จับเข่าคุย “ยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์” พ่อมดอสังหาฯ ร่ายมนต์ขาย "สโคป ทองหล่อ" ห้องละ 200 ล้าน
ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์เมืองไทย ชื่อของ “ยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์” ติดโผผู้บริหารในอันดับต้นๆ วันนี้ “ฐานเศรษฐกิจ” ได้มีโอกาสมาเยี่ยมชมโครงการ “สโคป ทองหล่อ” หนึ่งในโปรเจ็คล่าสุดของคุณยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโคป จำกัด ที่ให้เกียรติเป็นไกด์กิตติมศักดิ์พาสำรวจทุกซอกมุม พร้อมถ่ายทอดประสบการณ์ในวงการอสังหาฯ ที่มีมากว่า 30 ปี เจ้าของฉายา “พ่อมดอสังหาฯ” แบบจุใจ
ผมเริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 20 ปีกว่า ด้วยความโชคดี ผมได้อยู่กับคุณเศรษฐา (ทวีสิน) ผมเริ่มทำตึกแรกเมื่ออายุ 25-26 ปี ตอนนั้นยังไม่มีประสบการณ์เลย แต่ด้วยความที่เราเรียนรู้ ยอมรับ ถามเยอะ คุยกับคนเยอะ ผมเป็นเด็กที่มีโอกาสจับพันล้านโครงการแรกในชีวิต ถือเป็นความโชคดีของผม
กว่า 30 ปีในวงการอสังหาฯ เป็นที่รู้กันดีกว่า “ยงยุทธ” ผ่านองค์กรชั้นนำมาแล้วแทบจะทุกค่าย ไม่ว่าจะเป็น “แสนสิริ” “กลุ่มอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์” “แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์” นอกจากการเป็นนักขายมือทอง เขายังเป็นดีเวลลอปเปอร์ ที่ใครหลายคนอยากร่วมงานด้วย
“เมื่อผมลาออกจากคุณเศรษฐา เพราะผมอยากตั้งบริษัทเอง เค้าก็ให้ออกมา ไม่ได้ว่าอะไร และก็ยังดูแลกันอยู่ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้”
ที่มาของฉายา “พ่อมดอสังหาฯ”
“ยงยุทธ” บอกว่า การก้าวออกมา ทำให้ผมกลายเป็น consultant เต็มตัว ผมอยากเป็น developer ผมไม่อยากเป็นนักการเงิน ผมไม่อยากทำเพื่อกำไรสูงสุด มันไม่ใช่วิธีการทำงาน
เรามาทำ consultant เป็นแบบซื้อที่ดินให้ด้วย ติดต่อทุกอย่างให้ด้วย ขายของให้ด้วย และนั่นคือจุดเริ่มต้นของแบรนด์ “ไอดีโอ” (Ideo) ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงในเวลาต่อมา
ตอนนั้นต้องยอมรับว่าเราดังมาก ช่วงก่อนโควิด เป็นนักการเงินก็เป็น บริษัทที่ผมทำอยู่รุ่งมาก เนื่องจากเราแก้ปัญหาให้คน ตึกขายไม่ออกในอดีต ผมขายได้หมดทุกตึก นั่นคือทำไมเค้าเรียก "พ่อมดอสังหาฯ"
ทุกตึกที่ขายไม่ได้ ผมให้ทีมงานเข้าไปดู เลือกจอง ก่อนนำมาปล่อยขาย โดยไม่บอกเจ้าของด้วยซ้ำไป หรือบางโครงการเจ้าของ ก็ติดต่อมาให้ ผมก็ให้ทีมงานผมเข้าไปรีแบรนด์ ปรับใหม่ ทำใหม่ วางแผนใหม่ และทุกอย่างผ่านพ้นไปได้
หนึ่งในโปรเจ็คที่ “ยงยุทธ” ภาคภูมิใจ คือการเข้าไปปลดล็อก “กฤษดามหานคร” หนึ่งในบริษัทที่เคยเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการอสังหาฯ เมืองไทย จนสามารถแก้หนี้เสีย และพลิกฟื้นมาได้
ยงยุทธ บอกว่า หากจะให้เล่าถึงประสบการณ์ในชีวิตที่ฝ่าดง ผ่านร้อน ผ่านหนาวในวงการอสังหาฯเมืองไทย เล่าทั้งวันคงไม่จบ (ซึ่งก็น่าจะจริง)
ซื้อที่ดินแพงสุดในกทม.
แต่จุดเปลี่ยนสำคัญของ “ยงยุทธ” คือการก้าวเข้ามาพัฒนาที่ดิน ภายใต้บริษัท สโคป จำกัด เมื่อ 8 ปีก่อน ซึ่งช่วงเวลานั้นใครจำได้ ชื่อของ “ยงยุทธ” และ “สโคป” กระฉ่อนหน้าสื่อ เมื่อเขาสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการประมูลซื้อที่ดินแพงที่สุดใตารางวาละ 3.1 ล้านบาท (ช่วงปลายปี 2560) โดยร่วมกับเอสซี แอสเสทฯ ซื้อที่ดินริมซอยหลังสวน ตรงข้ามโรงเรียนมาแตร์เดอี ย่านเพลินจิต เนื้อที่ราว 2 ไร่เศษ หรือ 880 ตารางวาในราคา 2,728 ล้านบาท ก่อนที่ “ยงยุทธ” จะเนรมิตเป็นโครงการสโคป หลังสวน (SCOPE Langsuan) ในปัจจุบัน
“ตั้งแต่แรกผมวางแผนไว้ 3 จุด เป็นเส้นทางเดียวกัน คือ “สโคป หลังสวน” เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ อายุน้อย ซื้อไว้ลงทุน โครงการถัดมาเป็น “สโคป พร้อมศรี” เป็นอีกกลุ่มที่มีความแตกต่างจากกลุ่มแรก ซึ่งสามารถซื้อไว้พักอาศัย หรือจะซื้อไว้ลงทุนปล่อยเช่าก็ได้ ซึ่งรีเทิร์นดีมาก มี waiting list ตลอด เรามีบริการ rental guarantee แต่ไม่เคยต้องใช้”
ทุ่มสุดตัวปั้น “สโคป ทองหล่อ”
ล่าสุดเป็นโครงการ “สโคป ทองหล่อ” ซึ่งหากใครได้เห็นต้องคิดว่า มีโครงการเช่นนี้อยู่ในเมืองไทยด้วยหรือ
“ยงยุทธ” เล่าที่มาของตึกนี้ว่า ก่อนจะทำตึก ผมดูมากพอสมควร ผมเทียบกับตลาดเมืองนอกหมด ไม่เคยเทียบกับตลาดไทย ผมเทียบกับ 432 Park Avenue (New York) ผมเทียบกับโปรเจ็คต่างๆ เค้าอาจจะมีหินอ่อนก้อนใหญ่กว่าผมบางจุด แต่ด้วย connectivity ด้วยอะไรต่างๆ ไม่มีทางสู้ได้
“สโคป ทองหล่อ” เป็นโครงการคอนโดมิเนียมแฟลกชิป ระดับอัลตร้าลักชัวรี All-Penthouse แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่สร้างเสร็จสมบูรณ์พร้อมอยู่ ภายใต้แนวคิด “Privacy at Its Best” มอบความเป็นส่วนตัวสูงสุดด้วยเพนต์เฮาส์เพียง 18 ยูนิต บนทำเลล้ำค่าหายากติด BTS ทองหล่อ
ศูนย์กลางสุขุมวิท-ทองหล่อ ย่านไลฟ์สไตล์ชั้นนำของกรุงเทพฯ พร้อมบริการที่ตอบโจทย์กลุ่มที่มองหาคุณภาพชีวิตและความสะดวกสบายที่แตกต่างอย่างเหนือระดับ กับเอกลักษณ์ด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบตกแต่ง
“เรื่องดีไซน์ เป็นสิ่งสำคัญ ที่สโคป ทองหล่อ จึงมีทีมที่ปรึกษาด้านการออกแบบและพัฒนาโดยทีมงานระดับโลก เพื่อสร้างสรรค์ให้โครงการมีมาตรฐานระดับสากล โดยมี Thomas Juul-Hansen นักออกแบบชื่อดังชาวเดนมาร์ก เป็นที่ปรึกษาด้านการออกแบบสถาปัตยกรรมของตัวอาคาร สโคป ทองหล่อ เป็นโครงการแรกและโครงการเดียวในเอเชียที่เขารับเป็นที่ปรึกษาอย่างเต็มรูปแบบ”
การออกแบบของโครงการ สโคป ทองหล่อ จึงมุ่งเน้นไปที่การมอบประสบการณ์ความเป็นส่วนตัวและความสะดวกสบายสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้กระจก Double-glazed Insulated Low-E ที่มีความหนาถึง 33 มิลลิเมตร (ซึ่งหนากว่ากระจกโครงการทั่วไปในไทยถึง 4 เท่า) พร้อมยังมี Air Gap ช่วยลดความร้อน ลดทอนความจ้าของแสง และกรองเสียงรบกวนจากภายนอก เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้สัมผัสกับความสงบสบายภายในยูนิตของตน
ภายใน “สโคป ทองหล่อ” ยังติดตั้งระบบฟอกอากาศ ภายในอาคารด้วยตัวกรอง Plasma ไว้ในระบบแอร์ เพื่อช่วยกรองฝุ่น PM 2.5 และเชื้อโรคต่างๆ ทำให้ผู้อยู่อาศัยมีสุขภาพที่ดีและอากาศที่บริสุทธิ์ภายในพื้นที่พักอาศัย พร้อมตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง ที่ความสวยงาม และทนทานในระยะยาว
นอกจากนี้ภายในสโคป ทองหล่อ ยังมีบริการพิเศษระดับเฟิร์สคลาส ไม่ว่าจะเป็น บริการทำความสะอาด (Housekeeping Service) บริการช่างทำผมประจำโครงการ (In-House Beautician) และบริการพ่อครัวประจำโครงการ (In-House Chef) สวนสำหรับสุนัข ห้องรับรอง ฟิตเนส ห้องสปาเพื่อสุขภาพ ห้องเด็กเล่น และห้องแกรนด์เปียโน สระว่ายน้ำหินอ่อน อ่างน้ำร้อน และห้องโยคะ/พิลาทิส ด้วย
“ผมทำโครงการนี้แตกต่างจากที่อื่นตรงที่เราให้เฟอร์นิเจอร์ครบชุดในทุกห้อง ยกเว้นเฟอร์นิเจอร์ที่ลอยตัวเท่านั้น คือเตียง โต๊ะกินข้าว เก้าอี้ ส่วนที่เหลือเป็น built-in ทั้งหมด เราทำห้องตัวอย่าง 3 ห้อง ค่าออกแบบประมาณ 1.5 แสนบาทต่อห้อง ค่าเฟอร์นิเจอร์พวกนี้ต้นทุนสูงมาก 23 ล้านบาท ถ้าไปซื้อข้างนอกต้อง 30 ล้านบาทไม่รวมค่าดีไซน์ เราไม่ได้ลดสเปคเลย อยากได้อะไรเอาเลย”
สำหรับ “สโคป ทองหล่อ” ตั้งอยู่บนที่ดินขนาดประมาณ 1 ไร่ 1 อาคาร สูง 32 ชั้น และชั้นใต้ดิน 2 ชั้น พร้อมที่จอดรถ 112 คัน มีจำนวน 18 ยูนิต มูลค่าโครงการรวมกว่า 3,427 ล้านบาท ส่วนพักอาศัยเริ่มตั้งแต่ชั้น 10 - 31 โครงการมีให้เลือกทั้งแบบ Simplex, Duplex และ Triplex ขนาดพื้นที่ตั้งแต่ 416 ตารางเมตร ไปจนถึง 756.5 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 226 ล้านบาท
วันนี้ยากที่สุดในชีวิต
เมื่อมีโอกาสพบกับ “CEO” ระดับแนวหน้าของเมืองไทย ก็ต้องไม่พลาดที่จะสอบถามเรื่องของ “เศรษฐกิจไทย” ในวันนี้ที่กำลังเผชิญกับวิกฤตหนัก
ต่อคำถามที่ว่า กว่า 30 ปีในโลกธุรกิจ ซึ่ง “ยงยุทธ” เผชิญกับวิกฤตมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นวิฤตต้มยำกุ้ง ค่าเงินบาท น้ำท่วมใหญ่ การเมืองเปลี่ยนขั่ว โควิด-19 แผ่นดินไหว จนล่าสุดภาษีสหรัฐฯ คิดว่าอะไรที่หนักที่สุด
“พ่อมดอสังหาฯ” บอกว่า
“วันนี้ยากที่สุดในชีวิต คำว่าโควิด ผมไม่สะเทือนอะไร แต่วันนี้เค้าเรียกผีซ้ำซ้อน มันโดนทุกดอกเลย”
ปัญหาเศรษฐกิจไทยไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว เศรษฐกิจไม่ดีมาตั้งแต่ก่อนโควิด ไม่ใช่เพิ่งไม่ดี ปัญหาที่เผชิญอยู่เป็นปัญหาโครงสร้างที่สะสมมายาวนาน ไม่ใช่ปัญหาเฉพาะหน้าที่จะผ่านไปได้ง่ายๆ
ตลาดอสังหาฯเป็นเหมือนกระจกสะท้อนเศรษฐกิจ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ “ยงยุทธ” มองเห็นภาพรวมของเศรษฐกิจผ่านพฤติกรรมของลูกค้า
“ขายยากมาหลายปีแล้ว ขายยากมาตลอด”
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคเป็นอีกสัญญาณหนึ่ง ลูกค้าก็เปลี่ยนการตัดสินใจ บางคนมาอยู่บ้านเดี่ยวบ้าง ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจทำให้คนมีความระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น และเลือกรูปแบบการลงทุนที่ให้ความรู้สึกปลอดภัยกว่า
“ถ้าเป็นนักธุรกิจจะเข้าใจว่า สถานการณ์การเมือง เศรษฐกิจ ทุกกระบวนท่า นั่นหมายความว่า ความท้าทายในปัจจุบันไม่ได้มาจากปัจจัยใดปัจจัยหนึ่ง แต่เป็นการซ้อนทับของปัญหาหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ความไม่แน่นอนทางการเมือง ที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน โครงสร้างเศรษฐกิจ ที่ยังไม่ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค ที่ระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น และแรงกดดันจากต้นทุน ที่เพิ่มสูงขึ้นในทุกด้าน”
สุดท้ายก่อนจบบทสนทนา ก็ไม่พลาดให้ “พ่อมดอสังหาฯ” พยากรณ์ถึงโอกาสที่เศรษฐกิจไทย จะพลิกฟื้นมาได้ ว่าต้องใช้เวลายาวนานเท่าไร ซึ่งคำตอบที่ได้คือ อีก 2 ปี จะฟื้นหรือไม่ยังไม่รู้ ขณะที่สโคปเองด้วยมูลค่าโครงการที่มีอยู่รวมกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท ยังต้องเดินหน้าต่อไป ซึ่งเราไม่ลดราคา ถ้าเราลดราคา เราเชื่อว่าเราขายหมด เราไม่เน้นขายเพื่อเอา sale volume แต่เราเชื่อว่าเราจะประคองตัวไปได้ พร้อมกับการมุ่งหา New Demand…
อีกหนึ่งมุมมองที่น่าสนใจและเชื่อว่าจะสะกิดใจนักลงทุนได้หลายๆ คน