถามว่าดวงตา 9 คู่ตรงหน้าเราคาบเกี่ยวกับมันอย่างไรบ้าง
มีความหลงใหลในกัญชาเหมือนกันทุกคนเลยหรือเปล่า
“ไม่หรอก ผมมีปมกับกัญชาก็กลายเป็นเบียร์บอยไปเลยนะ” ปิ้กยิ้มอ่อน
วินพูดแหย่ทำหน้าทะเล้น “แล้วเมื่อไหร่มึงจะมีปมกับเบียร์ครับ”
“ผมสูบบ้างนานๆ ที แต่ที่ชอบมากกว่าคือบรรยากาศที่ได้อยู่กับวง ผมว่าความชอบของแต่ละบุคคลทำให้เกิดเพลงขึ้นนะ” กอล์ฟทำเสียงสดใส
อีกเสียงหนึ่งที่สดใสยิ่งกว่าจากนักร้องนำ เขากำลังนั่งขยี้เท้าตัวเองเล่นกับรองเท้าแตะช้างดาว “ผม Work hard, Smoke hard (หัวเราะ) แต่ว่าใช้โดยที่ไม่ได้ถูกกัญชาใช้นะ พวกเราก็ทำงานดูแลครอบครัวปกติ ไม่มีผลต่อการใช้ชีวิตหรอก เพราะเราบาลันซ์มันได้ดี ทั้งหมดที่เราเล่าไปในเพลง พอรวมกันแล้วภาพทั้งหมดคือชีวิตพวกเราที่คลุกคลีกับกัญชา ดนตรี การเมืองที่แม่งขึ้นๆ ลงๆ หรือธรรมชาติ แบ่งกันไปอย่างละ 20 เปอร์เซนต์ ความรักผสมด้วยนิดๆ”
แต่ละเพลงมักบ่งบอกถึงสัจธรรมชีวิต ตอนนี้มีสัจธรรมไหนที่ยึดถือใช้กันอยู่บ้าง
“อย่าทำใครเดือดร้อนครับ ทำดีได้ดีทำชั่วก็ได้ชั่วแลกกัน” ปิ้กพูดทั้งแตงโมที่นั่งข้างๆ ก็พยักหน้ารับเห็นด้วย
บอลว่าตามอย่างฉับพลัน “ไม่ประมาท ตั้งสติก่อนสตาร์ต”
ตามด้วยกอล์ฟ“วันนี้อยากทำอะไรทำครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ตายแล้วไม่ได้ทำ”
“ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรแน่นอน” เบลตอบกระชับ
“ไม่มีอะไรแน่นอน แต่กูเนี่ยนอนแน่” เอาอีกแล้ว นักร้องนำเสียงหัวเราะอีกแล้ว“ผมว่าความคิดมาก ความตึงเครียดเป็นเรื่องปกติของชีวิต เดี๋ยวมันก็ผ่านไป เบิกบานเข้าไว้”
เราจะเป็นคนเบิกบานกับชีวิตได้อย่างไร
วินขยายความ“สำหรับผม ถ้าจะเบิกบานได้คงต้องพยายามไม่จมกับตัวเอง ออกไปนอกห้องบ้าง ความสงบแม่งคือความเบิกบานข้างในที่ไม่ร้อนรนอะไรจนเกินไป ไม่ใช่ว่าต้องมีความสุขยิ้มแฉ่งตลอดเวลา จริงๆ เราอาจจะหน้านิ่งอยู่ แต่แค่เป็นสุขข้างในก็พอแล้ว”
ลูกจงเบิกบาน
จงเบิกบานทุกวินาที
ใช่ว่าเสียงเพลงของศรีราชาร็อกเกอร์จะส่งมอบแต่ความสนุก ใช่ว่าจะมีเพียงเสียงแคนบรรเลงอย่างร่าเริงให้ร่างกายพุ่งขึ้นสูง แต่เนื้อหาที่พาเราปลิวว่อนไปก็ด้วยเช่นกัน และอาจว่อนไปจนหลงทางได้หากเผลอปล่อยให้สติไหลไปตามอารมณ์
วินพูดว่าเขาภูมิใจกับทุกเพลง หากมันทำให้คนฟังฉุดตัวเองกลับมาได้อีกครั้ง แต่แล้วก็กลับมีสีหน้าเศร้าสร้อย เมื่อต้องพูดถึงหนึ่งในเพลงที่มีเรื่องเข้าออกสับเปลี่ยนอยู่เสมออย่าง ‘ธุลีดิน’
“ผมมีรุ่นน้องที่ฟังแล้วดิ่งจนเขาหายไป บางคนฟังแล้วกระโดดขึ้นไปได้สูง มันวนเวียนจนรู้ว่าเพลงๆ หนึ่ง คนแต่ละคนทำให้เกิดคุณค่าเป็นของตัวเองได้ไม่เหมือนกัน ถ้าไม่รู้เรื่องการมีสติหรือดึงตัวเองกลับมาจะเสียโอกาสที่จะมีความสุข เราจะปล่อยให้ความคิดฝ่ายชั่วครอบงำ พาเราไปทำเรื่องงี่เง่า แต่ถ้ายังมีสติอยู่ อีกคนก็จะเฮ้ย! กลับมาๆ อย่าเพิ่งไปไหนไกล ผมไม่ได้มองว่านั่งสมาธิแล้วจะบรรลุ ผม Fuck that shit แล้ว ไม่ต้องทำให้ถึงขั้นมีสติหุ้มเป็นเปลือกนอกไปเลย ผมว่ามันอยู่ข้างใน ความสงบที่ไม่ทุกข์ไม่สุขเกิน แค่ควบคุมชีวิตให้ยังคงไปเรื่อยๆ จนถึงวันสุดท้าย ผมว่าแม่งสำคัญสัตว์ๆ เลย” วินร่ายถึงความมีสติอยู่กับตัว และแล้วมวลก้อนความโศกเศร้าก็ค่อยๆ ถูกเป่าให้หายไป เมื่อเราถามคำถามนี้
สำหรับคนทำดนตรีที่ใช้อารมณ์ล่องลอยสูง มีวิธีดึงสติมาอยู่กับตัวเองอย่างไร
“อานาปานสโตรก! โช้กเอาครับ” คำตอบของวินทำลายบรรยากาศอึมครึม เสียงขำลั่นขึ้นอีกครั้ง “ออกไปวิ่ง เล่นสเกตบอร์ด ขี่จักรยาน ไม่รู้ดิ ทุกคนต้องมีสตินะ ไม่งั้นก็หัวทิ่มสิ เมื่อก่อนผมก็นั่งสมาธิ กรรมฐาน เอาหมดเลย แต่มันไม่ใช่ตัวกูอะ ส่วนตัวผมไม่ดื่ม เพราะเวลาดื่มแล้วไม่มีสติ ผมไม่ได้พยายามจะยัดเยียดให้กลับมาอยู่กับตัวเอง แต่แค่รู้ตัวอยู่เรื่อยๆ ว่ากำลังคิดอะไร จังหวะที่วิ่งแล้วแม่งเหนื่อยคงไม่คิดอะไร เพราะอยู่แต่กับลมหายใจ แต่ละคนก็มีทางออกของตัวเอง อย่างเบลจะเล่นโยคะ แตงโมก็วาดรูปทั้งวันทั้งคืน”
ท้ายที่สุดแล้ว อยากบอกอะไรกับคนที่เห็นวงศรีราชาร็อกเกอร์เป็นแบบอย่างบ้าง
วินทิ้งคำตอบถึงศิลปินหน้าใหม่ที่อยากเดินตามรอยพวกเขา “ระบบวงแบบพวกผมมันไม่เหมือนออฟฟิศนะ อย่างแรกเลยคุณต้องเป็นตัวของตัวเอง ให้สภาพแวดล้อมหรือผู้จัดการเกื้อหนุนเราด้วย ให้เขาเข้าใจในสิ่งที่เราเป็นจริงๆ แล้วพอผ่านเวลามันจะค่อยๆ แข็งแรงขึ้น ระบบที่เราเป็นกันอยู่ก็ลองผิดลองถูกมาเยอะกว่าจะแข็งแรง”
และเครื่องยืนยันได้ดีถึงความแข็งแรงของศรีราชาร็อกเกอร์ คือจดหมายฉบับหนึ่งที่ดูตั้งใจฝึกมือเขียนภาษาไทยเหลือเกิน กระดาษตีเส้นบรรทัดถูกส่งมาจากแฟนเพลง ระหว่างที่วงขึ้นเล่นคอนเสิร์ตในประเทศญี่ปุ่น ด้วยใจความที่เราตัดมาให้อ่านเล็กน้อย
“ฉันเป็นคนญี่ปุ่นที่รักในเสียงดนตรีเรกเกที่พวกคุณเล่นขึ้นมากๆ เสียงดนตรีของพวกคุณ คือการหลอมรวมจิตวิญญาณอันภาคภูมิของชาวไทย คำสอนของพระพุทธเจ้า และจิตวิญญาณแห่งราสตาฟารี โดยเฉพาะเสียงแคนที่พี่วินเล่น และพลังเสียงของ Sound System สำหรับฉันมันคือกุศลที่นำฉันไปสู่หนทางที่ดี ขอบคุณสำหรับการพบเจอในครั้งนี้” จากอากาเนะ ยามากุจิ
เราคิดว่าศรีราชาร็อกเกอร์กำลังทำให้เรกเกทะยาน From the Top อย่าง Never Stop แล้วจริงๆ