พาทัวร์ ‘เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์’ มาเก๊า ‘ลาสเวกัสเอเชีย’ สร้างรายได้จริงหรือ
ภายหลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติหลักการ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจ สถานบันเทิงครบวงจร หรือ “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex)” และต่อมาได้มีการถอนร่างกฎหมายดังกล่าวออกจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่ง “Entertainment Complex” มี “กาสิโน” เป็นส่วนประกอบด้วย แต่รัฐบาลออกมายืนยันว่ากาสิโนเป็นเพียง 10% เล็ก ๆ ภายใน “Entertainment Complex” สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการลงทุนในระยะแรก ที่คาดว่าไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท และเกิดการสร้างงาน 9,000-15,300 ตำแหน่ง รัฐจะมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 12,037-39,427 ล้านบาทต่อปี จากภาษีจากธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ประมาณ 8,773-35,093 ล้านบาทต่อปี จากภาษีกาสิโน ขั้นต่ำ 3,264 ล้านบาทต่อปี จากค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและภาษีการเล่นการพนัน และค่าธรรมเนียมเข้ากาสิโน ขั้นต่ำ 3,700 ล้านบาทต่อปี
วันนี้ “ทีมข่าวเดลินิวส์” จะพาไปทำความรู้จักกับ “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ที่เขตปกครองพิเศษมาเก๊า (Macau Special Administrative Region หรือ SAR) สาธารณรัฐประชาชนจีน ธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ สร้างรายได้ให้รัฐบาลและสร้างการจ้างงานให้ประชาชน โดย “ทีมข่าวเดลินิวส์” มีโอกาสเยี่ยมชมและพูดคุยกับ 4 ผู้บริหารบริษัท “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ใหญ่ ในเขตปกครองพิเศษมาเก๊าซึ่งได้ชื่อว่าเป็น “ลาสเวกัสแห่งเอเชีย”
โดยกาสิโนถูกกฎหมายอยู่ภายใต้การควบคุมการกำกับดูแลอย่างเข้มงวดของGaming Inspection and Coordination Bureau (Macao) หรือ DICJ เป็นหน่วยงานรัฐบาลของเขตปกครองพิเศษมาเก๊า สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ทำหน้าที่สำคัญในการรักษาความโปร่งใส บังคับใช้กฎหมาย ควบคุมและตรวจสอบอุตสาหกรรมกาสิโนในมาเก๊า ป้องกันการฟอกเงินและอาชญากรรมทางการเงิน
นอกจากนี้ รัฐบาลวางเงื่อนไขสัมปทานใหม่ ยาวตั้งแต่ปี 2023 - ปี 2033 ระยะเวลา 10 ปี (สามารถต่ออายุได้) ขณะที่เก็บภาษีกาสิโนอัตรากว่า 35% ของรายได้ ห้ามดำเนินการกาสิโนออนไลน์ในมาเก๊า นอกจากนี้ผู้ได้รับสัมปทานทำบ่อนกาสิโนต้องทำโครงการความรับผิดชอบต่อสังคม Corporate Social Responsibility (CSR) ที่สนับสนุนวิสาหกิจ SMEs โดยหน่วยงานควบคุมธุรกิจกาสิโนจะเข้าตรวจสอบทุก 3 ปี
เริ่มที่“Las Vegas Sands Corporation” หรือแซนด์ส ไชน่า เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ มีธุรกิจ 6 แห่งในภูมิภาคเอเชีย และขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดมาเก๊าในปี 2004 ด้วยการเปิด“แซนด์ส มาเก๊า (Sands Macao)” โดยการลงทุนในส่วนเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ของ“Sands Macao” มีทั้งโรงแรม ร้านอาหาร ช้อปปิ้งมอลล์ อาคารจัดแสดงคอนเสิร์ต จัดอีเวนท์ต่าง ๆ ไม่ใช่แค่เพียงกาสิโนเพียงอย่างเดียว ขณะเดียวกัน“Sands Macao” ยังมีการจ้างงานประชาชนท้องถิ่นของมาเก๊าถึง 90% มีการทำกิจกรรมขององค์กรที่เกิดขึ้นเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (CSR) อีกด้วย
ทั้งนี้รายได้หลักของ “Sands Macao” 70-80% ของบริษัทได้จากสัดส่วนเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์และกาสิโน โดยตลอด 20 ปีการเติบโตทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น 8 เท่า มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 10 เท่า และมีแผนขยายธุรกิจโดยสนใจลงทุนในประเทศไทยอย่างมาก
ต่อมายักษ์ใหญ่อันดับสอง “กาแล็คซี่ มาเก๊า (Galaxy Macau)” เปิดตัวไปเมื่อปี ค.ศ. 2011 หนึ่งในธุรกิจของGalaxy Entertainment Group หรือ GEG ไม่ใช่เพียงทำธุรกิจกาสิโนเพียงอย่างเดียว แต่เป็นธุรกิจ “ศูนย์รวมความบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex - EC)” ผู้ให้บริการความบันเทิงครบวงจร มีทั้งโรงแรมสุดหรูระดับโลก สวนน้ำลอยฟ้า “Grand Resort Deck” สุดอลังฯ ร้านอาหาร โรงละคร “Galaxy Promenade” แหล่งช้อปปิ้งครบวงจร “Galaxy Arena” สนามกีฬาในร่มที่ใหญ่ที่สุดในมาเก๊า มีที่นั่งถึง 16,000 ที่นั่ง รองรับการจัดคอนเสิร์ตระดับโลก
ทั้งนี้จุดเด่นของ“Galaxy Macau” คือสวนน้ำขนาดใหญ่ และ “Galaxy Arena” ใหญ่ที่สุดในมาเก๊า จัดคอนเสิร์ตระดับโลกมากมาย อาทิ Black Pink, Jackson Wang, One Republic และล่าสุดคอนเสิร์ต G-DRAGON 2025 WORLD TOUR Ubermensch IN MACAU
ขณะที่ยักษ์ใหญ่อันดับสาม“เอ็มจีเอ็ม ไชน่า โฮลดิ้งส์(MGM China Holdings)” ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ MGM Resorts International ก่อตั้งในปี 2004 มุ่งเน้นการพัฒนาโรงแรมแบบครบวงจร เน้นศิลปวัฒนธรรมพื้นที่ถิ่นของมาเก๊า ผลักดันให้นักท่องเที่ยวหันมาสนใจศิลปะและวัฒนธรรม เสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของมาเก๊า มี “MGM COTAI” โรงแรมที่มีไฮไลท์อยู่ที่งานศิลปะที่ได้แรงบันดาลใจสัญลักษณ์การเดินเรือ ยุคพระราชวังซินตราโปรตุเกส ผสมผสานวัฒนธรรมตะวันตก ตะวันออก เข้าด้วยกัน แทรกตัวอยู่ทุกอณูของพื้นที่โรงแรม นอกจากกาสิโนแล้ว ยังมีแผนกสปา ร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ 1 ดาวอย่าง FIVE FOOT ROAD
ขณะเดียวกันภายในยังมี“MGM Theater” โรงละครไฮเทคแห่งแรกในเอเชีย และแลนด์มาร์คจุดใหม่ “Fantasy Box” ด้วย MGM MACAU ใส่ลูกเล่นด้วยจอมัลติมีเดียแอลอีดี 3 มิติความละเอียดสูงพิเศษ ส่วนไฮไลท์สำคัญดึงดูดนักท่องเที่ยวของ MGM คือ “พิพิธภัณฑ์โพลี เอ็มจีเอ็ม (Poly MGM Museum)” พิพิธภัณฑ์ศิลปะระดับโลก โชว์สุดยอดชิ้นงานสมบัติล้ำค่าของชาติ ภายใต้นิทรรศการ “เส้นทางสายไหมทางทะเล : การค้นพบทะเลลึกลับและสมบัติของเส้นทางการค้าโบราณ” อีกหนึ่งแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการเสพงานศิลป์ ซึ่งรัฐบาลไทยก็ให้ความสนใจในส่วนพิพิธภัณฑ์ มิวเซียม เพื่อโชว์สินค้าโอทอป
ปิดท้ายที่บริษัทยักษ์ใหญ่อันดับสี่ “วินน์ พาเลส (Wynn Palace)” เป็นโรงแรมที่สาม ของเครือ Wynn Property ซึ่งมีสาขาแรกอยู่ที่ Las Vegas สาขาสองอยู่ฝั่งมาเก๊า “วินน์ พาเลส“ไม่ได้มีแค่กาสิโน เน้นความหรูหราของห้องพัก และมี Attraction สามารถชมได้แม้ว่าจะไม่ได้พักที่นี่ คือ “Performance Lake” หรือน้ำพุเต้นระบำ ที่จะเต้นตามเพลง ทุก ๆ 20 นาที มีการจัดดอกไม้สดเป็นธีมต่าง ๆ แบบอลังการ
โดยผู้บริหารของ“วินน์ พาเลส“อธิบายให้ทีมข่าวฟังว่ากาสิโนที่นี่ถือเป็น 1 ในกิจกรรมของโรงแรม ส่วนสำคัญหลักในการเรียกแขกคืออาหาร โรงแรมลงทุนด้านอาหารค่อนข้างเยอะ เน้นการจ้างงานคนในพื้นที่ 80-82% เพื่อให้เกิดการพัฒนาไปพร้อม ๆ กับการมีโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมเป็นรากฐานสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในจำนวนที่เยอะ โดยมีการทำสัญญาไว้กับรัฐบาลแล้ว 20 ปี ตอนนี้อยู่ในช่วง 10 ปี เหลืออีก 10 ปี และจะต้องลงทุน 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต้องมีการพัฒนาไปเรื่อย ๆ ต้องมีอินดอร์อารีน่า สร้างลานอีเวนท์ และขณะนี้กำลังสร้างโรงภาพยนตร์ 700 ที่นั่ง ซึ่งจะต้องเสียภาษีกาสิโนให้รัฐบาล 40% ต่อรายได้ ในขณะที่อย่างอื่นเสีย 5% ถึง 10%
แต่ที่น่าสนใจคือ มาเก๊ามีระบบกฎหมายควบคุมขั้นตอนการออกใบอนุญาต และการกำกับดูแลผู้ประกอบการ ป้องกันคุมเข้มแน่นหนา ป้องกันการเข้ามาเล่นกาสิโนเพื่อฟอกเงิน ซึ่งมีการอัปเดตข้อมูลทุกวัน โดยตัวแทนรัฐบาลมาเก๊าจะเข้ามาทำงานอยู่ในโรงแรมด้วย ถ้าหากมีอะไรผิดปกติรัฐบาลมาเก๊าทราบทันที และเช็กประวัติเป็นรายบุคคล ใครมีพฤติกรรมน่าสงสัยจะไม่ให้เข้ามาได้เลย ซึ่งกฎหมายที่มาเก๊าเข้มงวดกว่าที่สหรัฐอเมริกา
อย่างไรก็ตาม ในอีกมุมหนึ่งมีหลายประเทศที่ก้าวข้ามแง่ลบเหล่านี้ และตัดสินใจให้กาสิโนกลายมาเป็นธุรกิจบนดินที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยมองไปที่ประโยชน์ที่ได้รับมากกว่าผลเสีย โดยเฉพาะในเชิงเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการจ้างงาน สำหรับไทยเองรัฐบาลถอนร่างกฎหมายออกจากการพิจารณาของสภา ทำให้เมกะโปรเจกต์ใหญ่ที่มีเดิมพันสูงต้องหยุดชะงัก จากนี้คงต้องรอดูรัฐบาลจะปลุก “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” กลับมาได้อีกหรือไม่ ต้องรอดูต่อไป…
นีรนุช สอนศิลป์ชัย